พฤติกรรม “สุขลวงแต่ทุกข์จริง” หมายถึง การเกิดความทุกข์เมืื่อแลกกับความสุขชั่วคราว..
ถ้าพูดในเรื่องของการใช้จ่าย ทุกข์ในที่นี้คงจะหมายถึง “หนี้” บางคนยินดีซื้อความสุขให้กับตัวเองทันทีแต่ไม่ดูเลยค่ะ ว่ามันเกินตัวไปหรือเปล่า จนก่อให้เกิดหนี้ที่เป็นความทุกข์ระยะยาว
ลองมาดูกันค่ะว่า เรามีพฤติกรรมแบบนี้บ้างหรือเปล่า ถ้ามีรีบแก้ก่อนที่มันจะสายเกินไป เลิกสร้างทุกข์ มาสร้างสุขระยะยาวด้วยการออมเงินกันดีกว่าค่ะ
เกษียณอายุ ฟังดูเหมือนจะนาน แต่ยังไงวันนั้นมันก็ต้องมาถึง ถ้าหากคุณไม่ได้วางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่มีใครสามารถรับประกันได้เลยว่าคุณจะอยู่อย่างสุขสบาย แม้แต่ตัวคุณเอง อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน แต่เราสามารถวางแผนไว้ล่วงหน้า และหาวิธีรับมือมันได้ค่ะ
1.สำรวจเงินได้หลังเกษียณ
ก่อนอื่นเราต้องสำรวจก่อนว่าเงินที่เราจะได้มาหลังจากเกษียณแล้วมาจากทางไหนบ้าง เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินบำนาญ เงินจากกองทุนชราภาพประกันสังคม RMF ฯลฯ หลังจากนั้นเอามาคำนวณรวมว่าเราจะใช้ได้อีกกี่ปี
2.คำนวนค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ
การประมาณเงินค่าใช้จ่ายก็สำคัญมาก ต้องมีการคำนวณเบื้องต้น คุณสามารถลองหาสูตรคำนวณ หรือวิธีการคิดต่าง ๆ ตามความเหมาะสมของตัวเอง
3.จัดการหนี้สินให้เรียบร้อย
คุณต้องรีบจัดการกับหนี้สินที่ก่อไว้ให้เรียบร้อย หากหนี้ยังไม่หมด แน่นอนมันต้องส่งผลให้คุณใช้เงินเกษียณได้น้อยลง
4.เก็บเงินก่อนจ่าย
เลิกนิสัยการใช้เงินก่อนแล้วค่อยเก็บได้แล้ว วางแผน และคิดเก็บเงินเพื่อใช้ในภายภาคหน้าเป็นอันดับแรก
5.หาอาชีพเสริม วางแผนออมเงินเพิ่ม
ลองคิดให้มากขึ้น ถ้าหากเกษียณแล้วเงินมันไม่พอใช้ล่ะ คุณอาจจะหาสิ่งที่ถนัด มีความสุขกับสิ่งนั้น แล้วนำมันมาต่อยอดสร้างรายได้ เพื่อออมเงินไว้ใช้ให้มากขึ้น
นอกจากรายได้หลักที่ได้มาจากงานประจำแล้ว เราก็ยังสามารถใช้เวลาว่าง เอาสิ่งที่เราชื่นชอบและมีความถนัด ไม่ใช่แค่เราจะมีความสุขที่ได้ทำ แต่สิ่งนั้นยังสามารถสร้างรายได้ให้เราได้อีกด้วยค่ะ
1.เลือกงานอดิเรกที่ชอบ
มองหาสิ่งที่ตัวเองชอบ มาสร้างเป็นอาชีพเสริมกันค่ะ ความชอบของแต่ละคนแตกต่างกันและมีเยอะมาก ชอบประดิษฐ์ก็สร้างสินค้าแฮนด์เมดที่มีหนึ่งเดียวขึ้นมาซะเลย ชอบเที่ยวก็สร้างเพจรีวิว รับโฆษณา แนะนำให้เลือกสิ่งที่ชอบ และสามารถต่อยอดได้ค่ะ
2.เริ่มวางแผน
เราเริ่มต้นจากอะไรที่ชอบ แต่ก็ยังไม่ต้องลงทุนมาก ที่สำคัญต้องทำการวางแผนระยะยาว เราจะต่อยอดธุรกิจนี้อย่างไร ไม่ให้กระทบกับเวลาหลักในงานประจำด้วยค่ะ
3.เรียนรู้แผนกลยุทธ์ธุรกิจ
เรามีของแล้ว แต่กำไรจะไม่เกิดเลยถ้าเราไม่ทำความเข้าใจในกลุ่มเป้าหมาย คนซื้อของเราเป็นใคร พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าเราเป็นอย่างไร ใช้ช่องทางไหนในการสื่อสาร ต้องศึกษาให้เข้าใจเพื่อวางการตลาดอย่างเหมาะสม
4.พัฒนาต่อยอดธุรกิจ
ความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ เราควรพัฒนาปรับปรุงสินค้า หาโอกาสเพื่อรักษาและเพิ่มรายได้ให้ต่อเนื่อง
