Blog Page 75

ข่าวเครดิตบูโร 010/2563 : กคช.พม. จับมือกับ เครดิตบูโร ยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจเครดิตบูโรของลูกค้า กคช. ที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อฯ

กคช.พม. จับมือกับ เครดิตบูโร ยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจเครดิตบูโรของลูกค้า กคช. ที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อฯ

 24 ธันวาคม 2563 : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติ ร่วมกับ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขอตรวจสอบข้อมูลเครดิตหรือตรวจเครดิตบูโรของผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยมี นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และ นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร ลงนามร่วมกัน เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ณ ห้องวทัญญู ณ ถลาง สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีภารกิจหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัยควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงที่อยู่อาศัยอย่างทั่วถึงตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ปัจจุบันยังมีผู้มีรายได้น้อยจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อด้านที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงิน การเคหะแห่งชาติจึงได้จัดตั้ง “โครงการสินเชื่อเพื่อ   การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย” ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยที่เป็นลูกค้าของการเคหะแห่งชาติสามารถขอสินเชื่อจากโครงการดังกล่าว หากไม่ได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ การขออนุมัติสินเชื่อให้กับผู้เข้าร่วมโครงการฯ นั้น ได้กำหนดให้ผู้ขอสินเชื่อต้องยินยอมเปิดเผยข้อมูลเครดิตการเคหะแห่งชาติ   จึงได้ประสานขอความร่วมมือไปยังเครดิตบูโรเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขอยื่นสินเชื่อในโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยการเคหะแห่งชาติจะเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้ขอสินเชื่อในการ   ยื่นขอตรวจเครดิตบูโร นอกจากนี้ เครดิตบูโรได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจเครดิตบูโรสำหรับผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อฯ จำนวน 2,000 ราย ก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2564

“ต้องขอขอบคุณ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ที่เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและบรรลุวัตถุประสงค์ของแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี ในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ตามวิสัยทัศน์คือ “คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579 (Housing For All)” นายทวีพงษ์ กล่าวเพิ่มเติ

สำหรับลูกค้าของการเคหะแห่งชาติที่ต้องการเข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ และสำนักงานเคหะนครหลวง หรือ สำนักงานเคหะจังหวัดในพื้นที่ หรือ Call Center 1615 

  นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร กล่าวว่า “เครดิตบูโรมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมใน       โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยของการเคหะแห่งชาติ  โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจเครดิตบูโรให้แก่ผู้เช่าซื้อที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวและยื่นคำขอตรวจเครดิตบูโรก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จำนวนไม่เกิน 2,000 รายการ ตามการประมาณการของการเคหะแห่งชาติ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกกลุ่มผู้มีรายได้น้อย  ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองจากสถาบันการเงินในกลไกตลาดปกติได้  ที่ผ่านมา เครดิตบูโรรณรงค์สร้างวัฒนธรรม “ออมก่อนกู้ คิดก่อนใช้ มีวินัย เมื่อมีหนี้” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีการวางแผนการเงิน พร้อมมีวินัยในการ    ออมเงินและรักษาเครดิตของตนเอง เป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักในเรื่องภาระหนี้ การบริหารจัดการหนี้ การมีวินัย ใช้หนี้ครบใช้หนี้ตรงตามเวลา เพราะอยากเห็นคนไทยมีวินัยทางการเงิน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ (ซ้าย) ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ   นายสุรพล โอภาสเสถียร (ขวา) ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ  บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร  E-mail: ilovebureau@ncb.co.th / website: www.ncb.co.th / facebook: www.facebook.com/ilovebureau

ข่าวเครดิตบูโร 009/2563 : เปิดตัวบริการขอสินเชื่อรถยนต์ออนไลน์โดยลีสซิ่งเจ้าแรก “โตโยต้า ลีสซิ่ง”

เปิดตัวบริการขอสินเชื่อรถยนต์ออนไลน์โดยลีสซิ่งเจ้าแรก “โตโยต้า ลีสซิ่ง”

24 ธันวาคม 2563 : บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT) ร่วมกับ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด   (เครดิตบูโร)  บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด (NDID) และสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย (THPA) ร่วมเปิดตัวบริการขอสินเชื่อออนไลน์ผ่านโมบายแอปพลิเคชั่น “TLT Simply” ซึ่งเป็นการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อแบบออนไลน์ที่จะอำนวยความสะดวกและเพิ่มความรวดเร็วให้แก่ลูกค้า  โตโยต้า ลีสซิ่ง เข้าถึงบริการสินเชื่อรถยนต์ได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถติดตามผลการสมัครสินเชื่อได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองผ่านโมบายแอปพลิเคชั่น เพื่อตอบสนองความต้องการและรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าในยุคดิจิทัล ยิ่งกว่านั้น ผู้ใช้บริการยังมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลเครดิตจะมีความปลอดภัยสูงสุด ด้วยการยืนยันตัวตนผ่าน NDID Platform ซึ่งเป็นการขอข้อมูลผ่านระบบอิเล็คทรอนิกส์ โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด

คุณชื่นกมล บุปผาคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “โตโยต้า ลีสซิ่ง เป็นบริษัทลีสซิ่งเจ้าแรกในประเทศไทยที่ลูกค้าสามารถขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ออนไลน์ โดยอยู่ในรูปแบบดิจิทัลทั้งกระบวนการ เริ่มตั้งแต่การกรอกข้อมูลส่วนตัว อัพโหลดเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ ติดตามผลการขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชั่น รวมถึงลูกค้าสามารถให้ความยินยอมเพื่อเปิดเผยข้อมูลยืนยันตัวตนและข้อมูลเครดิตผ่านระบบได้ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการของ TLT แก่ลูกค้า ลดความยุ่งยากทั้งขั้นตอนและเอกสาร ทำให้ลูกค้าทราบผลสินเชื่อได้รวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณการใช้กระดาษซึ่งส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม เป็นการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจดิจิทัลตามนโยบายจากภาครัฐ ยกระดับการให้บริการและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของภาคธุรกิจในประเทศไทย เพื่อให้สอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนไทยในสังคมยุคดิจิทัล

ในช่วงแรก โตโยต้า ลีสซิ่ง เริ่มให้บริการขอสินเชื่อรถยนต์ออนไลน์กับกลุ่มลูกค้าเก่าและปัจจุบันของบริษัท และมีแผนที่จะขยายการให้บริการไปยังลูกค้าทั่วไปในอนาคต และสำหรับการให้บริการยืนยันตัวตนในรูปแบบดิจิทัลผ่าน NDID Platform ในช่วงแรกการให้บริการนี้ยังเป็นการให้บริการในวงจำกัดบน BOT Regulatory Sandbox เท่านั้น

คุณสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) กล่าวว่า “การร่วมมือกันของสี่หน่วยงานในครั้งนี้ ทำให้การขอสินเชื่อรถยนต์ผ่านระบบดิจิทัลมีความสมบูรณ์แบบทันสมัยสอดคล้องกับพฤติกรรมความต้องการในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี เมื่อลูกค้ายื่นคำขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชันของ TLT และได้ยืนยันตัวตนผ่าน NDID Platform แล้ว เครดิตบูโรสามารถเปิดเผยข้อมูลเครดิตให้กับ TLT ได้ทันที ทำให้ทั้งกระบวนการขอสินเชื่อจะไม่มีเอกสารที่เป็นกระดาษ และยังมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลเครดิตอีกด้วย ที่ผ่านมา เครดิตบูโรรณรงค์สร้างวัฒนธรรม “ออมก่อนกู้ คิดก่อนใช้ มีวินัย เมื่อมีหนี้” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีการวางแผนการเงิน พร้อมมีวินัยในการออมเงินและรักษาเครดิตของตนเอง เป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักในเรื่องภาระหนี้ การบริหารจัดการหนี้ การมีวินัย ใช้หนี้ครบใช้หนี้ตรงตามเวลา เพราะอยากเห็นคนไทยมีวินัยทางการเงินเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

คุณบุญสันต์ ประสิทธิ์สัมฤทธิ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด หรือ NDID กล่าวว่า “ก่อนอื่น NDID รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ โตโยต้า ลีสซิ่ง, บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ และบริษัทเนชั่นแนลดิจิทัลไอดี ได้ร่วมมือกันสร้างธุรกรรมเช่าซื้อดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ สอดรับกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการทำธุรกรรมดิจิทัลในประเทศไทย ก้าวแรกของความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมดิจิทัลนั้น คือความมั่นใจว่าบุคคลที่ทำธุรกรรมนั้นคือบุคคลนั้นอย่างแท้จริง NDID เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐาน และความน่าเชื่อถือของการทำธุรกรรมดิจิทัล และสามารถนำไปต่อยอดไปสู่ขั้นตอนอื่นๆ NDID Platform มีความปลอดภัยของข้อมูล ความโปร่งใสตรวจสอบได้ เนื่องจากดำเนินงานอยู่บนเทคโนโลยีบล็อกเชน อีกทั้งเรายังได้รับความร่วมมือจากสมาชิกในหลายภาคส่วนในการให้บริการ ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ทั้งหมดนี้จะส่งเสริมและรองรับการเติบโตของการทำธุรกรรมดิจิทัลของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี”

ทางด้าน คุณวิสิทธิ์ พึ่งพรสวรรค์ ในฐานะประธานกรรมการสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย หรือ Thai Hire-Purchase Association (THPA) ได้กล่าวว่า “เมื่อปลายปี 2562 ทางสมาคมฯได้มีโอกาสเดินทางไปดูงานที่ประเทศจีน ทำให้ได้เห็นการใช้เทคโนโลยีในการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า กอปรกับการได้ไปร่วมงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการให้บริการของ NDID ที่ขยายการให้บริการยืนยันตัวตนข้ามหน่วยงาน สมาคมฯ ก็ได้ตระหนักถึงรูปแบบใหม่ของการให้สินเชื่อเช่าซื้อแบบออนไลน์นั้น มาเร็วกว่าที่คาดไว้และจะเป็นเทรนด์ใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ ทางสมาคมฯจึงได้ร่วมกับ NCB และ NDID ในการวาง Timeline และสนับสนุนทางด้านวิชาการเพื่อให้สมาชิกสมาคมทั้งธนาคาร  บริษัทสินเชื่อเช่าซื้อในกลุ่มบริษัทรถยนต์ (Captive) และ Non-bank ที่มีศักยภาพเข้าสู่ระบบการให้สินเชื่อเช่าซื้อออนไลน์ เพื่อเป็นการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการให้สินเชื่อเช่าซื้อให้ทันสมัยและบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง ซึ่งทาง โตโยต้า ลีสซิ่ง ถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่ประสบความสำเร็จ และจะเป็นต้นแบบที่ดีที่เป็นหนึ่งในผู้นำด้านวัฒนธรรมและด้านเทคโนโลยีในด้านการบริการของธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ ท้ายนี้ สมาคมฯ คาดหวังจะสนับสนุนให้สมาชิกสมาคมที่มีศักยภาพเพียงพอเข้าสู่ระบบสินเชื่อเช่าซื้อออนไลน์ให้แล้วเสร็จภายในปี 2564”

จากซ้าย  คุณสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) คุณวิสิทธิ์ พึ่งพรสวรรค์ ประธานกรรมการสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย  คุณชื่นกมล บุปผาคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และ คุณบุญสันต์ ประสิทธิ์สัมฤทธิ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด

*ภาพดังกล่าวถูกบันทึกก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่

 

