Blog Page 113

5 แนวทางรักษาเครดิต รูดอย่างไรให้ชีวิตสมดุล

5 แนวทางรักษาเครดิต รูดอย่างไรให้ชีวิตสมดุล

หลายคนที่มีบัตรเครดิต แล้วอยากให้การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อผ่านไปได้ด้วยดี เราควรเริ่มต้นรักษาวินัยในการใช้บัตรเครดิตเพื่อให้เกิดประวัติการชำระหนี้ที่น่าเชื่อถือ รับรองประวัติดีไม่มีเสียแน่นอนค่ะ

5 แนวทางรักษาเครดิต รูดอย่างไรให้ชีวิตสมดุล

5 วิธี ฉลาดใช้บัตรเครดิต ให้เกิดประโยชน์

5 วิธี ฉลาดใช้บัตรเครดิต ให้เกิดประโยชน์

มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่มีบัตรเครดิตกันทั้งนั้น ที่สำคัญบางคนมีหลายใบซะด้วยค่ะ บัตรเครดิตใช้เป็นก็เกิดประโยชน์ ใช้ไม่รอบคอบก็มีโทษ เราลองมาดู 5 วิธีฉลาดใช้บัตรเครดิตให้เกิดประโยชน์กันค่ะ

1.คิดให้ดีก่อนใช้: เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องบริหารวงเงิน จะจ่ายเพิ่มต้องเช็คให้ดีค่ะว่า วงเงินเราเหลือเท่าไหร่ หากเหลือไม่มาก เก็บไว้ใช้ในเรื่องที่จำเป็นดีกว่าค่ะ

2.จำรอบบิลให้แม่น: วันจ่ายรอบบิลต้องจำให้ขึ้นใจ หากชำระช้า ดอกเบี้ยสูง สร้างความลำบากให้เราแน่นอนค่ะ

3.เช็คโปรโมชัน ใช้ให้คุ้ม: โปรโมชันเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรอัปเดต หมั่นหาสิ่งดี ๆ ที่มีประโยชน์กับตัวเราค่ะ

4.อย่ากดเงินสดจากบัตรเครดิต: เป็นเรื่องต้องห้ามเลยค่ะ เพราะการกดเงินสดจากบัตรเครดิตทำให้เกิดดอกเบี้ยสูงมาก

5.เลือกบัตรดี ที่ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ: การไม่เสียค่าธรรมเนียมถือเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้เราประหยัดเงินได้อีกเยอะค่ะ

5 วิธี ฉลาดใช้บัตรเครดิต ให้เกิดประโยชน์

3 เหตุผลที่ไม่ควรสร้างหนี้หลายก้อน

3 เหตุผลที่ไม่ควรสร้างหนี้หลายก้อน

เป็นหนี้นอกจากจะเป็นทุกข์แล้ว ความสุขของเราคงถูกระงับไปอีกยาว สำหรับคนที่ยังไม่มีภาระตรงนี้ ขอให้ตั้งสติ เตือนตัวเองให้ดีค่ะ แต่สำหรับคนที่กำลังมีปัญหาอยู่ตอนนี้ ก่อนจะก่อเพิ่มขอให้ตอกย้ำและจำไว้เป็นบทเรียน อีกไม่นานเชื่อว่าจะผ่านมันไปได้ค่ะ

1.ต้องระงับความสุขเพื่อใช้หนี้ ต้องงดค่าใช้จ่ายในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ออกไป เพื่อนำไปใช้ชำระหนี้แทน
2.ต้องเจอกับดอกเบี้ยมหาศาล มีหนี้หลายก้อน ทำให้มีดอกเบี้ยเยอะขึ้น ทำให้เราต้องเสียเงินชำระมากขึ้น
3.ภาระหนี้สินมากขึ้น เป็นปัจจัยในการขอสินเชื่อของสถาบันการเงิน อาจทำให้เราเสียประวัติทางการเงิน อาจทำให้ขอสินเชื่อยากขึ้น

3 เหตุผลที่ไม่ควรสร้างหนี้หลายก้อน

เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) “พยามหายใจเข้าไว้ ในยามที่ทุกอย่างดูจะไม่ง่ายดังใจหวัง​” www.posttoday.com วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562

