Blog Page 148

ตรวจเครดิตบูโร ฟรี! งาน “ประสานพลัง ‘เติมทักษะ’ ติดปีกฮักแท็กซี่ ทะยานสู่บริการที่เหนือกว่า” วันที่ 22 มกราคม 2562 เวลา 8.30 – 14.00 น. โรงแรมวีเทรน อินเตอร์เนชั่นแนล เฮ้าส์ กรุงเทพฯ

ตรวจเครดิตบูโร ฟรี!

งาน “ประสานพลัง ‘เติมทักษะ’ ติดปีกฮักแท็กซี่ ทะยานสู่บริการที่เหนือกว่า”

วันที่ 22 มกราคม 2562 เวลา 8.30 – 14.00 น. โรงแรมวีเทรน อินเตอร์เนชั่นแนล เฮ้าส์ กรุงเทพฯ

ฟรี!!…บริการตรวจเครดิตบูโร แต่ขอรับเป็นเงินบริจาคแทน พร้อมเปิดคลินิกเครดิตบูโรให้คำปรึกษา

คอลัมน์เศรษฐกิจคิดง่ายๆ : “พิโกไฟแนนซ์ เครื่องมือดีในปี’62” : วันจันทร์ที่ 21 มกราคม 2562

คอลัมน์ เศรษฐกิจคิดง่ายๆ 

“พิโกไฟแนนซ์ เครื่องมือดีในปี’62”

นสพ.โพสต์ทูเดย์ : วันจันทร์ที่ 21 มกราคม 2562

ในประเทศของเรา ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินของคนตัวเล็กตัวน้อย คนที่ไม่มีหลักประกัน คนที่สุจริต ขยัน อดทน ที่มีอยู่มากมายนั้น เป็นเรื่องที่สะสมยาวนาน จนอาจถือได้ว่า มันคือเรื่องของความเหลื่อมล้ำในการมีทุนเพื่อทำมาค้าขาย ในขณะที่คนที่รับเงินฝากเอามาปล่อยกู้ก็สนใจแต่จะให้กับคนตัวใหญ่ ให้ยักษ์ใหญ่เป็นร้อยเป็นพันล้าน ดอกเบี้ยก็อาจจะถูกมาก แต่สำหรับคนตัวเล็กตัวน้อยดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือน  ถือว่าวิเศษสุดแล้ว

พิโกไฟแนนซ์จึงได้เกิดขึ้นมาในรัฐบาลชุดนี้เพื่อเป็นเครื่องมือในการลดความเหลื่อมล้ำ ดูแลคนตัวเล็กให้เป็นธรรม ช่วยในการจัดสรรและการ กระจายทุนให้ดีขึ้น ทั่วถึง ดอกเบี้ยที่คิดก็เอากันพอจะอยู่กันไปได้แบบไทยๆ ดีกว่าไปกู้นอกระบบและมีการติดตามหนี้ ทวงถามหนี้แบบไม่คำนึงถึงความเป็นมนุษย์แน่นอน

ข้อมูลล่าสุดจากรายงานของกระทรวงการคลัง พบว่า มีผู้สนใจ ยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2559 ถึงเดือน พ.ค. 2561 หรือช่วงสองปีนั้นมีบุคคลยื่นคำขออนุญาตทั้งสิ้น 805 ราย ใน 73 จังหวัด และมีผู้ได้รับ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจแล้ว 412 ราย ใน 65 จังหวัด ซึ่งในจำนวนนี้ ได้เปิดดำเนินการแล้ว 350 ราย ใน 64 จังหวัด

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตสามารถปล่อยสินเชื่อได้ภายในเขตจังหวัดให้แก่ผู้มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ภายในจังหวัดนั้นๆ จะออกนอกเขต ไม่ได้ในวงเงินรายละไม่เกิน 5 หมื่นบาท คิดดอกเบี้ยในอัตราไม่เกิน 36% ต่อปี