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร  E-mail: ilovebureau@ncb.co.th / website: www.ncb.co.th / facebook: www.facebook.com/ilovebureau

อยากมีสถานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น! ต้องทำตามข้อแนะนำนี้

อยากมีสถานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น! ต้องทำตามข้อแนะนำนี้

ในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่กำลังอ่อนแอ แต่สถานทางการเงินของเราต้องไม่อ่อนแอตาม ถ้าอยากให้การเงินของท่านมีความแข็งแกร่ง ก้าวข้ามผ่านความอ่อนแอไปได้ มี 5 ข้อแนะนำตามนี้ค่ะ

1. อย่าชะล่าใจกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
หากท่านยังมีงานทำให้รักษาการงานไว้ให้มั่นคง และหยุดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นในสถานการณ์ช่วงนี้

2. มีเงินเก็บ 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน
ท่านสามารถประเมินรายจ่ายคร่าว ๆ ได้จากเกณฑ์การใช้จ่ายของท่านในแต่ละเดือน เพื่อใช้สำหรับยามฉุกเฉิน หรือเหตุไม่คาดฝันในอนาคต และเริ่มออมเงินอย่างสม่ำเสมอ ป้องกันเหตุฉุกเฉิน

3. ระวังมิจฉาชีพแฝงตัวมาตีสนิท
ช่วงเวลาที่โจรเริ่มชุกชุม และมาในหลากหลายรูปแบบ บางครั้งแฝงมาในรูปแบบเพื่อนของเพื่อน เพื่อขอยืมเงิน ดังนั้นท่านต้องเช็กข้อมูลให้อย่างถี่ถ้วน สอบถามรายละเอียดให้ชัดเจน เพื่อป้องกันสถาการเงินของตัวท่านเองค่ะ

4. อย่าหลงกับดักให้กับหนี้นอกระบบ
หนี้นอกระบบมักจะมีคำพูดเชิญชวนให้ท่านหลงกล เช่น ไม่ต้องมีคนค้ำประกันก็กู้ได้ ผ่อนคืนวันละ 100 บาท เป็นต้น ซึ่งหากหลงกับดัก จะทำให้สถานการเงินของท่านแย่ลงไปอีก ถ้าอยากให้การเงินท่านดีขึ้น ต้องมีสติ และอย่าหลงกลไปเด็ดขาดค่ะ

5. อย่าลงทุน หรือเก็งกำไรแบบผิด ๆ
การลงทุนในช่วงนี้เป็นสิ่งที่ควรจะต้องศึกษาข้อมูลให้อย่างถี่ถ้วน วิเคราะห์ระดับความเสี่ยงที่ตนเองสามารถรับได้ และที่สำคัญอย่าเก็งกำไรแบบผิด ๆ หากไม่ศึกษาข้อมูลการลงทุนให้ดี เพราะจากที่จะได้กำไร กลับกายเป็นขาดทุน และสูญเงินไปจนหมดได้ค่ะ

อยากมีสถานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น! ต้องทำตามข้อแนะนำนี้

ข่าวเครดิตบูโร 008/2563 : “เจ ฟินเทค” เพิ่มประสิทธิภาพสินเชื่อ เจ มันนี่ เป็น Non-Bank รายแรกที่ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลแบบเรียลไทม์

“เจ ฟินเทค” เพิ่มประสิทธิภาพสินเชื่อ เจ มันนี่ เป็น Non-Bank รายแรกที่ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลแบบเรียลไทม์

วันที่ 23 ธันวาคม 2563 : บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด เดินหน้าเสริมประสิทธิภาพการให้บริการสินเชื่อเจ มันนี่ (J Money) เปิดบริการ สมัครสินเชื่อ ตรวจสอบข้อมูลเครดิต และ เครดิตสกอริ่ง โดยร่วมกับ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด หรือ NDID และ บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสมัครและตรวจสอบข้อมูลเครดิตในเบื้องต้นของตนเองผ่านทางแอปพลิเคชัน J Money รวมทั้งสามารถยืนยันตัวตนการสมัครและยินยอมให้เปิดข้อมูลตนเอง แบบดิจิทัลได้ทันทีจากแพลตฟอร์ม JID ตามมาตรฐานของ NDID ซึ่งจะช่วยให้การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นไปด้วยความปลอดภัย มั่นใจได้ด้วยการจัดเก็บบนเทคโนโลยีบล็อกเชน และ ถูกต้องตามกฎหมาย

นายกิติพัฒน์ ชลวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัทเจมาร์ท กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เจ ฟินเทคได้พัฒนาประสิทธิภาพในการให้บริการสินเชื่อเจ มันนี่มาตลอด เบื้องต้นเมื่อลูกค้าต้องการขอสินเชื่อ จะต้องใช้ระยะเวลาจากที่ใช้เวลา 3-5 วัน ในกระบวนการทางเอกสารแบบอนาล็อกและการตรวจวิเคราะห์ข้อมูลเครดิต แต่ด้วยความร่วมมือกับ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด (NDID) และ บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด ทำให้เราพัฒนาฟีเจอร์ “e-NCB” สำหรับให้ข้อมูลเครดิต ในกระบวนการ เครดิตสกอริ่งแบบดิจิทัล “e-Scoring” ทำให้ลดเวลาในการตรวจสอบผลอนุมัติเบื้องต้น (Pre-Approval) เหลือเพียง 3 นาที ด้วยการเชื่อมต่อเข้าสู่ฐานข้อมูลเครดิตทำให้ระบบสามารถวิเคราะห์ขั้นต้น ว่าผู้ขอสินเชื่อไม่มีความเสียหายในประวัติทางการเงินใดๆ จากระบบฐานข้อมูลเครดิตบูโร โดยทำงานร่วมกับ แพลตฟอร์ม JID ของ เจ เวนเจอร์ ที่เป็นระบบ “e-KYC ” สำหรับการยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมการเงินแบบดิจิทัล ที่เชื่อมต่อบนโครงข่าย NDID ทำให้ลูกค้าเห็นโอกาสที่จะได้ได้รับอนุมัติวงเงินอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอลุ้นนาน
โดยหลังจากนี้เจ ฟินเทคก็ได้เร่งพัฒนาระบบการให้สินเชื่อดิจิทัลเต็มรูปแบบตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ด้วยการทำงานแบบ paperless ด้วยกระบวนการตอบรับวงเงินสินเชื่อและสัญญา ผ่านระบบ “e-Contract” ผ่านกระบวนการ “e-Signature” ทั้งนี้ระบบงานและเทคโนโลยีทั้งหมด ของ เจ มันนี่ แอปพลิเคชัน พัฒนาและดูแลโดย เจ เวนเจอร์ส ซึ่งถือเป็นสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารรายแรก (Non-Bank) ที่เปิดให้บริการสินเชื่อดิจิทัลได้แบบเรียลไทม์

นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร กล่าวว่า “สำหรับความร่วมมือกับบริษัท เจ ฟินเทค ในครั้งนี้นับว่าเป็นอีกก้าวของการขยายการให้บริการด้านข้อมูลเครดิตให้สอดคล้องไปกับรูปแบบการใช้ชีวิตทางการเงินในยุคนี้ เนื่องจากปัจจุบันเรากำลังเข้าสู่สังคมดิจิทัล มีการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อทำธุรกรรมต่างๆ ซึ่งเครดิตบูโรเองก็ได้พัฒนาทั้งระบบประมวลผล การรายงานผลข้อมูล และการให้บริการให้มีคุณภาพและทันสมัย เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลเครดิตของตนเองได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และหลากหลายช่องทาง โดยการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้จะช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเครดิตของบุคคล ป้องกันความเสี่ยง รวมทั้งการฉ้อฉลในการกู้ยืมอีกด้วย
และมั่นใจได้ว่าข้อมูลเหล่านี้จะได้รับการคุ้มครองดูแลและรักษาความลับด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล”

นายบุญสันต์ ประสิทธิ์สัมฤทธิ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนลดิจิทัลไอดี จำกัด หรือ NDID กล่าวว่า “เพื่อรองรับการเติบโตของการทำธุรกรรมดิจิทัลในประเทศไทย สิ่งสำคัญที่ทั้งฝั่งของผู้ทำธุรกรรม และผู้ให้บริการ ต้องการคือ ความมั่นใจว่าบุคคลที่ทำธุรกรรมนั้นคือบุคคลนั้นอย่างแท้จริง อันเป็นก้าวแรกของความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมดิจิทัล ซึ่ง NDID เองเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล บริการ NDID มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐาน และความน่าเชื่อถือของการทำธุรกรรมดิจิทัล และสามารถนำไปต่อยอดไปสู่ขั้นตอนอื่นๆ ได้อย่างมั่นใจในความปลอดภัย NDID Platform มีความปลอดภัยของข้อมูล ความโปร่งใสตรวจสอบได้ เนื่องจากดำเนินงานอยู่บนเทคโนโลยีบล็อกเชนอีกทั้งเรายังได้รับความร่วมมือจากสมาชิกในหลายภาคส่วนในการให้บริการ ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ทั้งหมดนี้จะส่งเสริมและรองรับการเติบโตของการทำธุรกรรมดิจิทัลได้เป็นอย่างดี”

นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด ในเครือบริษัทเจมาร์ท ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม JID เพื่อการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล กล่าวว่า “JID เป็น บริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัลที่มีความปลอดภัยสูงตามมาตรฐานสากล และเป็นไปตามมาตรฐานของ NDID โดยการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัลนั้น เป็นการพิสูจน์ตัวตนเพื่อประโยชน์ในการทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชีธนาคาร การทำธุรกรรมเกี่ยวกับการเงิน การเปิดบัญชีหลักทรัพย์ออนไลน์ กองทุนออนไลน์ และประกันภัย เป็นต้น การยืนยันตัวตนด้วยแอปพลิเคชัน JID นั้น ไม่มีค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ ช่วยให้ผู้ใช้งานมีความสะดวก ลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง มั่นใจในความปลอดภัยอีกขั้นตอน ด้วยระบบเปรียบเทียบใบหน้าเทคโนโลยีชีวมิติ (Biometric) จากข้อมูลทางกายภาพเพื่อพิสูจน์และยืนยันตัวตน และมั่นใจในความโปร่งใสด้วยเทคโนโลยีบล็อคเชน”

สำหรับบริการ สมัครสินเชื่อ ตรวจสอบข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่ง โดย J Money มีขั้นตอนการทำงานง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชัน J Money โดยลูกค้าลงทะเบียนและเลือกผลิตภัณฑ์สินเชื่อ จากนั้นกรอกข้อมูลพื้นฐานบุคคลในการสมัครสินเชื่อ และให้ความยินยอมในเปิดข้อมูลเครดิตของตนกับเครดิตบูโรแบบ e-NCB และเลือกว่าจะยืนยันตัวตนดิจิทัล ด้วยแอปพลิเคชัน JID (e-KYC) จากนั้นระบบจะส่งข้อความแจ้งให้ทราบถึงผลลัพธ์ และโอกาสอนุมัติวงเงินต่อไป ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน J Money ได้ทั้งทางระบบ Android และ iOS

*ภาพดังกล่าวถูกบันทึกก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่

 

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร

E-mail: ilovebureau@ncb.co.th / website: www.ncb.co.th / facebook: www.facebook.com/ilovebureau

เช็กก่อนเซ็น “ค้ำ” ถ้าไม่อยากเป็นหนี้หมดตัว!

เช็กก่อนเซ็น “ค้ำ” ถ้าไม่อยากเป็นหนี้หมดตัว!