5.นำรายได้ ไปต่อยอด
เมื่อสิ่งที่ชอบ นำกำไรมาให้เราแล้ว อย่าหยุดแค่นั้นค่ะ เราควรนำเงินส่วนนี้ไปต่อยอด ไม่ว่าจะลงทุน หรือหาวิธีต่อยอดเงินส่วนนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
พูดถึงเครดิตบูโร หลายคนอาจรู้ แต่อาจจะยังไม่เข้าใจ คงต้องเคยสงสัยกันมาบ้าง ว่ามีไปเพื่ออะไร มีประโยชน์อะไร เรามาอ่านกันเลยค่ะ
ปี 2545 มีการตรา พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 โดยมีเหตุผลคือ
“โดยที่การกู้ยืมหรือให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน จำเป็นต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับฐานะทางการเงินและประวัติการชำระหนี้ของลูกค้าอย่างเพียงพอว่าลูกค้ารายนั้น มีประวัติอย่างไร และมีภาระหนี้อยู่กับสถาบันการเงินอื่นมากน้อยเพียงใด เท่าที่ผ่านมา การให้กู้ยืมหรือการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน ส่งผลให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มมากขื้น ทำให้ปัญหาความไม่มั่นคงแก่สถาบันการเงินนั้น และระบบสถาบันการเงินโดยรวม นอกจากนี้ การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการทำธุรกรรมข้อมูลเครดิต รวมทั้งยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองประชาชนผู้เป็นเจ้าของข้อมูลไว้เป็นการเฉพาะ จึงจำเป็นต้องมีตราพระราชบัญญัตินี้”
พูดถึงเป้าหมายของชีวิตคู่ บททดสอบความรักด่านแรกของการเป็นแฟนกันคือ “การแต่งงาน” สองคนที่รักกันนั้นควรเตรียมพร้อมจับมือกันให้แน่น แล้วออมเงินแต่งงานไปด้วยกัน
หวยใต้ดิน = ผิดกฏหมาย แต่ในสังคมไทยก็มีคนที่พึ่งพาหวยใต้ดินอยู่ไม่น้อย หวังว่าจะโชคดีเข้าสักวัน มองกลับกันก็มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น แต่อย่าลืมนะคะโชคมักจะเข้าข้างคนขยัน อดออม หากมีการวางแผนแบ่งสัดส่วนเงินให้ดี มีความคิดต่อยอด รับรองว่าเงินทองอยู่ไม่ไกลค่ะ
เมื่อก้าวเข้าสู่การเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้น ก็เริ่มมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น หลายคนมีรายได้ไม่สูงมากซึ่งบางครั้งอาจไม่เพียงพอต่อการใช้ในชีวิตประจำวัน ไหนจะภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบแล้ว ยังต้องมากังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอีก งานก็หนัก เรื่องเงินก็ไม่พอใช้ จนทำให้เหล่ามนุษย์เงินเดือนหลายคนเกิดความเครียด
บทความนี้ต้องการแนะนำเรื่อง “การคิดบวก” ในการเพิ่มความสุข สร้างพลังงานบวก สามารถมองโลกในแง่ดีได้มากขึ้น แล้ววิธีคิดบวกแบบไหนล่ะที่จะสามารถนำพาตัวเราไปสู่ความสำเร็จได้ มาดูกันเลยค่ะ
1.อย่าทำงานเพื่อเงิน จงทำงานให้มีความสุข
สาเหตุหนึ่งของความเครียดคือ การทำงานที่ไม่ใช่ตัวตนของตัวเอง แต่ยังคงต้องฝืนทำต่อไป ถ้าสาเหตุที่ทำให้อยู่ต่อเป็นเพราะต้องใช้เงินในการดำรงชีวิต อยากให้ลองเปลี่ยนมุมมอง ปรับมุมมองใหม่ มองหามุมที่ดีของสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ที่ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน ควรมองให้เห็นถึงโอกาสที่จะพัฒนาตัวเอง มองไปถึงอนาคตในเรื่องของการเติบโต คิดบวกและสร้างแรงบันดาลใจ
