กระแสการแชร์ข่าว (มั่ว) การ์ดต้องไม่ตก การลงทะเบียนหมอพร้อม ในช่วง WFH
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านจะได้เจอปรากฏการณ์แบบเดียวกับผู้เขียนหรือไม่ เมื่อได้ยกเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่ (มือถือ) ขึ้นมาอ่านข้อความ ซึ่งหากเราจะได้เจริญสติและพิจารณาข้อความต่าง ๆ แล้ว เราจะพบว่า
1.มีผู้ตั้งตนเป็นกูรูกูรู้ มากมายพร้อมคำแนะนำ ซึ่งมีทั้งมาขอโทษที่เผยแพร่ในเวลาต่อมาและท่านที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ออกมาบอกเล่าเก้าสิบ หลากหลายไปหมด จนบางครั้งผู้เขียนคิดว่า หากมีคนส่งต่อข้อความมาก ๆ ว่า ผักตบชวาในแม่น้ำมีคุณค่าป้องกันไวรัสได้ จะมีใครไหมหนอที่จะไปลากเอาขึ้นมาต้มกิน ความกลัวผสมกับความที่ไม่คิดถึงเหตุและผล อาจทำให้ปัญหาผักตบชวาที่มีกับแม่น้ำลำคลองสกปรกเราหมดไปก็ได้หรือไม่
2.เรื่องที่ยากที่สุด คือ การรักษาระยะห่าง 2 เมตร ก็เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมเพราะตัวเราอยากเจอมนุษย์คนอื่นอยู่ตลอดเวลามนุษย์อย่างเรา ตัวท่าน ตัวผมต้องยอมรับว่า ไม่สามารถจะกักกันตนเอง และการปิดเมืองไปได้นานกว่านี้แล้ว ไม่ใช่เพียงเพราะเหตุผลทางเศรษฐกิจอย่างเดียวที่ยกขึ้นมา แต่เป็นเพราะสภาวะทางจิตใจ ความทุกข์ใจที่ไม่ได้เจอใครอย่างที่ใจเราต้องการต่างหาก มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ใฝ่หาเสรีภาพ แต่รุกรานสิ่งมีชีวิตอื่นตลอดเวลา
แม้คุณหมอที่รู้จริงจะบอกว่าการใส่หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า หรือแม้แต่หน้ากากผ้าทับบนหน้ากากอนามัย พร้อมกับการรักษาระยะห่าง 2 เมตรขึ้นไป บวกกับการรักษาความสะอาดของมือผ่านการใช้แอลกอฮอล์หรือสบู่ จะช่วยให้เราปลอดภัยจากโควิดได้ 100% แต่เรา ๆ ท่าน ๆ ก็แทบจะไม่อยากจะทำตามขั้นตอนแนะนำเหล่านี้แล้ว เพราะทำมานานเกินปี จนเกินจะทนในความคิดความเป็นไปของใครบางคน ยิ่งไปตกกับพวกบุญมาวาสนาส่ง คิดว่าตนเป็นอภิมนุษย์ มีอำนาจบารมีมากกว่าคนอื่น จักสุขสำราญเยี่ยงใดก็ได้ กิจกรรมชอบกิน ชอบเที่ยว มันเลยสร้างผลกระทบที่รุนแรงให้กับคนที่เขามีวินัยและต้องทนทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบมาเป็นเวลานานนับปีเข้าไปเต็มเปา ขออัญเชิญเจ้ากรรมนายเวรจงมาเสวยกรรมเพื่อส่งผลให้อภิมนุษย์เหล่านั้นให้ได้รับผลกรรมในสิ่งที่ทำลงไปด้วยเถิด หลับอย่าได้ตื่น ฟื้นอย่าได้สุข ทุกข์อย่าได้หมด หดในทรัพย์สิน เงินทอง อำนาจวาสนา…