เซ็น “ค้ำประกัน” โดยไม่เช็กเอกสารให้ดี ระวังใบแจ้งหนี้มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านโดยไม่รู้ตัววววว

การค้ำประกัน แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญในการพิจารณาขอสินเชื่อของสถาบันการเงิน แต่เกิดเพลี่ยงพล้ำเซ็นโดยไม่เช็กรายละเอียดให้ดี ก็อาจทำให้ท่านเป็นผู้รับภาระหนี้แทนได้นั่นเองค่ะ

1. อ่านรายละเอียดสัญญาให้ชัดเจนว่าผู้กู้มีหลักทรัพย์เพียงพอต่อการชำระหนี้

2. เซ็นสัญญาโดยมีลายลักษณ์อักษรชัดเจน และห้ามเซ็นสัญญาที่บอกว่า “ให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทนได้”

3. ผู้ค้ำประกันจะต้องไม่รับผิดแทนลูกหนี้ หากไม่ได้ระบุในสัญญา

4. ข้อตกลงจะเป็นโมฆะ เมื่อหนี้ของผู้กู้สร้างภาระให้เกินสมควร

5. ผู้ค้ำประกันห้ามชำระดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทน หากเจ้าหนี้ไม่แจ้งหนังสือให้ชำระแทนลูกหนี้ ภายใน 60 วัน นับตั้งแต่ลูกหนี้ผิดชำระหนี้

6. หากชำระหนี้แทนลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันสามารถฟ้องลูกหนี้เรียกค่าเสียหายตามวงเงินที่ชำระหนี้แทน รวมถึงค่าเสียหายอื่น ๆ ได้

แหล่งอ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/890040

เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : ป้องกันดี มีวินัย ปลอดภัยทุกคน : วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม 2563

ป้องกันดี มีวินัย ปลอดภัยทุกคน

เมื่อวันที่ 19-20 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บ้านเรากำลังเข้าสู่โหมดเตรียมตัวเฉลิมฉลองการเปลี่ยนผ่านจากปีเก่า 2563 สู่ปีใหม่ 2564 บนความคาดหวังว่าเครื่องมือที่จะมาต่อสู้กับโรคระบาดที่เรียกว่า วัคซีน จะมาทำให้ชีวิตได้กลับไปดำเนินแบบปกติเหมือนดังเดิม

มีบางครอบครัววางแผนไปท่องเที่ยวมีบางกิจการวางแผนจัดงานปีใหม่

มีบางกิจการวางแผนจัด outing

มีบางกิจการกำลังคิดทำบุญบริษัท

มีกลุ่มสายบุญคิดเรื่องสวดมนต์ข้ามปี

มีกล่มคิดดีจะออกไปทำค่ายอาสาพัฒนา

มีกลุ่มคิดต่างทางการเมืองจะทำการชุมนุมแสดงออกทางสัญลักษณ์

และยังมีใครต่อใครคิดเรื่องการจัดกิจกรรมที่จะมีการรวมตัวของผู้คน เช่น ห้างสรรพสินค้าจัดงานเฉลิมฉลองพร้อมการขายของ ลานเบียร์กะว่าจะมีคนมาดื่มกินตามบรรยากาศเย็นๆ ร้านอาหารก็กะว่าคนจะมากินเลี้ยงกันคึกคักปลายปี

เหตุเพราะมนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม ไม่มีนิสัยอยู่แบบโดดเดี่ยว ชอบอยู่กันเป็นหมู่คณะ มีการดำเนินชีวิตแบบมีส่วนร่วมกัน หากแต่โรคภัยที่เข้ามา จะพบว่า มันมาขัดขวางการดำเนินชีวิต ดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ แน่นอนว่าคำแนะนำ

1. อยู่ห่างๆ กัน

2. ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ

3. ใส่หน้ากากป้องกัน

แต่พอข่าวออกมาในช่วงวันหยุด ข่าวหยุดโลกของกรณีสมุทรสาคร บวกกับการโหมกระพือของสื่อบนออนไลน์ การกระจายของข่าวก็ออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้เขียนก็เป็นคนหนึ่งที่มีความวิตกกังวล ซึ่งกังวลว่า1. มันเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในวงกว้าง

2. การแพร่กระจายจะเป็นอย่างไร

3. มาตรการที่ภาครัฐออกมาในระดับพื้นที่ จะส่งผลมาถึงความเป็นอยู่ในเมืองหลวงกี่มากน้อย

4. ครอบครัว กิจการ หน้าที่การงาน จะต้องเข้าสู่โหมดเตรียมพร้อมระดับสีแดงเหมือนตอนเมษายน อีกหรือไม่

5. แล้วปีหน้า เราจะไปกันอย่างไร ไอ้แผนที่วางไว้เดิมมันคงต้องเปลี่ยน เพราะสมมติฐานมันต้องใส่ปัจจัย โอกาสที่จะต้องเจอการระบาดเฟสสองเข้าไปในการเตรียมความพร้อมของแผนปีหน้าเริ่มมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

ผู้เขียนมีภาพหนึ่งที่ได้รับมา เป็นข้อมูลที่ดีมาก ในการแก้ไขความตื่นตระหนกให้กลับมาเป็นความตระหนักรู้ รู้ว่า “เพียงเราสวมหน้ากาก มันจะไม่ลำบากเท่าติดเชื้อ” หรือถ้าเราสามารถจัดให้มีระบบทำงานจากที่บ้านได้ (Work from Home) มันจะลดความเสี่ยงอะไรลงไปมากมาย ภาพที่ทำให้เราต้องตื่นรู้เกี่ยวกับการแพร่กระจายและการติดต่อ ตลอดจนแนวทางที่พี่ๆ ด้านสาธารณสุข?กำลังขับเคี่ยวกันนั้นจะทำให้เราๆ ท่านๆ รู้ว่าเราควรต้องทำตัวอย่างไร ดูภาพประกอบด้านล่างนะครับ