2.อย่าคิดว่าทำไม่ได้ จงคิดว่าทำให้ได้
สาเหตุที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จนั้น อาจจะเป็นการที่เราไม่ได้ลงมือทำสิ่งต่าง ๆ อย่างจริงจัง กลับมีความคิดว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่คงไม่ประสบความสำเร็จแน่ ถ้ามีความคิดแบบนี้อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ค่ะ เพราะฉะนั้นควรมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเทให้สุดพลัง และอย่าลืมเพิ่มความสุขในสิ่งที่กำลังทำ สิ่งที่หวังอาจกลายเป็นจริงเข้าได้สักวันค่ะ
3.อย่าคิดว่าหมดหวัง จงคิดว่ายังมีแสงอยู่ที่ปลายทางเสมอ
ประโยคคุ้นหู “ทุกปัญหามีทางออก” ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังสามารถใช้ได้ หากเรากำลังหมดหวังที่มีเงินไม่เพียงให้ใช้ไปจนถึงสิ้นเดือน ถ้ากำลังเครียด ขอให้เลิกเครียด เพราะเรื่องที่แย่ในวันนี้เป็นเพียงคุณมีเงินไม่พอใช้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณเงินหมดแล้ว ให้ลองมองหาข้อดีว่า “คุณรู้สถานะทางการเงินของตัวเอง” จากนั้นเหลือแค่มองหาวิธีที่จะพบแสงที่อยู่ปลายทางนั่นเองค่ะ
4.หลีกเลี่ยงคนโลกแคบ จงคบกับคนโลกกว้าง
สภาพแวดล้อมและผู้คนที่อยู่รอบตัว สามารถส่งผลต่อความเครียด และสามารถส่งผลต่อเส้นทางการไปสู่ความสำเร็จของเราเช่นกัน อยากให้ลองสำรวจดูรอบตัวคุณเอง สังเกตว่าคนที่มีความคิดในแง่ลบ มักจะสร้างพลังลบให้เราไม่กล้าทำอะไรใหม่ ๆ ติดอยู่ในโซนปลอดภัยของตัวเองต่อไป เพราะฉะนั้นควรมองหาคนที่คิดบวก ประสบความสำเร็จในชีวิต คนเหล่านี้จะคอยสนับสนุนและสร้างพลังงานดี ๆ แล้วพลังบวกรอบ ๆ ตัวจะช่วยคุณไปถึงฝันได้เองค่ะ
5.อย่ามองแค่นี้ จงมองให้ไกลกว่านี้
การตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การไม่มีเป้าหมายนั้นจะทำให้เราไปได้ไม่ถึงฝันและนั่นจะทำให้เรายืนอยู่จุดเดิม ในกรณีที่ทำเป้าหมายสำเร็จไปหนึ่งอย่างแล้ว ควรขับเคลื่อนตัวเองด้วยการมองหาเป้าหมายขั้นต่อไป ลองมองให้ไกลมากยิ่งขึ้น มองออกไปให้ไกลกว่าเดิม ความสำเร็จคงอยู่ไม่ไกลเกินฝันค่ะ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนยุคใหม่เริ่มใส่ใจการออมเงินมากขึ้น เห็นได้จากกระแสตอบรับในบทความต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการออมเงิน ยิ่งเป็นเทคนิคการเก็บเงิน ตัวอย่างเช่น เก็บเงินจากแบงก์ 50 เก็บเงินตามวันที่ จะมีกระแสตอบรับที่ดีมากเลยค่ะ ยอดการแชร์ที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่เริ่มรักและใส่ใจในสุขภาพการเงินของตนเอง ก่อนจะพูดถึงเทคนิคหรือเคล็ดลับ เราลองมองย้อนกลับมาในเรื่องของเป้าหมายในการออมเงิน ในการออมเงินของแต่ละคนนั้น ย่อมมีเป้าหมายการออมเงินแตกต่างกันไป เรามาลองดู 4 เป้าหมายยอดฮิตในการออมเงินของคนรุ่นใหม่กันว่ามีอะไรบ้าง? แล้วเคล็ดลับของแต่ละเป้าหมายเป็นอย่างไร?
