Blog Page 74

คอลัมน์ เครดิตบูโรคิดเป็นเห็นต่าง : เช็กเครดิตบูโรผ่านออนไลน์ ด้วยตนเองง่าย ๆ รู้ผลได้ทันที ลดการสัมผัส ไร้โควิด-19 : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันศุกร์ 8 มกราคม 2564

เช็กเครดิตบูโรผ่านออนไลน์ ด้วยตนเองง่าย ๆ รู้ผลได้ทันที ลดการสัมผัส ไร้โควิด-19

บทความในวันนี้ ขอสวัสดีปีใหม่ 2564 ทุกๆท่าน ปีที่เรายังต้องฝ่าฟันไปเพื่อให้รอดพ้นในภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 นี้ ด้วยการป้องกันดี มีวินัย ปลอดภัยทุกคน ให้อยู่ห่าง ๆ กัน ล้างมือให้สะอาดบ่อย ๆ ใส่หน้ากากป้องกันนะครับ หากท่านอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ แล้ว แต่อยากเช็กเครดิตบูโรด้วยตนเองก็ทำได้ง่าย ๆ ผ่านออนไลน์ รู้ผลได้ทันที ผ่านด้วยช่องทางหลากหลาย ได้ดังนี้

1.โมบายแอปพลิเคชันธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP e-banking) สามารถตรวจข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่ง สามารถรับรายงาน (e-Credit Report) ทางอีเมลได้ทันที

2.โมบายแอปพลิเคชันธนาคารทีทีบี (ttb touch) ตรวจข้อมูลเครดิตรับรายงาน e-Credit Report ทางอีเมล ภายใน 3 วันทำการ หรือเลือกรับรายงานทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ภายใน 7 วันทำการ

3.โมบายแอปพลิเคชันธนาคารกรุงไทย (Krungthai Next) ตรวจข้อมูลเครดิตรับรายงาน e-Credit Report ทางอีเมล ภายใน 1 วัน โดยมีเงื่อนไขว่าท่านจะได้รับรายงานภายใน 24  ชั่วโมง ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่เครดิตบูโรกำหนด หรือรับรายงานทางไปรษณีย์ลงทะเบียนภายใน 7 วันทำการ

4.ธนาคารออนไลน์หรืออินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงไทย สามารถรับรายงานแบบไปรษณีย์ลงทะเบียน ภายใน 7 วันทำการ

ทั้งนี้ขอย้ำเตือนว่า กรณีชื่อ-นามสกุล อีเมล เบอร์โทรศัพท์มือถือ และที่อยู่ของท่านมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาปรับแก้ไขในระบบให้ถูกต้องก่อนใช้บริการนะครับ

โดยที่ผ่านมา เครดิตบูโรดำเนินการพัฒนาและให้ความสำคัญในการเข้าถึงข้อมูลเครดิตของตนเองมาอย่างต่อเนื่อง โดยอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าของข้อมูลในการตรวจสอบรายงานข้อมูลเครดิตได้อย่างรวดเร็ว หลากหลายช่องทาง อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมก่อนขอสินเชื่อต่าง ๆ จากสถาบันการเงินคือรู้จักตัวเราเองก่อนไปคุยกันในรายละเอียดกับคนให้กู้ รู้ตัวเองว่าประวัติการก่อหนี้  อีกทั้งช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเครดิตของตนเอง และเพื่อป้องกันภัยการเงินในยุคปัจจุบัน รวมทั้งการรณรงค์สร้างวัฒนธรรม “ออมก่อนกู้ คิดก่อนใช้ มีวินัย เมื่อมีหนี้” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีการวางแผนการเงิน พร้อมมีวินัยในการออมเงินและรักษาเครดิตของตนเอง เป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักในเรื่องภาระหนี้ การบริหารจัดการหนี้ การมีวินัย ใช้หนี้ครบใช้หนี้ตรงตามเวลา เพราะอยากเห็นคนไทยมีวินัยทางการเงินเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ไอเดียเพิ่มรายได้ง่าย ๆ จาก Passive Income ที่มนุษย์เงินเดือนก็ทำได้