คำถามต่อมาคือแล้วในการปล่อยกู้นั้นเครดิตบูโรในฐานะโครงสร้างพื้นฐานของระบบสถาบันการเงินหรือด้วยความเป็นถังข้อมูลคนที่มีหนี้สินส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะเข้าไปมีส่วนช่วยได้หรือไม่ เพราะคนให้กู้ก็ควรมีข้อมูลคนที่มาขอกู้มากพอสมควร มันจะได้ไม่เกิดปัญหาหนี้เสียขึ้นมาแบบในอดีต ดังนั้นคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต (กคค.) ซึ่งมีผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นประธาน กคค.จึงได้ออกประกาศกำหนดให้นิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (พิโกไฟแนนซ์) และมีการให้สินเชื่อเป็นทางการค้าปกติเป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจาฯ เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2562

ผลของประกาศข้างต้นจะทำให้ พิโกไฟแนนซ์สามารถสมัครเป็นสมาชิกของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร อันจะส่งผลให้พิโกไฟแนนซ์ที่เป็นสมาชิกเครดิตบูโร เข้าถึงฐานข้อมูลของผู้กู้ที่เป็นประชาชนรายย่อยเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากข้อมูลด้านอื่นๆ เช่น ข้อมูลรายได้ที่คนขอกู้นำมาแสดงอีกด้วย การพิจารณาให้สินเชื่อแก่ประชาชนฐานรากจะได้เกิดความแม่นยำ และลดความเสี่ยงของการเกิดหนี้เสียลง และยังทำให้ลดความเสี่ยงเป็นประโยชน์ต่อระบบสถาบันการเงินโดยรวมเพิ่มขึ้นด้วย เพราะความเสี่ยงเรื่องหนี้เสียจะลดลง และวินัยทางการเงินของผู้คนที่กู้เงินไปน่าจะดีขึ้น

น่าดีใจนะครับ ที่ผลดำเนินงาน ของพิโกไฟแนนซ์เป็นไปอย่างน่าชื่นชม กล่าวคือมียอดสินเชื่ออนุมัติสะสม 46,201 บัญชี รวมเป็นเงิน 1,278.29 ล้านบาท หรือคิดเป็นสินเชื่ออนุมัติเฉลี่ย 27,667.88 บาท/บัญชี ประกอบด้วย สินเชื่อแบบมีหลักประกัน 24,987 บัญชี เป็นเงิน 766.83 ล้านบาท และสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน 21,214 บัญชี

ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างรวมของพิโกไฟแนนซ์มีทั้งสิ้น 19,775 บัญชี คิดเป็นเงิน 570.39 ล้านบาท สำหรับสินเชื่อที่ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือนเรียกว่าพวกกำลังจะเสียหรือกลุ่มเสี่ยง มีจำนวน 1,793 บัญชี คิดเป็นเงิน 56.36 ล้านบาท หรือ 9.88% ของยอดสินเชื่อคงค้างรวม และมีสินเชื่อค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน หรือเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (หนี้เสีย) จำนวน 477 บัญชี คิดเป็นเงิน 16.65 ล้านบาท หรือ 2.92% ของสินเชื่อคงค้างรวม

ประโยชน์ทางอ้อมเพิ่มเติมยัง มีอีก เช่น
          1.ฐานข้อมูลเครดิตบูโรเพิ่มขึ้นและครอบคลุมเจ้าของข้อมูลในกลุ่มต่างๆ อันจะนำมาซึ่งการสร้างความรู้เรื่องทางการเงิน การสร้างวินัยทางการเงิน
          2.ระบบของประเทศจะมีข้อมูลประวัติสินเชื่อของ Micro SME, Startup ในระบบ ดังนั้นการทำนโยบายส่งเสริมจะตรงเป้าตรงจุด
          3.คนขอกู้ที่ไม่มีประวัติทางการเงินจะได้มีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
          4.ในท้ายที่สุดระบบสถาบันการเงินจะมีเสถียรภาพ เกิดความมั่นคงกับเศรษฐกิจสังคมของประเทศในระยะยาวต่อไป

ขอขอบคุณข่าวสารข้อมูลจากสื่อสารมวลชนที่ได้นำเอาผลงานของสถาบันการเงินภายใต้ใบอนุญาตนี้มาเป็นจุดเริ่มของบทความนี้นะครับ

ตรวจเครดิตบูโร ฟรี! : งาน “การสร้างความรู้เรื่องการคุ้มครองเงินฝากฯ จ.สตูล” วันที่ 18 มกราคม 2562 เวลา 8.15 – 12.00 น. โรงแรมสินเกียรติบุรี จ.สตูล