1.ออมไว้ลงทุน เตรียมขุนเงินให้งอกเงย
วิธีการออมเงินด้วยการลงทุนเป็นวิธีที่น่าสนใจ เพราะการออมเงินแบบออมทรัพย์อย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไปแล้วค่ะ ควรหาแนวทางการออมเงิน เช่น การลงทุนในกองทุนต่าง ๆ มาเพิ่มเติม ไม่ใช่แค่เราจะได้ดอกเบื้ยที่สูงขึ้น แต่เงินก้อนนั้นที่เรานำไปลงทุนสามารถสร้างกำไรให้เราได้งอกเงย
เคล็ดลับ: ควรศึกษาการลงทุนต่าง ๆ ให้ดี ในระยะแรกอาจเริ่มต้นเลือกซื้อกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่สามารถทำให้เราได้ดอกเบี้ยมากกว่าฝากธนาคารเฉย ๆ แน่นอน หลังจากนั้นค่อยขยับขยายตามความเหมาะสม
2.ออมไว้ฉุกเฉิน เป็นเงินเฝ้าระวัง
เงินส่วนนี้สำคัญและขาดไม่ได้ เมื่อไหร่ที่เกิดปัญหาการเงิน หลายคนอาจจะลืมมันไปแต่เงินส่วนนี้แหละค่ะที่จะเป็นพระเอกช่วยคุณได้ในยามฉุกเฉิน
เคล็ดลับ: ควรออมเงินฉุกเฉินนั้นควรมีเตรียมไว้ถึง 3 – 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน แบบนี้ถึงเรียกว่า “ปลอดภัย”
3.ออมไว้เกษียณ ผลัดเปลี่ยนช่วงอายุ
อย่าคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา ใช้ชีวิตโดยที่ไม่ได้คิดถึงบั้นปลายชีวิต มีหวังต้องลำบากแน่ ๆ ค่ะ การออมเงินไว้ใช้ตอนเกษียณนั้น ควรทำการวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่เดือดร้อนใครค่ะ
เคล็ดลับ: เริ่มวางแผนออมเงินเก็บไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หาวิธีคำนวนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ใช้หลังเกษียณ
4.ออมสร้างความสุข ให้รางวัลแก่ตัวเอง
คนยุคใหม่ใส่ใจกับความสุขของตัวเองมาก หลายคนต้องเหน็ดเหนื่อย ทุ่มเทแรงกายไปให้กับการทำงาน อาจมีอาการท้อถอยไปบ้างเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราควรออมเงินเพื่อซื้อความสุข หาแรงกระตุ้นในการใช้ชีวิต ให้รางวัลกับตัวเองต่อไปค่ะ
เคล็ดลับ: แยกบัญชีสำหรับสร้างความสุขของตัวเองโดยเฉพาะ จะเป็นฝากประจำหรือออมทรัพย์ก็ได้ค่ะ แล้วตั้งเป้าหมายว่าเงินเก็บนี้สามารถซื้อความสุขอะไรเพื่อตัวเองได้บ้าง เมื่อครบกำหนดแล้วเราก็สามารถนำเงินออกมาใช้เพื่อซื้อความสุขได้แล้วค่ะ
เป้าหมายการออมเงินทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ควรทำควบคู่กันไปเพื่อให้สุขภาพการเงินของเรามีความมั่นคงและยั่งยืนค่ะ
เมื่อเด็กคนหนึ่งกำเนิดขึ้นมาแล้ว ในฐานะของคนเป็นพ่อและแม่ สิ่งแรกที่มอบให้คือ “การมอบชีวิต” สิ่งที่สำคัญในลำดับต่อไปคือ “การมอบอนาคต” ไม่ว่าพ่อแม่คนไหนก็อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดีกันทั้งนั้น พ่อแม่ทุกคนจะเตรียมความพร้อมและสิ่งต่าง ๆ ไว้ให้ลูกในทุกจังหวะของชีวิตอย่างสุดความสามารถ
การออมแบบไหนบ้างที่สร้างอนาคต?