ไอเดียเพิ่มรายได้ง่าย ๆ จาก Passive Income ที่มนุษย์เงินเดือนก็ทำได้

มนุษย์เงินเดือนยุคนี้ รายได้ทางเดียวไม่เพียงพอจึงจำเป็นต้องมี Passive Income มาสร้างรายได้เพิ่มรับปี 64 กันค่ะ

Passive Income ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับมนุษย์เงินเดือนในยุคนี้ เพราะถือเป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียวแต่สามารถได้รับผลตอบแทนกลับมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

ซึ่งก็มีการลงทุนหรือสร้างรายในรูปแบบ Passive Income อยู่มากมายที่มนุษย์เงินเดือนสามารถทำได้ค่ะ

1. เขียนนิยายลงผ่าน E-Book
การเขียนนิยาย หรือหนังสือลงผ่าน E-Book เป็นช่องทางการสร้าง Passive Income โดยไม่ต้องลงแรงมากมาย เพียงแค่ใช้ไอเดีย ความคิดที่ท่านมี นำมาร้อยเรียง เขียนเป็นเรื่องราว ซึ่งหากมีความน่าสนใจ หนังสือ หนือนิยายของท่านก็อาจสร้างรายได้ได้ในอนาคต

2. ถ่ายภาพ/วิดีโอ ลงขายผ่านเว็บออนไลน์
เพราะสายงานกราฟิก ดีไซน์ แม้กระทั่งการทำคลิป Youtuber กำลังมาแรง และมีหลากหลายเว็บไซต์ที่ให้ท่านได้โพสต์ลงผลงานของตนเอง ซึ่งหากเป็นผลงานที่ถูกใจก็จะถูกซื้อ และท่านก็จะได้ส่วนแบ่งจากรายได้นั่นเองค่ะ

3. ขายของออนไลน์ แบบ Drop Shipping
Drop Shipping คือการนำสินค้าของคนอื่นมาขาย โดยที่ไม่ต้องผลิตด้วยตนเอง สามารถบวกกำไรที่ท่านต้องการเพิ่มได้ ซึ่งถือเป็นอีกช่องทางการสร้าง Passive Income ที่น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ

4. เงินปันผลจากหุ้นและกองทุนรวม
ช่องทางการลงทุนที่ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่ได้รับผลตอบแทนในระยะยาวอย่างแน่นอน ทั้งยังมีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้รายวัน เพื่อนำเงินปันผลได้ต่อยอดอย่างอื่นได้อีกมากมาย
*ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุนนะคะ*

5. สร้างแพลตฟอร์ม คิดไอเดียสินค้าใหม่ที่เป็นลิขสิทธิ์ของตนเอง
อีกช่องทางการสร้างรายได้ที่แม้จะทำได้ไม่ง่าย แต่ถ้ามีไอเดียเจ๋ง ๆ ก็ต่อยอดพัฒนาได้ไม่ยาก อย่างการทำแอป หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมา ถึงจะเป็นการลงทุนที่มาก แต่รับรองว่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีอย่างแน่นอนค่ะ

ไอเดียเพิ่มรายได้ง่าย ๆ จาก Passive Income ที่มนุษย์เงินเดือนก็ทำได้

เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : ปี​ 2563 “ลับขวาน” ให้คม​ ปี​ 2564​ ได้ใช้ขวานตั้งแต่วันแรกของปี : วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564