3.วัคซีนที่ใช้กันทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ ทุกท่านที่เจริญด้วยสติ ใช้ปัญญาผ่านสมองในศีรษะก็ทราบดีว่า วัคซีนเหล่านั้นล้วนได้รับการอนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินทั้งนั้น นั่นหมายความว่า “มันไม่มีเวลาเพียงพอที่จะวิเคราะห์วิจัยถึงความปลอดภัยและประสิทธิผลของวัคซีนที่ใช้กันอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าจะใช้ความพยายาม ความรู้ และทรัพยากรที่ดีที่สุดจากนักวิทยาศาสตร์ก็ตาม เต็มที่คือการทดลองในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นมนุษย์จำนวนหนึ่ง ในระยะเวลาหนึ่ง และยังอาจมีข้อจำกัดที่ไม่รู้จำนวนหนึ่ง ประเด็นสำคัญคือ ความจริงที่ว่า เรา ๆ ท่าน ๆ ทุกคนจะต้องคิดให้ได้ว่า “ในเวลานี้เราอยู่ในภาวะฉุกเฉินหรือไม่? วิธีป้องกันภัยยามฉุกเฉินเราคืออะไร ทางรอดที่ดีที่สุดของเราคืออะไร”
4.รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่ามาจากระบบแบบใด เมื่อมาเป็นผู้รับผิดชอบก็ต้องเจอโจทย์ว่า “ประชาชนในประเทศของตน อยู่ในภาวะฉุกเฉิน จึงหาวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชนของตน” ความเสี่ยงบนความสมดุลที่ต้องวางลงไปว่า
(1)ระดับสภาพความฉุกเฉินประมาณไหน
(2)เครื่องมือคือวัคซีนจะหามา ส่งต่อ ฉีดไป ให้ไวให้มากพอจะทำกันอย่างไร
(3)ผลข้างเคียง ผลกระทบ หากมีสิ่งไม่พึงประสงค์ สิ่งที่ไม่มีใครต้องการ จะลดความรุนแรงมันได้อย่างไร จะไม่ให้มี มันทำไม่ได้ และก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ให้มี
เราอาจบอกได้ว่ากระทบ 2% แต่สำหรับคนที่โดนกระทบเต็มที่มันคือ 100% สำหรับชีวิตเขา ความยากมันอยู่ตรงนี้ ใครไม่อยู่จุดนั้นคงไม่รู้ การถู ๆ ไถ ๆ บนมือถือแล้วก็ส่งข้อความไปมันง่ายมาก ความคิดเห็นมันเยอะ ความไม่พอใจมันมาก ยิ่งความไม่พอใจ (แทน) คนที่ไม่ได้รู้จักยิ่งมากเพราะไม่ต้องรับผิดรับชอบอะไร โพสต์ออกไปแล้วจะดูดี ได้แต่ความสะใจ อย่างมากถ้ามีเรื่องก็บอกว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องความไม่รู้ที่หลงผิดพลาดไปในการส่งข้อความ คนไทยขี้สงสารเดี๋ยวก็จบ
เรื่องที่น่าสนใจคือ หลายเดือนก่อนตอนตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันน้อยรายนั้น วัคซีนจะมาไม่มาไม่มีประเด็น พอมีเหตุปะทุขึ้นมารอบสามแบบสงกรานต์ไม่ได้สาดน้ำ ความตื่นตระหนกก็มาดุจดังความหิวโหย มีการพูดกันถึงขนาดว่า จะฉีดอะไรก็ฉีด น้ำเกลือ น้ำมนต์ก็ได้ถ้ามันป้องกันได้ ไม่มีการสนใจว่ายี่ห้อไหน ทำจากจีนหรือไม่ ใครเป็นเจ้าของกิจการบริษัทผู้ผลิตวัคซีน เอาเป็นว่ามีมาให้ฉีดได้บัดเดี๋ยวนี้เป็นอันยุติ แต่ถ้าความหิวโหยนั้นเกิดมีทางเลือกขึ้นมาปั๊บ ความเป็นมนุษย์เรื่องเยอะก็เข้ามาทันที เป็นเรื่องที่เกิดจากธรรมชาติพื้นฐานของมนุษย์ อธิบายได้ว่า เมื่อเรากำลังจะอดตาย เราอาจกินอะไรก็ได้ แต่หากมนุษย์ที่หิวเหลือเกินนายนั้น เกิดมีทางเลือกขึ้นมา นายคนนี้ก็จะลืมความหิวสิ้น และเริ่มที่จะวิเคราะห์ว่าทางเลือกไหนมันจะดีกว่ากัน และจะส่งผ่านสิ่งที่ตนเองอยากจะเชื่อ (ว่าจริง) ไปให้คนรอบข้างเพื่อให้เกิดเสียงสะท้อนว่า ใช่ ๆ เรื่องจริง กลับมายืนยันสิ่งที่ตนเองส่งออกไป บางครั้งอาจเพราะจะสะกดจิตตัวเองให้เชื่อยังไม่แรงพอก็เป็นได้ ไม่มีอะไรที่จะเติมเต็มความต้องการของมนุษย์เราได้ เพราะมนุษย์นั้นมีความต้องการไม่สิ้นสุดจริงไหมครับ
5.มีคำกล่าวว่า ถ้าเราคิดว่าเราไม่ได้อยู่ในภาวะฉุกเฉินอะไร จากการเม้าท์มอยกับเพื่อนในกลุ่มไลน์แล้ว เราก็แค่ไม่ไปฉีดวัคซีน ก็เท่านั้น… แต่เราก็ต้องรู้ว่าเรากำลังมีความเสี่ยงที่มากกว่าคนอื่น ๆ ที่เขาไปฉีดกันใช่ไหม ไม่ว่าเรา “ต้องการ” จะได้รับวัคซีนหรือไม่ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เราต้อง “เลือก” เองนี่จึงเป็น “ความจริง” เดียวที่ทุกคนควรต้องรู้ที่เหลือจากนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ตัวเราต้องชั่งน้ำหนักเอาเองว่าจะลงมือทำไปในทางไหน คำกล่าวนี้ทำให้ผู้เขียนไม่ลังเลใจในการลงทะเบียนหมอพร้อมเวอร์ชัน 2 โดยไม่สนใจความไร้สาระพวกที่แชร์หาเรื่องด่าคนทำงานว่าระบบล่มแล้ว (ก็ไม่ทราบว่าโพสต์ไปแล้วจะเกิดประโยชน์พระแสงด้ามง้าวกับใคร) ซึ่งผู้เขียนก็ลงทะเบียนได้ในครั้งเดียว จากนั้นผู้เขียนก็เอาหน้ากากอนามัยมาใส่ เอาหน้ากากผ้ามาสวมทับ เดินไปตลาด ซื้อของกิน ตอนสั่งก็พูดผ่านหน้ากาก ยืนสั่งอยู่ห่าง ๆ ก่อนรับของก็เอาแอลกอฮอล์มาถูมือ รับของแล้วเดินกลับบ้าน มาถึงบ้านก็ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์อีกครั้งก่อนลงมือทาน เวลาทานก็นั่งทานคนเดียวห่าง ๆ กับคนอื่น หมดแล้วก็นั่งทำงานต่อเพราะ WFH หมดเวลาทำงานก็เตรียมการออกกำลังกายต่ออีกอย่างน้อย 40 นาที มันน่าเบื่อแต่มันต้องทำ เหตุเพราะเราอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินตัวเราไม่ใช่อภิมนุษย์ ไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตที่เวลาทานอาหารต้องมีดนตรีและนารีมานั่งขับกล่อมให้เกิดความเสี่ยงกับเวรและกรรมตามทันที่ผู้คนสาปแช่ง
ขอบคุณครับที่ติดตาม