พยามหายใจเข้าไว้​ ในยามที่ทุกอย่างดูจะไม่ง่ายดังใจหวัง

ปรากฏการณ์​หุ้นตก​ ตัวเลขเศรษฐกิจแทบทุกค่ายหลายสำนักฯ ต่างออกมาสะท้อนการชะลอตัวลง​ ค่าเงินบาทแข็ง​ พิษของสงครามการค้า​ การกีดกันทางการค้า​ การเปิดวิวาทะของนักการเมืองรายวัน​ ตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่ยังหาทางลงไม่เจอ​ และอื่นๆอีกมากมาย​ ในช่วงเวลาปลายปี​ ช่วงเวลาของการจัดทำแผนงานสำหรับปี​ 2563 ซึ่งฝ่ายวางแผนต่างกุมขมับว่ามันจะทำให้ธุรกิจเติบโต​ ขยายตัวได้อย่างไร​

ตัวผู้เขียนได้พบกับผู้นำองค์กร​หลายแห่งแต่ประทับใจไม่หายก็มีท่านหนึ่งซึ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจสินเชื่อรายย่อยได้อย่างที่ ธนาคารพาณิชย์​ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องยกนิ้วให้​ ท่านบอกผมว่า​ ในยามนี้สิ่งที่เราทุกคนจะต้องทำคือ
1. ไปออกกำลังกายด้วยการวิ่ง
2. นอนให้หลับ
3. ตื่นให้ได้ทุกเช้าและ
4. พยายามหายใจเข้าไว้
เรื่องอื่นๆไม่ได้มีอะไรสำคัญกว่าชีวิตเรา​ค่อยๆทำไป​ ทำทีละเรื่อง​ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป….

เมื่อเอาข้อคิดที่ว่านี้มาเทียบเข้ากับภาพที่ท่านผู้ว่าการ​ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ฉายมาให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการที่ดอกเบี้ยถูกกดดันให้ต่ำเตี้ยมาเป็นระยะเวลานานๆแล้ว​ มันได้สร้างความกดดันไปยังคนที่ควรจะออมก็ไม่อยากออม​ คนที่ต้องการผลตอบแทนก็วิ่งไปหาสิ่งที่เป็นความเสี่ยง​ สิ่งที่หลอกลวง​ ด้วยการหลอกตัวเอง​ว่า​ ยังไงฉันก็ไม่เสี่ยง​ ฉันจะหนีออกมาได้ทัน​

ความเสี่ยงของสภาพการณ์และสิ่งที่เกิดในระบบการเงินโลก มีการออกมาระบุถึงมาตรการดูแลเสถียรภาพสำหรับตลาดพันธบัตร ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่อยู่ๆผู้กำกับดูแลก็ออกมาพูดถึงเรื่อง​ ตราสารหนี้/หุ้นกู้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ แต่ได้ออกมาขายให้กับนักลงทุน​ (ซึ่งมีความเสี่ยงสูง​ บ้านเราก็มีเรื่องแล้ว เช่น​ ตั๋ว​แลกเงินไม่มี​ Rating หุ้นกู้ไม่มี​ Rating แต่มีนักลงทุนก็เข้ามาลงทุน​ เหตุผลเพราะว่าต้องการผลตอบแทนเพิ่ม)​

ในประเด็นนี้ผู้เขียนมีความคิดอย่างนี้นะครับว่า​ ประสบการณ์​ “โลภบวกโง่” และแสวงหาผลตอบแทนโดยละเลยความเสี่ยงวันนี้มันจะได้กลายเป็นความปกติใหม่สำหรับบุคคลและองค์กร​ไปแล้วหรือไม่​ มันเป็นระเบิดเวลาที่รอจังหวะหรือไม่..ขอทุกท่านกลับมาที่หลักการนี้นะครับ​ “การลงทุนมีความเสี่ยง​ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ”