ปี​ 2563 “ลับขวาน” ให้คม​ ปี​ 2564​ ได้ใช้ขวานตั้งแต่วันแรกของปี

“If you give me six hours to chop down a tree, I’ll spend four hours sharpening the axe.” 
Abraham Lincoln
ขอเวลา​ 6 ชั่วโมง ในการโค่นต้นไม้​โดยเวลา​ 4 ชั่วโมง คือการลับขวานให้คม​ คำพูดนี้เป็นข้อความที่น่าคิด​ และผู้เขียนก็เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านที่เป็นผู้นำองค์กร​ เป็นหัวหน้า​ เป็นทีมงาน​ เป็นคนทำงาน​ เป็นพ่อค้า​ แม่ขาย​ นักธุรกิจ​ เมื่อเวลาแบบนี้​ เวลาแห่งการตั้งหลักต่อสู้กับมรสุมที่ตั้งเค้ารางขึ้นมาอีกแล้วพร้อมกับแสงแรกแห่งปี​ 2564​ 
ในช่วงสองสัปดาห์ของปลายปี​ 2563​ ผู้เขียนเชื่อว่า​ ไม่มีใครคาดคิดว่าสถานการณ์​จะพลิก​กลับหัวจากการเตรียมตัวเฉลิม​ฉลอง​ เตรียมจับจ่ายใช้สอย​ เตรียมเดินทางไปพักผ่อน​ เตรียมเดินทางกลับบ้านไปพบพ่อแม่ครอบครัว​ในต่างจังหวัด​ แถมอากาศ​ก็เป็นใจมาก ๆ​ ในยามที่เดินทางไปในต่างประเทศ​ไม่ได้ของใครหลายคน​ แต่พอเรื่องปะทุที่ตลาดอาหารทะเล​มหาชัย​ ต่อด้วยเรื่องจาก​สถานที่อโคจร​ ลากยาวมาจนทำให้เกิดการแพร่ระบาดภายในประเทศไทยครั้งใหม่​ จนทำให้สวดมนต์​ข้ามปีต้องทำผ่านออนไลน์​ ต้องดูการจุดพลุปีใหม่จากที่บ้านที่คอนโด​ งานฉลองไม่ต้องพูดถึง​ งานวันเด็กจบข่าวแน่นอน​ ประกาศของทางการออกมาเรื่อย ๆ ตามความเข้ม​ ความรุนแรงของปัญหาในแต่ละพื้นที่​ ทั้งหมดนี้สรุปได้เป็นคำ ๆ เดียว คือ​ “ประมาท​ และการ์ด​ตก” ดังนั้นช่วงเวลาต้นปีใหม่ที่จะเริ่มทำงานกันในวันที่​ 4 มกราคม​ 2564​ เราหลายท่านหลายคน​ จะต้องทักทายเพื่อนร่วมงานกันแบบไม่พบเห็นต่อหน้า​ หลายสำนักงานเริ่มปีใหม่ด้วยสิ่งที่เรียกว่า​ การทำงานจากที่พักอาศัยหรือ​ Work​ from Home หรือ​ WFH 
ในช่วงเวลาที่เราต่อสู้กันแบบ​ หยุดอยู่บ้าน​ เพื่อหยุดเชื้อ​ ก็เพื่อชาตินั้น​ การปรับตัวและเตรียมตัวเราจะประกอบด้วย
1.สุขอนามัย​จะต้องมาก่อน​ ความสะอาดของมือ การวัดอุณหภูมิ​ของร่างกาย​ การสังเกตอาการตัวเอง​ ต้องมาก่อน
2.หน้ากากอนามัย​ หน้ากากผ้า​ จากที่ป้องกัน​ PM 2.5 ถูกปรับมาเป็นการป้องกันไวรัสสายพัน​ธุ์ใหม่​ปี 2019​ 
3.การจัดหาอุปกรณ์​เพื่อใช้ในสำนักงานแบบการไร้สัมผัส​ อุปกรณ์​ดิจิทัล​ Application​ ใหม่ ๆ ต้องมีการเรียนรู้มากมายโดยเฉพาะการจัดประชุมออนไลน์​
4.การปรับโหมดการใช้ชีวิต​ การสั่งข้างของมากิน​ มาใช้​ มีรูปแบบใหม่​ แรก ๆ ก็มีเงอะงะ​บ้างทุกชั้นวัย​ สักพักก็ลื่นไหล​ 