ตรวจเครดิตบูโร ฟรี! : งาน “การสร้างความรู้เรื่องการคุ้มครองเงินฝากฯ จ.สตูล”

วันที่ 18 มกราคม 2562 เวลา 8.15 – 12.00 น. โรงแรมสินเกียรติบุรี จ.สตูล

ฟรี!!…บริการตรวจเครดิตบูโร แต่ขอรับเป็นเงินบริจาคแทน พร้อมเปิดคลินิกเครดิตบูโรให้คำปรึกษา

ตรวจเครดิตบูโร ฟรี! : งาน “Digital Government Summit 2019” วันที่ 18-19 มกราคม 2562 เวลา 10.00 – 19.00 น. ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

ตรวจเครดิตบูโร ฟรี! : งาน “Digital Government Summit 2019”

วันที่ 18-19 มกราคม 2562 เวลา 10.00 – 19.00 น. ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

ฟรี!!…บริการตรวจเครดิตบูโร แต่ขอรับเป็นเงินบริจาคแทน พร้อมเปิดคลินิกเครดิตบูโรให้คำปรึกษา ::

คอลัมน์เศรษฐกิจคิดง่ายๆ : ในโลกของการยื่นขอสินเชื่อ : วันจันทร์ที่14 มกราคม 2562

คอลัมน์ เศรษฐกิจคิดง่ายๆ

ในโลกของการยื่นขอสินเชื่อ

นสพ.โพสต์ทูเดย์ : วันจันทร์ที่14 มกราคม 2562

ในโลกของการยื่นขอสินเชื่อ หรือภาษา ชาวบ้านคือการยื่นขอกู้กับการพิจารณาคำขอสินเชื่อหรือที่ชาวแบงก์เรียกว่า การพิจารณาสินเชื่อ (ภาษาชาวบ้านการวิเคราะห์เงินกู้) ในบ้านเรานั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นช่วงง่ายๆ ตามการพัฒนาดังนี้

1.ช่วงก่อนปี2540 ลักษณะ “เอาหลักประกันมา เอาเงินกู้ไป” ภาษาอังกฤษ No land No loan ผู้จัดการสาขาจะมีอำนาจมาก  คนเข้าถึงสินเชื่อต้องมีทั้งสายสัมพันธ์มีคนแนะนำมีโครงการที่ดีและต้องมีหลักประกันเป็นที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักรและอุปกรณ์ นอกจากนี้คนกู้จะต้องค้ำประกันเป็นการส่วนตัว การ เซ็นสัญญาต้องทำต่อหน้าเจ้าหน้าที่ของธนาคารหรือสถาบันการเงิน

2.ช่วงหลังปี2540 เมื่อเกิดวิกฤต การณ์ทางการเงินใหญ่จนกระทั่งสถาบันการเงินล่มสลายครั้งใหญ่และร้ายแรงเป็นที่สุดนั้น  สถาบันการเงินได้มีการปฏิรูปครั้งใหญ่มาก  ยกเครื่องในเรื่อง การกำกับดูแล  การบริหารความเสี่ยง มีเรื่องธรรมาภิบาลในการจัดการ มีโครง สร้างพื้นฐาน อันได้แก่ ระบบกฎหมายใหม่ ระบบบัญชีใหม่ และต้องมีระบบข้อมูลเครดิตหรือเครดิตบูโร  พระเอกของเครื่องมือในการวิเคราะห์สินเชื่อคือ คะแนนเครดิต หรือ Credit Scoring ถ้าเป็นสิ่งที่เครดิตบูโรทำก็เรียกว่าบูโรสกอร์ถ้าเป็นแบงก์ทำก็เรียกว่าแบงก์สกอร์ สิ่งนี้มีความหมายตามกฎหมายคือ ตัวชี้วัดความน่าจะเป็นในการชำระหนี้ ที่จัดทำโดยเพื่อที่จะเป็นค่าอะไรบางอย่างในการแยกแยะคนที่มาขอกู้ว่าเป็นคนเกรดไหน ดีเลวอย่างไรในการเป็นลูกหนี้ที่ดี/ไม่ดีความนัยของมันคือ
          2.1 มันเป็นตัวชี้วัด จึงต้องมีลักษณะเป็นตัวเลขตัวอักษรที่บอกว่าใครดีกว่าใคร เช่น A AA A1 A2 หรือมีลักษณะเป็นตัวเลข 720 620 350 จากคะแนนเต็ม 900 1,000 เป็นต้น
          2.2 มันสื่อความหมายความน่าจะเป็นในเรื่องการชำระหนี้  เพราะมันคือค่าแสดงว่าคนคนนี้มีโอกาสทางสถิติที่จะไม่จ่ายหนี้ยอมเป็นหนี้ค้างเกินกว่า90 วันกี่คนใน 100 คน ในอีก 12 หรือ 24 เดือนข้างหน้า
          2.3มันต้องถูกทำขึ้นมาตามหลักวิชาการทางสถิติ  ห้ามมั่ว มีการตรวจสอบ มีการทดสอบว่าปัจจัยที่เอามาเป็นตัวกำหนด เอามาเป็นสูตรในการพัฒนามันใช้ได้ มีความสัมพันธ์กับสิ่งที่ต้องการพยากรณ์