1.เริ่มวางแผน..การออมเงินเพื่อการศึกษา
การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญของเด็กทุกวัย เป็นการมอบอนาคตให้กับลูก คุณพ่อคุณแม่ต้องวางแผนออมเงินสำหรับการเรียนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเรียนให้กับลูกตั้งแต่เริ่มต้น เพราะค่าเทอมตั้งแต่การศึกษาระดับอนุบาลไปจนถึงระดับปริญญาตรีนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
ค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเรียน เช่น ชุดนักเรียน รองเท้านักเรียน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายรายวัน ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่คุณจะต้องวางแผนและเตรียมพร้อมให้กับลูก ในการออมเงินเพื่อการศึกษานั้นอาจเลือกวิธีการฝากประจำ หรือกองทุนก็ได้ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนในการออมที่เพิ่มมากขึ้น
2.ฝึกให้เราและลูก..ฝากออมทรัพย์
ตั้งเป้าหมายเพิ่มวินัยการออมเงิน เราออมเพื่อลูก ส่วนลูกออมเพื่อตัวเอง การฝากออมทรัพย์ในส่วนนี้สำหรับพ่อแม่นั้น จะเป็นการออมเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายทั่วไปให้ลูก เช่น ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนพิเศษ เป็นต้น
วิธีนี้ไม่ใช่แค่เพียงพ่อและแม่จะเป็นคนออมเท่านั้น แต่ควรสร้างวินัยสอนให้ลูกรู้จักการออม และประหยัดในการใช้เงินด้วยเช่นกัน การสอนให้ลูกทำบัญชีรายรับ – รายจ่าย ของตนเอง จะสามารถช่วยลดภาระให้กับเราได้ และทำให้ลูกมีวินัยทางการเงินมากขึ้น
3.อย่าลืม..ออมเงินสำรองไว้ใช้เผื่อฉุกเฉิน
เงินสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉิน เป็นส่วนที่ไม่นึกถึงไม่ได้ เพราะถ้าหากเดือนไหนที่พ่อแม่มีปัญหา อาจจะต้องดึงเงินสำรองส่วนนี้มาใช้เพื่อนำไปชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของลูกในช่วงนั้น จึงจำเป็นต้องมีการสำรองเงินไว้อย่างน้อย 1 ก้อน หากไม่มีแล้วนำเงินส่วนอื่นที่วางแผนไว้เพื่อลูกมาใช้ อาจทำให้เงินส่วนนั้นหายไปไม่เป็นไปตามที่คิดได้ค่ะ
4.ต้องเตรียม..ออมเงินให้ลูกไปลงทุน
เงินในส่วนนี้บ่งบอกว่าเป็นการออมเงินเพื่อสร้างอนาคตให้ลูก เพราะนอกเหนือจากเงินส่วนอื่น ๆ ที่ต้องใช้แล้ว เราสามารถออมเงินไว้สักก้อน เพื่อให้ลูกมีสิทธิเลือกลงทุนในสิ่งที่ตัวเองชอบ อาจจะนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนกับการขายของออนไลน์ เพื่อหาโอกาสต่อยอดให้อนาคตของตัวเองหรือทำธุรกิจตามแบบที่ตนเองสนใจ เพราะเด็กทุกคนย่อมมีทางเดินเป็นของตัวเอง พ่อและแม่มีหน้าที่คอยสนับสนุนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น
ลูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของพ่อแม่ พ่อและแม่มักจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกว่าที่ตัวเองได้เสมอ นอกจากจะมอบชีวิตแล้ว คงจะน่าประทับใจยิ่งขึ้นไปอีก หากเรามอบอนาคตที่ดีให้กับพวกเขา มาเริ่มต้นสร้างอนาคตให้ลูกด้วยการออมกันเถอะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต
https://www.krungthai-axa.co.th/th/saving-forchilds