5.การวางแผนงาน​ แผนธุรกิจ​ อัตรากำลัง​ การมองธุรกิจช่วงปลายปีที่ว่าสดใสขึ้นมา​ GDP​ ติดลบน้อยกว่าที่คิด​ มีมาตรการออกมากระตุ้นการใช้จ่าย​ มีโครงการคนละครึ่ง​ออกมากระจายเม็ดเงินไปสู่คนตัวเล็ก​ตัวน้อย​ ไม่ใช่ไหลไปเข้ากระเป๋าเจ้าสัว​ ดีใจกับเรื่องวัคซีน​ และจบด้วยว่าเราชนะ​ อยู่กับเลขศูนย์​ และไม่มีการระบาดรอบสอง​ แผนที่เตรียมจึงมีทิศทางในแง่บวกขึ้นมานิดนึง​ 
การที่สิ่งต่าง ๆ เดินมาแบบผ่อนคลายเรื่อย ๆ​ หมอท่านก็ออกมาเตือนว่า​ กำลังการ์ด​ตกแล้วนะ​ จนอยู่ดี ๆ มันก็ปะทุขึ้นมาจากคนที่ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน​ ดังนั้นเพลานี้​ เพลาที่วันนี้คือวันที่​ 4 มกราคม​ 2564​ จะได้เริ่มต้น​ การฝึกฝน​ วินัยในอดีต​ ความอึด​ ความถึก​ ความขยันและการมีประสบการณ์​ใหม่ในปี​ 2563​ ที่ผ่านมา​ หรือก็คือ​ “การลับคมขวาน” ลับให้คม​ ลับให้ดี​ เพื่อเป็นมีดที่ดีในการใช้ในอนาคตก็ได้มาถึงแล้ว​ สิ่งที่ได้เรียนรู้มาตลอดปีเก่า​ มันคือชุดความรู้ในการเอาชีวิตรอดตั้งแต่ต้นปีนี้​ เลิกคิดถึงการสาดน้ำสงกรานต์​ได้เลยนะครับ​ ตรุษจีน​ปีนี้คงได้ไหว้บรรพบุรุษ​ทางออนไลน์​ เทศกาลงานบุญแบบมามุงหาบคงยากแล้วละครับ​ การทำงานจากที่อยู่อาศัยจะเป็นสัดส่วนในเวลาทำงาน เป็นสัดส่วนกับคนที่จะมาทำงานเยอะมากขึ้น​ การสั่งงาน​ ติดตามงาน​ ไปให้ถึงเป้าหมายคงต้องใช้ความอึดและปัญญามากกว่าปีที่แล้ว​ 
ย้อนกลับมาที่คำพูดตั้งต้น​ มีคนตั้งคำถามว่าทำไมต้องใช้เวลาตั้ง 4 ชั่วโมง ในการลับขวาน? …แม้ฟังดูขัดอกขัดใจ ว่าเอาเวลาไปตัดต้นไม้เลยไม่ดีกว่าหรือ แต่เรื่องจริงก็คือ มันจะช่วยให้เราใช้เวลาน้อยลงในการตัดต้นไม้เพราะมีความชำนาญจากการฝึกฝน และ 2 ชั่วโมงที่เหลืออยู่นั้น อาจจะทำให้ตัวเราตัดต้นไม้ได้เยอะกว่าเดิมมาก ๆ ก็ได้เพราะเรามี​ productivity สูงมากขึ้น​ กองทัพที่ดีต้องฝึกฝนผู้คนนานนับปีเพื่อใช้ประโยชน์​ในวันที่ต้องรบจริงแค่วันเดีย​ว​ สัปดาห์​เดียวให้ได้ชัยชนะ​ 
ขอทุกท่านที่อ่านบทความนี้ได้กลับไปสู่ความเป็นสามัญพื้นฐานตอนการ์ด​เราไม่ตกตอนต้นปี​ 2563​ ตอนที่เรา “ลับคมขวาน” 
1.หยุดกิจกรรมที่​ “ไปโน่น ไปนี่​ ไร้สาระ” เพื่อลดเสี่ยงการติดเชื้อ
2.ตอนทำงานให้ทำจริงจัง​ มีสมาธิ​ ใช้ปัญญาจริงก่อนพูดก่อนทำ​ อย่าใช้ปัญญา​อ่อนในการประพฤติ-ปฏิบัติ
3.ทำอะไรบนความรู้จริง​ ไม่ใช่บนความรู้สึก​ เช็กข้อมูลให้ชัวร์​ อย่าแชร์​อะไรมั่ว ๆ
4.ล้างมือ​ ใส่หน้ากาก​ กินร้อน​ ช้อนกลาง​ อยู่ห่าง ๆ กัน
5.รับฟัง​ เปิดใจ​ รับไอเดียใหม่ ๆ​ ต้องเชื่อว่าทุกสิ่งเป็นจริงได้​ ไม่ใช่​ ไม่เอาไว้ก่อน
สุดท้ายเชื่อว่า​ อดีตเป็นเหตุ​ ปัจจุบันเป็นผล​ ปัจจุบัน​เป็นเหตุ​ อนาคตเป็นผล​ 

เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : เราต้องเผชิญหน้าเหตุการณ์วันนี้ด้วย สติ วินัย และไอเดีย : วันอังคารที่ 29 ธันวาคม 2563

เราต้องเผชิญหน้าเหตุการณ์วันนี้ด้วย สติ วินัย และไอเดีย

บทความวันนี้ผมขอยกเอาแนวคิดและคำพูดของผู้นำองค์กรสถาบันการเงินในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งก็คือ “กรุงศรี ออโต้” นั่นเอง เหตุเพราะเมื่อผมได้อ่านข่าวการให้ข้อมูลของผู้นำองค์กรแห่งนี้ต่อสื่อมวลชนแล้วต้องยอมรับว่าชื่นชมวิสัยทัศน์ แนวคิด การตระเตรียมตัวในยุคที่ เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไร หรือ unknown the unknown ทุกท่านลองคิดตามผมมานะครับ

1. ปลายปี 2563 เราน่าจะจัดกิจกรรมกระตุ้นการใช้จ่ายแบบระมัดระวัง ทำให้เงินหมุนเวียน เศรษฐกิจในต่างจังหวัดน่าจะดีขึ้น มาตรการไทยเที่ยว?ไทย น่าจะไปได้สวย ยิ่งมีโครงการคนละครึ่งมาช่วยอีกแรงน่าจะไปได้ดี แต่ก็มาสะดุดเพราะการระบาดภายในประเทศไทยรอบใหม่

2. สายบุญหลายท่านต่างเตรียมตัวเตรียมใจ จะไปเข้าวัด ถือศีลปฏิบัติธรรม วัดวาอารามต่างเตรียมสวดมนต์ข้ามปี ซึ่งเป็นกิจกรรมหนุนส่งกำลังใจหลังจากที่ต้องฝ่าฟันกันมาเป็นปีจากการแพร่ระบาดไวรัส แต่ก็มาสะดุดเพราะการระบาดภายในประเทศไทยรอบใหม่

3. กิจกรรมบันเทิง ดารา นักร้อง ดีเจ ลูกทุ่ง หมอลำ ลิเก ละเม็งละคร ต่างจัดตารางเดินสาย โชว์ตัว เตรียมรับทรัพย์กันเต็มที่ ลูกวงจะได้เงินรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็มาสะดุดเพราะการระบาดภายในประเทศไทยรอบใหม่

ภาวะการที่ละล้าละลัง คิดไม่ตกว่าจะเดินทางไปพักผ่อน เดินทางกลับถิ่น เดินทางข้ามจังหวัด มีการยกเลิก การเลื่อน การจองที่พักหรือการเข้าพักตอนปลายปีสะดุดไปหมด เรียกได้ว่าเมืองท่องเที่ยวต่างน้ำตาตกกับเหตุการณ์ที่มีจุดเริ่มจากการลักลอบกลับเข้าเมืองไทยของคนที่ไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน ต่อด้วยการแพร่ระบาดที่ตลาดอาหารทะเล จนกระจายไปกว่าสามสิบจังหวัด มาตรการแบ่งพื้นที่เขียว เหลืองแดง พร้อมมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดออกคำสั่ง ปิดหรือหยุดกิจกรรมในพื้นที่เพื่อป้องกันกันอย่างเต็มเหนี่ยว ในขณะที่ฟากฝั่งเศรษฐกิจก็ใจไม่ค่อยดีกับยอดหนี้เสียที่ธนาคารกลางกำลังลงไปบี้เอากับสถาบันการเงินให้แยกแยะลูกค้าโดยเฉพาะ SME ให้ออกมาตามเกณฑ์ เขียว เหลืองและแดง เช่นเดียวกัน มีการบี้ให้แจ้งผลการดำเนินงานในการเร่งปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ลูกค้าจ่ายชำระหนี้ตามศักยภาพ ตามกระแสรายได้ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น แต่ก็มาสะดุดเพราะการระบาดภายในประเทศไทยรอบใหม่ เพราะเหตุว่าถ้ามีการ lock down ที่พื้นที่ไหน ผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อผู้ประกอบการในพื้นที่ก็ต้องเจอเต็มๆ อาการที่เรียกว่า “ยอดหนี้มีเท่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือไม่มีจะจ่าย”