3.ยุคปัจจุบันในปีนี้ และที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้ การพิจารณาให้เงินกู้กับใคร เท่าไหร่ ดอกเบี้ยคิดเท่าไหร่ จะมาจากข้อมูลที่บ่งบอกตัวตน บ่งบอกพฤติกรรมการใช้ชีวิต  พฤติกรรมการ ก่อหนี้ การชำระหนี้ เช่น เอาข้อมูลจากการใช้น้ำ ใช้ไฟ ใช้โทรศัพท์ ข้อมูลจากการโอนเงิน รับเงิน  ข้อมูลในเฟซบุ๊ก ข้อมูลการจับจ่ายใช้สอยบนออนไลน์ข้อมูลการค้าขายบนออนไลน์ของตนเอง เป็นต้น เพราะเรากำลังจะเข้าสู่ยุค การให้กู้โดยอิงจากข้อมูลเป็นหลักสำคัญ

Information Based Lending  คือ คำคำนั้น และคำคำนี้จะเข้ามามีอิทธิพลต่อการเข้าถึง เข้าไม่ถึงสินเชื่อ ในยุค ต่อไปอย่างแน่นอน
          การไม่ต้องมาเจอหน้ากันก็ยื่นขอกู้ได้
          การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทำ ผ่านเครื่องมือและไม่ใช่คนในการตัดสินใจ
          การยื่นเอกสารไม่ต้องใช้ตัวจริงเซ็นสด สำเนาเพียบอีกต่อไป แต่ใช้การถ่ายรูปส่งผ่านแอพพลิเคชั่น
          การวิเคราะห์ใช้เทคนิคด้าน วิทยาศาสตร์ข้อมูลและสถิติ
          การทำสัญญาไม่ต้องเซ็นสดอีก ต่อไป
          อนุมัติหรือไม่จะบอกผลได้เร็วมากๆ
          อนุมัติแล้วเงินจะโอนเข้าบัญชีคนขอกู้ได้ทันทีข้ามมิติเวลาและสถานที่ไปเลย

เราจะได้เห็นยุคที่ 3 ของการให้กู้ในปี  2562  อย่างแน่นอน  ตอนนี้เหลือแต่เงื่อนไขใบอนุญาต  และข้อกฎหมายเล็กน้อย สำคัญที่สุดคือตัวคนขอกู้ต้องเข้าใจนะว่า ข้อมูลที่ดีคือหลักประกันนิสัยใจคอของเราในท้ายที่สุด… ขอบคุณครับ

เพิ่มช่องทางตรวจเครดิตบูโร @UOB Express เดอะมอลล์ ท่าพระ ชั้น B ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 11.00 – 18.00 น.

เพิ่มช่องทางตรวจเครดิตบูโร @UOB Express เดอะมอลล์ ท่าพระ ชั้น B ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 11.00 – 18.00 น.