ในเรื่องหนี้ครัวเรือนก็เหมือนกัน​ เพราะมันคือ
(1)ภาพสะท้อนฐานะความมั่นคงด้านการเงินของครัวเรือน
(2)และในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันที่เรียกว่า​ Income shock เช่น เกิดการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาสงครามทางการค้า หรือเศรษฐกิจโลกชะลอ เกิดวิกฤตการณ์ร้ายแรงจนทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่องแล้วละก็​ เหตุพวกนี้จะนำไปสู่ผลกระทบอีกมากมาย ทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ​ ภาวะหนี้เสียและความมั่นคงในระบบสถาบันการเงิน
(3) โจทย์สำคัญคือเราจะทำอย่างไรให้การแก้ไขปัญหาหนี้ที่มีอยู่จำนวนมากนี้ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือน​ หรือหนี้ของภาคธุรกิจ มีโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสอดคล้องกับตัวลูกหนี้เอง

ท่านผู้ว่าการ​ ยังได้กล่าวถึงความท้าทายสำหรับผู้ทำนโยบายและผู้กำกับดูแลทั้งโลก ซึ่งต้องอาศัยเครื่องมือที่หลากหลายเป็นกลไกกำกับ และประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน เช่น มาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินหรือแม็คโครพรูเด็นเชียลที่มีบทบาทมากขึ้น แต่มีแรงต่อต้านกลับค่อนข้างแรง (อันนี้ผู้เขียนเห็นภาพการที่ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบพยายาม​ “วิ่งสู้ฟัด” ทุกเวที​ มีการนำเสนอความเห็น​ ข้อมูลผ่านสื่อแบบเปิดหน้ากันเลย​ บางเวทีวิทยากรจากธนาคารกลางเจอกับวิทยากรจากภาคธุรกิจก็สู้กันด้วยตัวเลข​ ข้อมูล​ ความคิดความเห็นอย่างเผ็ดมัน ผู้เขียนขอสารภาพว่าเมื่อมีคำเชิญมาให้ขึ้นเวที​ ไม่ว่างานไหนก็ไม่เอาอีกแล้ว​ เปลืองตัว​ เปลืองหัวใจ​ เข้าใจคนออกนโยบาย​ เห็นใจคนทำธุรกิจ​ ทุกข์​ใจแทนคนฟัง)​ เช่น​ ทุกวันนี้จะเห็นผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งออกมาเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยกเลิกมาตรการเกี่ยวกับมาตรการกำหนดเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) โดยไม่ได้กลับไปดูสาเหตุของการออกมาตรการและลืมเรื่องสินเชื่อเงินทอนไปแล้วด้วยซ้ำ”

พยามหายใจเข้าไว้​ ในยามที่ทุกอย่างดูจะไม่ง่ายดั่งใจหวัง​ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเรายังหายใจอยู่​ ก็ให้กลับไปใส่ใจงานของตนเอง​ สนใจเรื่องของคนอื่น​ งานของคนอื่นน้อยลงไปบ้าง​ ชีวิตคงจะสามารถก้าวเดินต่อไปได้ครับ

รู้ไว้เมื่อไหร่ที่ควรไปตรวจข้อมูลบัตรเครดิต

รู้ไว้เมื่อไหร่ที่ควรไปตรวจข้อมูลบัตรเครดิต

ความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องไปตรวจเครดิตบูโรแค่เฉพาะตอนที่จะเตรียมตัวไปขอสินเชื่อเท่านั้นนะคะ แต่เราสามารถตรวจเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ เพื่อให้เราทราบข้อมูลเครดิตของตนเอง หากมีปัญหาส่วนไหนจะได้รีบแก้ไขให้ทันค่ะ

รู้ไว้เมื่อไหร่ที่ควรไปตรวจข้อมูลบัตรเครดิต

5 เทคนิคซื้อของออนไลน์ให้ได้ของดี ในราคาที่ประหยัด!!

5 เทคนิคซื้อของออนไลน์ให้ได้ของดี ในราคาที่ประหยัด!!