สติ วินัย และไอเดีย คือสิ่งที่เราๆ ท่านๆ ต้องยึดถือยึดมั่นให้มาก

ต้องมีสติในการพินิจพิจารณาว่าข้อมูล ข้อเท็จจริง ข่าวสารที่เข้ามา อะไรจริง อะไรเท็จ อะไรควรแชร์ ในส่วนของการทำงานต้องกำหนดลมหายใจให้มั่น คิดให้ตกว่าจะเดินอย่างไร เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ เวลานึกกิจกรรมอะไรได้ให้ตั้งคำถามว่า ทำช้าหรือทำเร็ว ทำหนักหรือทำเบานะครับ
วินัยคือการอดทนอดกลั้น ลงมือทำในสิ่งที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เช่น การกำหนดตารางออกกำลังกาย ตื่นเช้าต้องไปวิ่ง ถึงเวลาก็ต้องลุก อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง วินัยทางการเงินของกิจการยิ่งสำคัญ ค่าใช้จ่ายต้องก่อให้เกิดรายได้ จ่ายอะไรออกไปแล้วไม่ได้รายได้กลับมา รายจ่ายนั้นคือค่าโง่นั่นเอง
สุดท้ายคือไอเดีย ความคิดที่ผุดขึ้นมาทั้งในแง่ สร้างรายได้ ลดรายจ่าย เพิ่มโอกาส ไม่ว่าจะมาจากทีมงาน ผู้บริหารระดับไหน ต้องเอามาพิจารณาให้หมด เวลานี้ไม่มีใครเก่งกว่าใครแล้ว อะไรที่ทำได้ต้องรีบทำ ทำแล้วถ้าไม่ได้ผลให้รีบยกเลิก หาทางใหม่ อย่าติดกับดักความคิดเอาชนะ เวลานี้คือ การอยู่รอด อยู่ให้เป็นกับโควิด-19 และอยู่ให้ยาวหลังโควิด-19 ให้ได้

ผู้เขียนตีความสามคำนี้จากวิสัยทัศน์ของ “กรุงศรีออโต้“ ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้นะครับ

สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา

สุขสันต์วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 ปีที่เรายังต้องฝ่าไปให้รอดให้ได้ด้วย สติ วินัยและไอเดียครับ

วิธีออมเงินขั้นเทพ เงินไม่หาย ไม่ไหลจากกระเป๋า เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น

วิธีออมเงินขั้นเทพ เงินไม่หาย ไม่ไหลจากกระเป๋า เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น

เริ่มต้นปีใหม่ 2564 ท่านมีการวางเป้าหมายการออมเงินกันบ้างหรือยังคะ?

การออมอย่างจริงจังและมีเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นเรื่องดี
ถ้าหากเรามีวิธีการออมเงินที่ดี เราจะมีความสบายใจ ไร้กังวล มีเงินใช้จ่ายอย่างพอประมาณ มาลองดูวิธีการออมเงินขั้นเทพ
ที่นอกจากช่วยไม่ให้เงินหาย และไหลจากกระเป๋า ก็ยังมีเงินไว้ใช้ยามจำเป็นค่ะ

วิธีออมเงินขั้นเทพ เงินไม่หาย ไม่ไหลจากกระเป๋า ใช้เที่ยวทันสิ้นปี

ชีวิตต้องรอด! 5 วิธีเอาตัวรอดจากวิกฤติทางการเงิน เดือนชนเดือน

ชีวิตต้องรอด! 5 วิธีเอาตัวรอดจากวิกฤติทางการเงิน เดือนชนเดือน

การเงินเจ็บหนัก รายจ่ายบาน ใช้เงินเดือนชนเดือน ในปี 63 ปรับตัวเองใหม่ในปี 64 ได้ง่าย ๆ ด้วย 5 วิธีนี้