คอลัมน์เศรษฐกิจคิดง่ายๆ “คลื่นระลอกใหม่ในทะเลการเงิน” : วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562

คอลัมน์ เศรษฐกิจคิดง่ายๆ

“คลื่นระลอกใหม่ในทะเลการเงิน”

นสพ.โพสต์ทูเดย์ : วันจันทร์ที่ 7 มกราคม 2562

ท่ามกลางกระแสข่าวปลดพนักงาน เลิกจ้าง ปิดสาขา การปรับตัวไปสู่บริการดิจิทัล แต่คนยังมีบทบาทสำคัญ ที่จะผลักดันองค์กรนั้นให้เติบโตต่อไปได้ โดยเฉพาะในยุคที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัย” อย่างสมบูรณ์ปี 2564 แต่เรื่องที่ผู้เขียนอยากกล่าวถึงในบทความนี้จะได้แก่ คลื่นของการเปลี่ยนแปลงในระบบสถาบันการเงินไทย ในมุมของ ผู้เขียนมีดังนี้

1.จากการที่เรามีโครงสร้าง พื้นฐานการชำระเงินแบบดิจิทัล จะทำให้การต่อยอด รุกคืบของรูปแบบการให้บริการแบบทุกที่ ทุกเวลา หยิบมือถือขึ้นมาทำรายการทางการเงินได้ตลอดเวลา ดังนั้น ธนาคารคงจะกลายเป็นผู้ให้บริการบนแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนมากขึ้นในปีใหม่นี้บริการใหม่ แปลก และใช่จะมีมากขึ้น

2.การพิสูจน์และยืนยันตัวตนก่อนที่จะได้รับบริการจะเป็นดิจิทัลด้วยเทคนิคแบบใหม่ๆ การใช้ภาพใบหน้า ม่านตา ลายนิ้วมือ การเช็กสอบข้ามแบงก์ จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น การเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อพิสูจน์ว่า สมชาย คือสมชายคนนี้ ไม่ใช่สมศักดิ์คนนั้น หรือสมชายตัวปลอม พิสูจน์ด้วยข้อมูลสิ่งที่สมชายมี ด้วยสิ่งที่สมชายเป็น ด้วยสิ่งที่สมชายรู้ มาตอบคำถามของสมชายที่ว่า ผมคือสมชายครับและผมต้องการใช้บริการของท่านโดยไม่ต้องมาเจอหน้ากัน (non face to face) ที่แน่ๆ ตอนนี้กฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ว่าด้วยการพิสูจน์และยืนยันตัวตนกำลังอยู่ในการพิจารณาของ สนช.

3.ผู้เล่นในการให้บริการทางการเงินประเภทสินเชื่อจะมีมากขึ้น Peer to Peer Lending คงจะมีใบอนุญาตออกมาแพลตฟอร์มตัวกลางจากจีน เกาหลี สิงคโปร์ คงเข้ามาในตลาดบ้านเราแน่นอน ลูกค้าทั้งมนุษย์เงินเดือน คนค้าขายตัวเล็ก หรือคนที่ไม่มีประวัติทางการเงินแต่มีแนวคิดคงจะมีทางออกในเรื่องแหล่งเงินมากขึ้น อีกพวกหนึ่งคือพวก Technology Company ที่เก่งๆ มีข้อมูลมาก คงจะเข้ามาในตลาดสินเชื่อนี้โดยเฉพาะพวก E-Commerce Platform

4.บทบาทธนาคารหรือสถาบันการเงินของรัฐจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น การลงไปในตลาดล่างที่เข้าไม่ถึงจะคึกคัก ดูจากโครงการบ้านล้านหลัง หรือปล่อยกู้ Taxi จะเห็นได้ว่าดูเหมือนเสี่ยงแต่ไม่เสี่ยงเพราะมีกรอบการกำกับดูแล เข้มข้นขึ้นกว่าในอดีตมาก

5.เครื่องมือทางสถิติที่จะนำมาใช้ในการช่วยตัดสินใจในการอนุมัติสินเชื่อจะอิงกับหลักเกณฑ์มากกว่าดุลพินิจเป็นรายๆ คะแนนเครดิต หรือ Credit Scoring จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นทั้ง Bank Internal Credit Score ที่พัฒนาจากข้อมูลลูกค้าของตัวแบงก์ที่จัดเก็บเอง Bureau Credit Score ที่พัฒนาจากข้อมูลในเครดิตบูโร Alternative Credit Score ที่พัฒนามาจากข้อมูลลักษณะอื่นๆ เช่น จากการใช้โทรศัพท์ พฤติกรรมในโลกออนไลน์ สื่อโซเชียล การจัดอันดับใน E-Commerce Platform ที่เกิดจากตัวเจ้าของข้อมูลเป็นคนสร้างขึ้นมา เครื่องมือพวกนี้จะเข้ามาทำให้กระบวนการสินเชื่อเร็วขึ้นมาก และการก้าวออกจากรูปแบบการให้สินเชื่ออิงหลักประกันจะกลายมาเป็นอิงข้อมูลหรือ Information Based Lending ที่ทางธนาคารกลางสนับสนุนนั่นเอง