สิ่งสำคัญคือเราต้องประเมินตัวเรา ครอบครัวเรา คนรอบข้าง พนักงานกิจการเรา ว่ามีความเสี่ยงอยู่ในวงกลมที่ 1 หรือ 2 หรือ 3 เหตุเพราะทางสาธารณสุข เขาใช้หลักการนี้ในการ ตรวจ การติดตาม การแยกแยะคัดกรอง การนำมากักตัว และการรักษาฟื้นฟู

ท่านผู้อ่านทุกท่านครับ ยามนี้เราต้องช่วยกันโดยเรียงลำดับความสำคัญดังนี้

1. ตั้งสติ สำรวจตรวจสอบตัวเองและคนใกล้ชิดว่าเตรียมความพร้อม และจัดให้มีข้าวของหรือมาตรการป้องกันตัวเองให้พอ

2. รับฟัง รับรู้สิ่งใดมา ไม่ต้องรีบแชร์ออกไป ดูให้ชัด เอาให้ชัดว่า ข่าวนั้นมีที่มา มีความน่าเชื่อถือประมาณไหน ไม่ต้องแข่งโอลิมปิกในการเป็นผู้นำสารที่รวดเร็ว ด้วยกลัวว่าตนเองจะไม่ได้รับคำชมในกลุ่มไลน์

3. ติดตามข่าวสารจากแหล่งที่เป็นทางการของคุณหมอ อย่าไปฟังเรื่องที่พวกนักการเมืองมาแถลง เชื่อพวกหมออย่าไปเชื่อพวกเขานะครับ

ผลกระทบทางธุรกิจ ทางเศรษฐกิจคงมีมาแน่ แม้เราจะมีโครงการคนละครึ่งมาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายบางส่วน อย่าลืมว่าเรายังมีประเด็นปัญหา ค่าเงินบาทที่แข็ง เงินทุนไหลเข้ามาในตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ การที่ SME ยังต้องการสภาพคล่องแต่ติดขัดที่ยังกระจายผ่านท่อที่วางแผนไว้มันตีบตัน ตัวเลขหนี้เสียมีเพิ่มแน่ ขอเพียงอย่าก้าวกระโดดแบบถล่มทลาย และปริมาณการปรับโครงสร้างหนี้มันทำได้อย่างมีพลัง ส่วนใหญ่คงจะรอดไปได้แม้จะเป็นแบบทุลักทุเลก็ตาม

มาตรการล้างมือ ใส่หน้ากาก จะหยุดเชื้อ หยุดเชื่อข่าวลือ จะช่วยชาติได้จริงๆ ป้องกันได้ดี มีวินัย ปลอดภัยทุกคนครับ

ขอขอบคุณ ที่ติดตามครับ

New Year New Plan วางแผนการเงินรับปีใหม่อย่างไร ให้แผนไม่ล่ม

New Year New Plan วางแผนการเงินรับปีใหม่อย่างไร ให้แผนไม่ล่ม

เริ่มต้นปีใหม่มาทั้งที จะให้แผนการเงินล่มเลยทันทีก็ไม่ได้ใช่ไหมคะ  เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนคงมีภาพจินตนาการ ความคิดที่อยากจะทำกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งปีอยู่มากมาย รวมไปถึงรายจ่าย หนี้สินที่มีอยู่ ถ้าหากไม่มีการวางแผนที่ดี รับรองได้ว่า ภาพจินตนาการที่วาดฝันไว้ได้ล่มอย่างแน่นอนค่ะ

ฉะนั้นเพื่อให้ความคิดทุกอย่างที่วางแผนไว้ไม่ล่ม มาลองดู New Plan ที่ควรวางแผนการเงินในช่วงต้นปีนี้กันค่ะ

– Checklist หนี้สินที่มี

ก่อนวางแผนการเงินใดใด สิ่งที่สำคัญคือการสำรวจหนี้สินที่มี ไม่ว่าจะเป็นหนี้สินเก่าในปีก่อน หรือหนี้สินใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งการสำรวจหนี้สินเช่นนี้จะช่วยให้เรามีวิธีการจัดการรายจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ให้กระทบกับค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ

– กำหนดแผนการเงินคร่าว ๆ ในแต่ละเดือน

วางแผนการเงินตลอดปีให้ไม่ล่ม ต้องมีการกำหนดเป้าหมายการเงินในแต่ละเดือนอย่างคร่าว ๆ ไว้ล่วงหน้า ว่าในเดือนนั้น ๆ ของเราจะใช้จ่ายไปกับอะไร เช่น ช่วง 3 เดือนแรกวางแผนเรื่องภาษี ช่วงกลางปีวางแผนการลงทุน และสุขภาพ เป็นต้น

– แบ่งรายจ่ายเป็นสัดส่วนให้ชัดเจน

เช่น รายจ่ายสำหรับใช้ส่วนตัว รายจ่ายสำหรับที่พักอาศัย รายจ่ายสำหรับค่าอาหาร รายจ่ายสำหรับการท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งวิธีการแบ่งเงินให้เป็นสัดส่วนจะช่วยให้เราสามารถจัดการรายจ่ายได้อย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ทำให้เรามองเห็นภาพรวมของรายจ่ายทั้งหมด สามารถลดรายจ่ายไม่จำเป็นลงไปได้ ค่ะ

– อัปเดตพอร์ตการลงทุนสม่ำเสมอ

ปีหน้าฟ้าใหม่ไม่รู้จะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไร การนำเงินไปลงทุน หรืออัปเดตพอร์ตการลงทุนที่มีอย่างสม่ำเสมอ นับเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่งค่ะ เพราะถือเป็นการเช็กว่าพอร์ตของเรามีความเหมาะสมหรือไม่ มีความเสี่ยงในการขาดทุนมากน้อยเพียงใด เพื่อที่เงินที่เรานำไปลงทุนได้จะได้งอกเงย ได้ผลตอบแทนอย่างเหมาะสมตลอดทั้งปี