1. ใช้จ่ายอะไร จดไว้ให้หมด
ในช่วงที่รายรับเท่าเดิม แต่รายจ่ายมากขึ้นเช่นนี้ จำเป็นต้องรัดกุมกับเงินทุกบาท ทุกสตางค์ ค่าใช้จ่ายที่มีในแต่ละเดือน ต้องใช้อะไร ซื้ออะไรควรจดไว้ เพื่อเตือนความจำและการใช้เงินอย่างมีสตินั่นเองค่ะ

2. ช่างสังเกต เปรียบเทียบสินค้า เช็กราคาเซลอยู่เสมอ
เช่น การเปรียบเทียบสินค้า 1 สิ่ง ระหว่างซื้อเองที่ร้าน หรือ สั่งซื้อทางออนไลน์ แบบไหนคุ้มค่ากว่า โดยคำนวณจาก ค่าเดินทาง ค่าจัดส่ง แล้วเปรียบเทียบดูนั่นเองค่ะ

3. Second Job เพิ่มรายได้
หากรายได้ทางเดียวไม่เพียงพอ การหารายได้เสริมเพื่อเพิ่มรายรับ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้วิกฤติทางการเงินได้เช่นค่ะ แต่จะต้องทำไม่ให้กระทบกับงานหลักด้วยนะคะ

4. ค้นหาช่องทางการลงทุนใหม่ ๆ
เช่น หุ้น กองทุนใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ที่พอจะมีแนวโน้มในการเติบโตในอนาคต ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนกลับมาได้ด้วยค่ะ

5. ลดรายจ่ายไม่จำเป็น
ทั้งค่าเสื้อผ้า ค่ากาแฟ ค่าความบันเทิง ที่เกินกว่ารายรับ และเกินความจำเป็น ควรลดลงมาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม แก้ปัญหาวิกฤติเดือนชนเดือน

การเอาตัวรอดวิกฤติทางการเงินแม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าหากมีวินัย และทำอย่างสม่ำเสมอ ท่านก็จะรอดพ้นวิกฤติได้ไม่ยากค่ะ

ชีวิตต้องรอด! 5 วิธีเอาตัวรอดจากวิกฤติทางการเงิน เดือนชนเดือน

เคล็ดลับวางแผนภาษีช่วงสิ้นปี เตรียมพร้อมให้ดีก่อนไปเคาน์ดาวน์

เคล็ดลับวางแผนภาษีช่วงสิ้นปี เตรียมพร้อมให้ดีก่อนไปเคาน์ดาวน์

“ใกล้สิ้นปี เตรียมวางแผนภาษีกันหรือยัง ?”

เรื่องของภาษีเป็นสิ่งใครหลาย ๆ คนมีภาระหน้าที่ต้องจ่ายในแต่ละปี ซึ่งทุกปีก็จะมีรูปแบบการลดหย่อนภาษี เงื่อนไขที่แตกต่างกันไป หากไม่มีการศึกษาข้อมูล เงื่อนไขของแต่ละรายการให้การลดหย่อนภาษีของท่านอาจสูญเปล่าได้

ฉะนั้นเราจึงมีเคล็ดลับการวางแผนลดหย่อนภาษีในช่วงสิ้นปีมาฝาก เพื่อให้ท่านเตรียมพร้อม วางแผนก่อนไปเคาน์ดาวน์กันค่ะ

1. คำนวณฐานเงินได้ทั้งหมด ณ ปัจจุบัน
วิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มี 2 วิธีที่ต้องใช้คู่กัน ได้แก่
– คำนวณแบบขั้นบันได
เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ
จากนั้น
เงินได้สุทธิ * อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย
ซึ่งถ้าท่านคำนวณเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ท่านก็จะไม่ต้องจ่ายภาษีค่ะ