6.สุดท้ายคือเรื่องของคน ยุคที่เปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล เราจะเห็นการแข่งขันแย่งชิงคนไอที ดิจิทัลกันดุเดือด สิ่งที่เป็นความท้าทายมากคือไม่สามารถพัฒนาคนให้ทันต่อความท้าทายใหม่ เช่น การเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีใหม่ บางองค์กรจึงต้องมีการรับคน (แย่งชิงคน) ที่เชี่ยวชาญในบางด้านที่ขาด เข้ามาจากภายนอก เมื่อทุกอย่างกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของดิจิทัล ยุคของเทคโนโลยี และสถาบันการเงินต้องปรับตัวเองให้ทัน ทั้งปรับการให้บริการไปสู่ดิจิทัลมากขึ้น รวมถึงปรับในเรื่องของคนเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคนไอที คนที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอที เทคโนโลยีที่ล่าสุด

7.ผู้เขียนคิดว่า ผู้คนที่มีอายุเกิน 45 ปี และหยุดอ่านหนังสือ พูดกับเด็กๆ ในที่ทำงานแล้วไม่มีใครฟัง (แต่ตัวเองคิดว่าตนเองยังสำคัญอยู่) วันๆ ใช้แต่ประสบการณ์ ความเก๋าเอาตัวรอดในที่ทำงาน พวกได้ครับพี่ ดีครับนาย สบายครับผม เหมาะสมครับท่าน นำเสนอเก่ง หรือพวก NATO, No Action Talk Only หรือพวกนักรบ PowerPoint พวกที่ดีแต่สร้าง Template เก๋ไก๋มาหลอกตาเจ้านายไปวันๆ จะได้คิดว่าตนเองไม่เหมาะกับโลกยุคใหม่แล้ว ไอ้ที่คิดว่าหลังจบงานเกษียณจะไปเป็นที่ปรึกษา คงจะไม่มีใครปรึกษาแล้วล่ะ และจะไปต่อได้อย่างไรกัน

เพราะโลกความรู้และการทำงานแบบใหม่จะไล่ล่า กวาดล้าง และเก็บกวาดพวกหลงยุค หลงฝูง หลงเผ่า ไปกับคลื่นระลอกใหม่ในยุคที่ข้อมูลเป็นเชื้อเพลิงการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ ในอนาคตเราอาจจะเห็นคนต่างชาติมาดูแลงานไอทีของธนาคารพาณิชย์ ธนาคารของรัฐ หรือธนาคารกลางในประเทศสารขัณฑ์ก็ได้นะ (มีความเป็นไปได้นะ… ไม่ได้โม้)

จะเห็นได้ว่าคนยังเป็นเรื่องสำคัญขององค์กร แต่บางองค์กรอาจคิดเปลี่ยน มองว่าคนอาจเป็นต้นทุน แถมไม่มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทได้อันนี้คือความผิดมหันต์ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือ ต้องหาคนที่ใช่ จ้างแพงไม่กลัวแต่อย่าจ้างผิด และบริหารให้ได้ใจเขาแล้วจะได้งานจากเขาแต่ถ้าคิดแบบ อันความสามัคคีนั้นดีอยู่แต่ต้องให้ตัวกูเป็นหัวหน้าแล้วละก็ รับรองว่าจมคลื่นระลอกใหม่ในทะเลการเงินแน่นอน…ขอบคุณครับ