สมัยนี้ไม่ต้องออกจากบ้านก็เสียเงินได้ แถมยังเสียเงินง่าย เพราะสามารถปัดหน้าจอซื้อของได้ทันที แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียค่ะ เราได้ของรวดเร็วทันใจ แต่หากไม่ฉุกคิดเบรคมือไม่อยู่ เสียเงินบานปลายแน่นอนค่ะ เราต้องหาเทคนิคดี ๆ ฉลาดเลือก ฉลาดซื้อ แค่นี้เราก็ได้ของดีที่สามารถประหยัดเงินได้ด้วยค่ะ

5 เทคนิคซื้อของออนไลน์ให้ได้ของดี ในราคาที่ประหยัด!!

ตอนไหน? ที่ไม่ควรใช้บัตรเครดิต

ตอนไหน? ที่ไม่ควรใช้บัตรเครดิต

บัตรเครดิต ถ้าคิดให้ดีก่อนใช้ก็จะสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ตัวเราได้ แต่การใช้จ่ายโดยไม่รอบคอบก็คงจะสร้างปัญหาหรือภาระหนี้สินให้กับเราแบบเลี่ยงไม่ได้

ถ้าหากเราคิดรอบคอบแล้วรู้จักวิธีป้องกันการเกิดหนี้จากบัตรเครดิต เท่านี้เราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลแล้วค่ะ

เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) “ได้คืบก็มักจะเอาเพิ่มเป็นศอก​” www.posttoday.com วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562

ได้คืบก็มักจะเอาเพิ่มเป็นศอก​

บทความของผมวันนี้เขียนขึ้นมาเพราะนึกถึงสำนวนไทยที่บอกว่า​ ยามใครต่อใครเดือดร้อน​ หลวงท่านก็จะยื่นมือออกมาช่วยเหลือ​ แต่พอได้รับความช่วยเหลือแล้วก็มักจะรุกคืบขอเพิ่ม​ ทั้งที่จริงแล้วความเดือดร้อนที่ว่ามันอาจเกิดจากการวางแผนผิด​ การบริหารความเสี่ยงน้อยไป​ การมีแผนฉุกเฉิน​รองรับสถานการณ์​ที่ตนเองไม่ชอบน้อยไป​ หรือแม้แต่การส่งเสริมสนับสนุน​ให้มีการเก็งกำไรในธุรกิจที่ตนทำอยู่​ สำนวนที่ว่าคือ​ “พอได้คืบ​ ก็มักจะเอาศอก”

เมื่อภาครัฐได้ออกมาตรการมาช่วยเหลือสนับสนุนให้คนที่ประสงค์​อยากจะได้บ้านหลังแรกตามกำลังรายได้ของตนโดยกำหนดว่าบ้านราคาไม่เกิน​ 3 ล้านบาท​ โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองลงมา​ พร้อมๆกับที่สถาบันการเงินของรั​ฐได้ออกโครงการให้กู้แบบผ่อนยาวๆ​ ดอกเบี้ยถูก​ มาช่วยคนที่อยากได้บ้าน​ ข่าวสารความเห็นที่ตามมาดูจะเข้ากับสำนวนไทยอย่างยิ่ง​ ความมีดังนี้ครับ

1.ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีมุมมองว่าการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้มีมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม 2 มาตรการจะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระรายจ่ายในการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคและเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยหนุนตลาดในช่วงที่เหลือของปีต่อเนื่องไปยังปี​ 2563

แต่ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและกำลังซื้อที่ประสบปัญหาจากหนี้ครัวเรือน​ ดังนั้นจึงคาดได้ว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในปี 2562 นี้เพิ่มจาก 121,730 หน่วย (ม.ค.- ส.ค. 62) จะไปแต่ตัวเลขที่เคยได้ประมาณการไว้เมื่อกลางปีที่ 177,000 หน่วย หรือหดตัวลง 10% จากปี 2561

2.ฝั่งผู้ประกอบการก็ออกมาให้ข้อมูลต่อมาว่ามาตรการนี้มันก็ช่วยได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น​ เพราะคนที่ซื้อบ้านเกิน 3 ล้านบาทมีส่วนหนึ่งเท่านั้น หลวงท่านควรทำมาตรการออกมาแบบไม่กำหนดราคาบ้านจะดีกว่า (คำขอเพิ่มส่วนที่​ 1) และหาผ่อนคลายเรื่องมาตรการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ออกมาเรื่อง​ LTV ก็จะช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์ได้ค่อนข้างมาก เนื่องจากมาตรการนี้ทำให้ลูกค้าส่วนหนึ่งกู้ไม่ผ่านหรือกู้ได้ยากขึ้น (คำขอเพิ่มส่วนที่​ 2)​