– หมั่นติดตามความคืบหน้าของตนเองอยู่ตลอดเวลา

สิ่งสำคัญของการวางแผนการเงินคือการคอยติดตาม และอัปเดตสิ่งที่ทำอยู่ตลอดเวลา เพื่อช่วยให้เรามีพลังและแรงบันดาลใจในการทำสิ่งนั้น ๆ ต่อไป อาจจะเริ่มจากเช็กตนเองในแต่ละวัน หรือแต่ละสัปดาห์ว่ามีการใช้จ่ายไปเท่าไร่ มีข้อผิดพลาด หรือข้อควรปรับปรุงอะไร เพื่อที่จะได้นำไปพัฒนาแผนการเงินของตนเองให้ดียิ่งขึ้นไปนั่นเองค่ะ

การทำ New Plan วางแผนการเงินประจำปี ถือเป็นการสร้างพลัง และแรงบันดาลใจที่ดีในการก้าวไปสู่เป้าหมายอิสรภาพทางการเงินที่วางแผน แต่ท้ายที่สุดแผนทุกแผนที่สร้างจะสำเร็จไม่ได้ ถ้าไม่มีวินัยอย่างแน่นอนค่ะ

4 นิสัยเสี่ยงการเงิน ไม่จัดการให้ดี ระวังล้มเหลวทางการเงินตั้งแต่ต้นปี

4 นิสัยเสี่ยงการเงิน ไม่จัดการให้ดี ระวังล้มเหลวทางการเงินตั้งแต่ต้นปี

ความเสี่ยงทางการเงินเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็พบเจอได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเกิดจากพฤติกรรมการใช้จ่ายของตนเอง เกิดจากภาวะเศรษฐกิจ หรือเกิดจากเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่คาดฝัน แต่ไม่ว่าจะเกิดด้วยสาเหตุหรือปัจจัยใดก็ตาม ก็ควรมีการจัดการที่ดีซึ่งนั่นก็ต้องเริ่มมาจากการปรับวินัยทางการเงินของตนเองค่ะ มาลองสำรวจนิสัยของคุณค่ะ ว่ากำลังมีนิสัยเสี่ยงที่จะล้มเหลวทางการเงินอยู่หรือเปล่า

– ไม่ทำ To-do list

การทำ To-do list จะเข้ามาช่วยในการจัดระเบียบชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในเรื่องของการเงินที่ช่วยให้เรามีการวางแผนการเงินอย่างเป็นระเบียบ เป็นขั้นเป็นตอน มองเห็นภาพรวมในแต่ละเดือนได้ว่าจะนำเงินไปใช้กับอะไร  ซึ่งหากเราไม่มีการจัดระเบียบทางการเงินที่ดี ความเสี่ยงในการล้มเหลวทางการเงินก็อาจมาเยือนตั้งแต่ต้นปีได้ค่ะ

– ไม่รู้จักวางแผนรายรับ-รายจ่าย

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ใครต่อใครหลายคนล้มเหลวทางการเงินมานักต่อนัก นั่นคือการไม่ยอมทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย เมื่อได้เงินมาเท่าไหร่ก็ใช้หมดไปโดยไม่มีเงินเก็บฉุกเฉินในแต่ละเดือน และการที่เรามองไม่เห็นภาพรวมของรายรับ-รายจ่ายของเราก็นับเป็นสาเหตุที่ทำให้การเงินของคุณล้มเหลวได้ค่ะ

– ไม่บริหารการเงิน และกระจายความเสี่ยงการลงทุน

เงินฉุกเฉิน เงินออมระยะยาว เงินใช้ยามเกษียณ ถือเป็นเงินก้อนใหญ่ในระดับหนึ่งซึ่งการที่เราจะมีเงินก้อนนั้นต้องเกิดจากการที่เราเริ่มลงทุนเพื่อสร้างโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีกลับมา และนำผลตอบแทนเหล่านั้นไปต่อยอดอีกเรื่อย ๆ ในระยะยาว ซึ่งหากเราไม่คิดสนใจที่จะลงทุน เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือเข้าสู่วัยเกษียณอาจไม่มีเงินก้อนเหล่านั้นมาใช้ได้นั่นเองค่ะ

– ไม่สนใจเรื่องเงินเฟ้อ

ในอดีต เงิน 100 บาท สามารถซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ 10 ชาม

แต่ปัจจุบัน เงิน 100 บาท กลับซื้อก๋วยเตี๋ยวได้เพียง 2 ชาม

สาเหตุดังกล่าวนั้นเกิดจากภาวะเงินเฟ้อนั่นเองค่ะ ซึ่งเงินเฟ้อเกิดจากสภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้ของใช้มีราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ เงินในจำนวนเท่าเดิมไม่สามารถซื้อของในปริมาณเท่าเดิมได้อีกต่อไป ซึ่งในอนาคตข้างหน้าภาวะเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอีกเรื่อย ๆ ฉะนั้นหากเราไม่สนใจ หรือมีการรับมือ จัดการกับภาวะเงินเฟ้อที่ดี ก็อาจเสี่ยงให้การเงินล้มเหลวไม่เป็นท่าได้ค่ะ

หากคุณไม่อยากล้มเหลวทางการเงินตั้งแต่ต้นปี ควรมีการวางแผนจัดการการเงินที่ดี สร้างวินัย ปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายใหม่ เพื่อป้องกันความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตค่ะ

คอลัมน์ เครดิตบูโรคิดเป็นเห็นต่าง : “Bureau Lab (บูโรแล็บ)” ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร BTS หมอชิต แห่งใหม่ล่าสุด : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันศุกร์ 18 ธันวาคม 2563