สร้างนิสัยทางการเงินที่ดี ให้ชีวิตมีความมั่นคง

เราทุกคนสามารถมีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในชีวิตได้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องเริ่มต้นจากการวางแผนที่ดีทั้งแผนการใช้ชีวิต แผนงานทางอาชีพ และที่สำคัญคือการวางแผนทางการเงินอย่างดีและเป็นขั้นเป็นตอน หากแผนงานทุกอย่างลงตัวทุกคนก็สามารถบรรลุถึงเป้าหมายสมดังที่ตั้งใจ และถึงแม้ว่าแต่ละคนจะมีเงินไม่เท่ากัน รายได้ต่างกันแต่ถ้ามีนิสัยการใช้เงินที่ดีมีแผนการทางการเงิน แบ่งสรรปันส่วนจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกคนก็จะมีเงินเหลือเพื่อนำไปซื้อความมั่นงคงให้กับชีวิต และสามารถนำไปทำธุรกิจต่อยอดเพื่อให้เงินงอกเงยเพิ่มขึ้นมาอีกได้

คุณสมบัติส่วนใหญ่ของคนที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวย

  • มีความคิดริเริ่ม ผู้ที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่มีความคิดริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง สามารถคิดและลงมือทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่กลัว ไม่อยู่ใน Comfort zone เพราะมีความเชื่อว่าความกล้าจะทำให้ประสบความสำเร็จ
  • เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ มีแรงบันดาลใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้สำเร็จด้วยตัวเอง มีความสุขกับการทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก มีความพยายามอย่างหนักเพื่อให้ความฝันที่คิดไว้เป็นความจริง
  • ไม่กลัวความล้มเหลว คนที่ประสบความสำเร็จได้นั้นล้วนแล้วแต่ได้รับบทเรียนจากความล้มเหลวและความผิดหวังมาแล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะล้มลงสักกี่ครั้งก็ไม่ยอมพ่ายแพ้ แต่กลับพยายามที่จะลุกขึ้นยืนให้ได้ โดยนำบทเรียนจากความผิดพลาดมาแก้ไขปรับปรุง เรียนรู้ และสนุกไปกับสิ่งที่กำลังทำ
  • ให้ความเคารพผู้อื่น การเคารพและให้เกียรติผู้อื่นเป็นการแสดงถึงความเคารพตัวเองอย่างหหนึ่ง คนที่จะประสบความสำเร็จ นอกจากจะเก่งแล้วยังต้องมีความสุภาพ และปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพเท่าๆ กับที่พวกเขาเคารพตนเองเช่นกัน
  • ไม่บ่น ไม่ตำหนิ เพราะการบ่น การตำหนิผู้อื่น จะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ ดังนั้น แทนที่จะบ่น เขากลับคิดหาทางแก้ไขสถานการณ์ด้วยวิธีอื่นแทน จึงไม่น่าแปลกในเลยที่คนเหล่านี้จะชนะใจ และเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง รวมทั้งผู้บังคับบัญชา
  • ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ การอ่านเป็นทักษะสำคัญมากในการสร้างนิสัยการใช้เงินที่ดีในแบบผู้ที่มีความมั่นคงทางการเงิน ยิ่งในปัจจุบัน เราสามารถหาอ่านเรื่องที่เราสนใจได้ง่ายมาก ผ่านบล็อก โซเชียลมีเดียต่างๆ นอกจากการอ่านแล้ว การฟัง ก็ช่วยเรื่องการเรียนรู้ได้เหมือนกัน เราอาจจะฟังผู้รู้กูรูต่างๆ ที่มาให้ความรู้ เพราะการเรียนรู้คือการเปิดโลกกว้าง เราจะได้เปิดโลก ได้ไอเดียใหม่ๆ จากการเรียนรู้นั่นเอง
  • ออมก่อน รวยกว่า นอกจากจะหาเงินเก่งแล้ว ควรที่จะออมเงินเก่งด้วย กันรายได้ส่วนหนึ่งไว้ออม ส่วนหนึ่งไปลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม รับรองว่ายิ่งออมเร็ว ยิ่งรวยไว เมื่อเวลาผ่านไป เงินจำนวนนี้ ควรจะเพิ่มมากขึ้นตามอายุ ภาระและรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ออมก่อน อาจไม่รวยกว่า แต่ถ้าไม่ออม หรือออมไม่พอ ก็อย่าเพิ่งไปลงทุนนะ ดังนั้น จงเริ่มต้นที่การออมก่อน เป็นอันดับแรก
  • ลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม การลงทุนไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์อะไร ก็อยู่ภายใต้กฎนี้ทั้งสิ้น ซื้อสินทรัพย์คุณภาพดี ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งราคาที่จะซื้อ บางครั้งกว่าจะได้มาก็ต้องรอเวลาที่เหมาะสม เวลาจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญสำหรับการลงทุนมาก ไม่ใช่เห็นเขาซื้อก็รีบเข้าไปซื้อตามกัน