3.ในส่วนของศูนย์ข้อมูลก็ออกมาผสมโรงเป็นข้อเสนอที่งดงามเสียกระไรนี่​ ชนิดที่บทบาทหน้าที่ตนเองควรจะเป็น “ระบบส่งเสียงเตือนความเสี่ยง” กลับจะทำให้ความเสี่ยงเพิ่มหรือไม่​ กล่าวคือ​ มีข้อแนะนำไปยังคนให้กู้ที่ต้องนำเอาเงินฝากจากประชาชนมาปล่อยกู้ให้กับคนขอกู้ว่า​ ประวัติการก่อหนี้และการชำระหนี้นั้นตามที่มาตรฐานสากลทั่วโลกเขาระบุว่าให้แสดงกับสถาบันคนให้กู้​ 3 ปี ย้อนหลังจากปัจจุบัน​นั้น​ สถาบันคนให้กู้ควรจะดูเพียง​ 1ปี ย้อนหลัง​ หรือดูการชำระหนี้ย้อนหลัง​ 12 เดือน​ หรือ​ 12 งวดก็พอในสินเชื่อต่างๆที่คนขอกู้มีอยู่เช่น
ดูประวัติการผ่อนรถ​ 12 เดือนย้อนหลังก็พอ
ดูประวัติการผ่อนสินเชื่อบุคคล​ 12 เดือนย้อนหลังก็พอ
ดูประวัติการชำระหนี้บัตรเครดิตย้อนหลัง​ 12 เดือนย้อนหลังก็พอ​ เป็นต้น​ คำถามมันมีอยู่ว่า​ สินเชื่อบ้านเวลาผ่อนมันยาวเป็น​ 5ปี​ 10ปี​ 15ปี​ เราจะดูพฤติกรรมความตั้งใจในการชำระหนี้เพียง​ 12 งวดย้อนหลัง​ มันจะเพียงพอเหมาะสมหรือไม่​ เราควรปล่อยให้สถาบันเขาบริหารความเสี่ยงที่สอดคล้องกับแผนธุรกิจของเขาดีกว่าหรือไม่​ เพราะผู้บริหารสถาบันคนปล่อยกู�

ผู้เขียนเป็นคนทำข้อมูล​ ทำสมุดพกให้สถาบันคนให้กู้ดู​ ยืนยันว่า​ ข้อมูลมีเท่าใด​ ยาวนานเท่าใด​ คนวิเคราะห์สินเชื่อต้องดูให้ครบถ้วน​ แต่การตัดสินใจต้องเป็นไปตามนโยบายการบริหารความเสี่ยง​ การกู้ได้ยากแต่มีคุณภาพมากขึ้น​ กับธุรกิจที่อาจลดลง​ และอาจไม่สร้างปัญหาความเสี่ยงในระยะยาวบนความมั่นคงของสถาบันคนให้กู้นั้นมันอยู่ที่จุดไหน​ก็ขึ้นอยู่กับระบบนิเวศของเรื่องนั้น​ ในฐานะคนทำข้อมูล​ ทำสมุดพก​ ก็ได้แต่บอกว่า​ การให้กู้กับใครนั้น​ มีความเสี่ยงเสมอ​ คนตัดสินใจให้กู้ต้องศึกษาข้อมูลทั้งหมดเท่าที่มี(มิใช่บางส่วน)​ ก่อนการตัดสินใจให้กู้หรือไม่ให้กู้​
เอวังก็มีด้วยประการทั้งปวง​ดังที่เรียนมาข้างต้น​ กระทบกระเทือนไปบ้างต้องขออภัยนะครับ​ ผมเพียงใช้สิทธิ์ที่ถูกพาดพิงครับ

เรื่องน่าอ่าน