Bureau Lab (บูโรแล็บ)” ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร BTS หมอชิต แห่งใหม่ล่าสุด บริการสุดล้ำผ่านตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง รับรายงานทางอีเมล…ได้ทันที เริ่มแล้ววันนี้ ทุกวันจันทร์-อาทิตย์ ไม่มีวันหยุด

บทความวันนี้จะขออัพเดทศูนย์ตรวจเครดิตบูโรแห่งใหม่ “Bureau Lab (บูโรแล็บ)” ภายในสถานี BTS หมอชิต บริการสุดล้ำด้วยตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส) รอรับรายงานรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Credit report) ทางอีเมลได้ทันที ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของสังคมเมือง และความต้องการของประชาชนในสังคมยุคดิจิทัลในปัจจุบัน พร้อมให้บริการตรวจเครดิตบูโรและเครดิตสกอริ่ง ทุกวันจันทร์-วันอาทิตย์ (เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด) ตั้งแต่วันนี้…เป็นต้นไป

 ที่ผ่านมา เครดิตบูโรเล็งเห็นความสำคัญเรื่องการตรวจสอบข้อมูลเครดิต เพื่อให้ทราบประวัติทางการเงินของตนเองในฐานะที่เป็นเจ้าของข้อมูล เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนขอสินเชื่อต่างๆ จากสถาบันการเงิน คือรู้จักตัวเราเองก่อนไปคุยกันในรายละเอียดกับคนให้กู้ รู้ตัวเองว่าประวัติการก่อหนี้ และการชำระหนี้ในอดีตตนเองเป็นอย่างไร มีคะแนนเครดิตหรือเครดิตสกอริ่ง (Credit Scoring) ระดับไหน เป็นคนมีความเสี่ยงที่จะชำระหนี้ไม่ได้ระดับไหน และช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเครดิตของตนเองด้วย เครดิตบูโรจึงเพิ่มช่องทางการตรวจข้อมูลเครดิต เพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าของข้อมูลเพิ่มมากขึ้นในการเข้าถึงรายงานเครดิตบูโรและเครดิตสกอริ่ง โดยล่าสุดเลือกเปิด “Bureau Lab (บูโรแล็บ)” ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ภายในสถานี BTS หมอชิต ซึ่งนับว่าเป็นทำเลที่ตั้ง ใจกลางชุมนุมคนเดินทาง เป็นศูนย์กลางเดินทางจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า BTS หมอชิต และรถไฟฟ้า MRT สวนจตุจักร พร้อมบริการใหม่…ตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส) ท่านสามารถรอรับรายงานเครดิตบูโร รายงานเครดิตบูโรและเครดิตสกอริ่ง รายงานเครดิตบูโรแบบสรุป รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Credit report) ทางอีเมลได้ทันที หรือรับรายงานรูปแบบเอกสารที่เคาน์เตอร์ก็ได้อีกด้วย เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ – อาทิตย์ (เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด) เริ่มแล้ววันนี้…เป็นต้นไป

 เครดิตบูโรคงการรณรงค์สร้างวัฒนธรรม “ออมก่อนกู้ คิดก่อนใช้ มีวินัยเมื่อมีหนี้” อย่างต่อเนื่อง และตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างวินัยทางการเงินด้วยตนเองอย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการลดโอกาสการก่อหนี้ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล (กลุ่มเจนวาย Gen Y และกลุ่มเจนซี Gen Z) เช่น การรู้จักออม การใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาหนี้สินล้นตัวของตนเอง อันจะก่อให้เกิดปัญหาครอบครัว สังคม และปัญหาหนี้ครัวเรือนในระดับมหภาคต่อไป

สำหรับ “Bureau Lab (บูโรแล็บ)” ศูนย์ตรวจเครดิตบูโรแห่งใหม่ ภายในสถานี BTS หมอชิต นับเป็นการเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลเครดิตให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก เนื่องจากบริเวณ BTS หมอชิต เป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญของกรุงเทพฯ ในปัจจุบันมีรถโดยสารให้บริการในหลายเส้นทางเป็นจำนวนมาก ทั้งรถเมล์ รถตู้ และเป็นศูนย์กลางเดินทางจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า (ลอยฟ้า) BTS หมอชิต และรถไฟฟ้า (ใต้ดิน) MRT สวนจตุจักร สำหรับผู้ที่สนใจตรวจเครดิตบูโรและเครดิตสกอริ่ง ท่านสามารถเลือกบริการได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) ตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส) รอรับรายงานรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Credit report) ทางอีเมลได้ทันที โดยใช้บัตรประชาชนของตนเอง และโทรศัพท์มือถือ) 2) ผ่านเคาน์เตอร์ แบบรอรับรายงานรูปแบบเอกสารได้ภายใน 15 นาที โดยใช้บัตรประชาชนของตนเอง ท่านสามารถยื่นตรวจเครดิตบูโร (เฉพาะรายการบุคคลธรรมดาของตนเองหรือมอบอำนาจ) หรือตรวจเครดิตสกอริ่ง (เฉพาะบุคคลธรรมดา) และชาวต่างชาติ (ใช้หนังสือเดินทางของตนเอง) เปิดให้บริการทุกวันจันทร์-อาทิตย์ ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 9.00 – 18.00 น.

พิเศษสุด!!! ฉลองเปิด “Bureau Lab (บูโรแล็บ)” ตรวจเครดิตบูโร…ฟรี ผ่านตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส) ที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโรสถานี BTS หมอชิต (ทางออก 4) ตั้งแต่วันนี้ – 30 ธันวาคม 2563 เฉพาะลูกค้าบุคคลธรรมดาที่มายื่นตรวจด้วยตนเองเท่านั้น และยังได้รับสเปรย์แอลกอฮอล์ขนาดพกพา (จำนวนจำกัด) อีกด้วย

 ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ncb.co.th หรืออีเมล consumer@ncb.co.th

เรื่องน่าอ่าน