– คำนวณแบบเหมา 0.5%

เงินได้ที่ไม่ใช่เงินเดือน * 0.5% = ค่าภาษี

กรณีนี้จะถูกนำมาใช้ต่อเมื่อท่านมีรายได้ที่นอกเหนือจากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว และจะนำมาใช้ต่อเมื่อเข้าเงื่อนไขครบทุกข้อต่อไปนี้เท่านั้น
– คำนวณจากรายได้ทุกทางยกเว้นเงินเดือน
– คำนวณภาษีแล้วค่าภาษีต้องเกิน 5,000 บาท
– คำนวณภาษีแบบเหมาแล้วได้มากกว่าแบบขั้นบันได

2. ตรวจสอบรายการลดหย่อนภาษีในปีนั้น ๆ
ในแต่ละปีจะมีการอัปเดตรายการลดหย่อนภาษีที่สามารถใช้ได้ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว ค่าลดหยอดบุตร ค่าลดหย่อนบิดามารดา เบี้ยประกัน กองทุน ประกันสังคม เป็นต้น

3. ศึกษาเงื่อนไขการลงทุนก่อนเพื่อลดหย่อนภาษี
ช่วงสิ้นปีถือเป็นเทศกาลการลงทุน และการลดหย่อนภาษี มีการลงทุนหลากหลายแบบที่ลงทุนภายในช่วงสิ้นปี และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ในปีหน้า เช่น กองทุน SSF RMF ของแต่ละสถาบันการเงิน ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เป็นต้น

4. รู้จักวางแผนกระจายเงินได้
เพราะการลดหย่อนภาษีมีมากมายหลายรูปแบบ ท่านไม่จำเป็นต้องเลือกรูปแบบการลงทุน หรือการลดหย่อนภาษีที่เฉพาะเจาะจงเพียงอย่างเดียว ท่านสามารถกระจายการเงินได้ของท่านเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้เกิดประโยชน์สูงสุดข้อมูลเพิ่มเติม

อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.itax.in.th/pedia/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5/

เคล็ดลับวางแผนภาษีช่วงสิ้นปี เตรียมพร้อมให้ดีก่อนไปเคาน์ดาวน์

3 เรื่องสำคัญที่เครดิตบูโร มักโดนแอบอ้าง

3 เรื่องสำคัญที่เครดิตบูโร มักโดนแอบอ้าง

เรื่องที่เครดิตบูโรโดนเข้าใจผิดและโดนแอบอ้างทุกครั้ง เวลามีการยื่นขอสินเชื่อ

1. เครดิตบูโรเป็นผู้พิจารณา/อนุมัติสินเชื่อ
ความเข้าใจผิดเรื่องแรกคือการโดนแอบอ้างว่า เครดิตบูโรเป็นผู้พิจารณา หรืออนุมัติสินเชื่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ‘เข้าใจผิด’ ค่ะ

เครดิตบูโรเปรียบเสมือนสมุดพกหนี้ ทำหน้าที่จัดเก็บรักษารวบรวมประมวลผลข้อมูลสินเชื่อของลูกค้าสถาบันการเงินตามที่สถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็นสมาชิกเท่านั้น

2. ติด Blacklist เพราะเครดิตบูโร
คำกล่าวอ้างที่บอกว่า “กู้ไม่ผ่าน เพราะติด Blacklist ติดเครดิตบูโร” เป็นคำกล่าวที่ไม่เป็นความจริง

เพราะเครดิตบูโรไม่มีการจัดทำหรือขึ้นบัญชีให้กับใครในฐานข้อมูล และในรายงานข้อมูลเครดิตก็ไม่มีคำว่า Blacklist สถานะรายงานข้อมูลจะบอกเพียงแค่ “ปกติ” หรือ “ไม่ค้างชำระ” หรือในกรณีที่ท่านยังไม่ชำระหนี้ ก็จะขึ้นสถานะของรายงานข้อมูลเครดิตว่า “ค้างชำระ” นั่นเองค่ะ

3. อ้างว่าเครดิตบูโรช่วยเคลียร์หนี้/เจรจากับสถาบันการเงิน
เครดิตบูโรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีสิทธิ์อนุมัติ หรือร่วมตัดสินใจให้สินเชื่อกับใคร บุคคลใดกล่าวอ้าง แจ้งเรื่องได้ที่ consumer@ncb.co.th

3 เรื่องสำคัญที่เครดิตบูโร มักโดนแอบอ้าง

เรื่องน่าอ่าน