อุปนิสัยผู้มีความมั่นคงทางการเงินที่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

  1. ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน พึ่งลำแข้งตัวเองมากกว่าสิ่งที่มองไม่เห็น คนจะรวยต้องคิดว่าความรวยเป็นขึ้นอยู่กับความสามารถและความอุตสาหะ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ถ้าไม่มีความสามารถและความอุตสาหะก็อด
  2. ชีวิตคือการเรียนรู้ ถ้าอยากจะรวยก็ต้องเชื่อว่าตัวเองโง่ และเชื่อว่าอยากฉลาดก่อน ทำตัวเองเป็นแก้วน้ำว่างเปล่าที่พร้อมจะรองรับน้ำสะอาดที่จะเติมเข้ามาอยู่เสมอ ค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆ ทั้งในด้านการงานและการเงิน ยิ่งคุณม่ความรู้มากเท่าไหร่ ก็จะมีความก้าวหน้าและบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้นเท่านั้น
  3. คนจะรวยได้ต้องคิดอยู่ตลอดเวลา ว่าถ้าหาเงินมาได้จะเอาไปลงทุนอะไรต่อดีเพื่อที่จะได้บรรลุเป้าหมายทางการเงินที่กำหนดไว้ หาเงินมาได้ก็ต้องรีบหักเอาไว้ไปออมไปลงทุนก่อนที่จะเอาไปใช้จ่าย แล้วที่สำคัญต้องออมเงินในสัดส่วนของรายได้ที่เพิ่มขึ้นๆ อยู่เสมอๆ
  4. เข้าใจความแตกต่างระหว่างความจำเป็นและความต้องการ นิสัยที่สี่นี้ผมว่าทุกคนก็คงถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่า ก่อนจะใช้จ่ายเงินแต่ละบาทแต่ละสตางค์จะต้องคิดอ่านให้รอบคอบ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย
  5. ไม่ตั้งมั่นอยู่บนความประมาท เตรียมตัวรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นกับชีวิต ลองคิดดูว่าถ้าทรัพย์สินของคุณเสื่อมสลายไปจะทำอย่างไร ถ้ารถหาย ถ้ารถเกิดอุบัติเหตุ ถ้าเกิดอัคคีภัย ถ้าสังขารของคุณเสื่อมสลายไปจะทำอย่างไร ดังนั้นจึงต้องเตรียมการวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ มีการออมเงิน แบ่งสัดส่วนเงินให้เรียบร้อย เพื่อที่จะได้ไม่ติดขัดในเวลาฉุกเฉิน
  6. จงทำตัวให้รวยแต่อย่าทำตัวเหมือนคนรวย เพราะถ้าคุณทำตัวให้เหมือนคนรวย นั่นหมายความถึงค่าใช้จ่ายที่จะตามมาพร้อมกับความรวยจากการใช้ของแบรนด์เนมต่างๆ แต่การทำตัวให้รวยนั้นไม่จำเป็นต้องโอ้อวดใคร
  7. รักอิสรภาพทางการเงิน พยายามเสริมสร้างนิสัยทางการเงินที่ไม่หวังการพึ่งพาคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกู้ยืมนั่นเอง รักษาวินัยของพฤติกรรมทั้งในด้านการทำงาน การใช้จ่าย และการลงทุนให้อยู่ในเส้นทางสู่เส้นชัยทางการเงินนั้นๆ

ยิ่งในยุคสมัยที่สังคมให้คุณค่ากับภาพลักษณ์ภายนอกด้วยแล้ว การมีวินัยและแผนการเงินจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน ดังนั้นการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในวันนี้เป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องอย่าลืมคิดถึงวันพรุ่งนี้ด้วยเช่นกัน

เรียบเรียงจากบทความของ ดร.ธนาวัฒน์ สิริวัฒน์ธนกุล www.posttoday.com

เรื่องน่าอ่าน