เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : สถานการณ์​รวยจะยิ่งรวย​ จนจะจนกรอบ​ คำแนะนำทางออก : วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม 2564

สถานการณ์​รวยจะยิ่งรวย​ จนจะจนกรอบ​ คำแนะนำทางออก

ไม่บ่อยที่ผู้เขียนจะได้เห็น​ ได้อ่าน​ สิ่งที่เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่​ ที่นำพาธุรกิจฝ่าวิกฤติ​โรคระบาด​ ออกมาพูดถึงการบริหารความหวัง​ การขับเคลื่อนเศรษฐ​กิจของประเทศ​ ความเห็นของท่าน​ ผู้เขียนขออนุญาต​นำมาเผยแพร่ต่อ​ เห็นด้วยเห็นต่างไม่ว่ากันนะครับ​ ผู้เขียนขอเริ่มต้นด้วยข้อความที่ว่า​ 

ข้อความที่​ 1. “… ท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตลอดจนสหประชาชาติ องค์การอนามัยโลกและประเทศต่าง ๆ ก็มีความเห็นเช่นเดียวกันว่า “วัคซีน” คือสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้คนในประเทศต่าง ๆทั่วโลกมีภูมิคุ้มกันเพียงพอที่จะต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ได้ เหมือนกับการต่อกรกับไข้หวัดใหญ่ในแต่ละปี”

ประเด็นของวัคซีน​ที่เรา ๆ ท่าน ๆ ต้องคิดให้ทะลุเพื่อที่มันจะได้ไม่ต้องมาเถียงกันก็คือ

(1)ไวรัสจะกลายพันธุ์​ได้เร็วและดุขึ้นขนาดไหนในอนาคต

(2)วัคซีน​ที่เราสร้างจะเก่งทันกับไวรัสไหม

(3)วัคซีน​จะมีมากพอ จะมาทันเวลาไหม 

(4)การบริหารเพื่อเอาวัคซีน​ที่ได้มาเข้าแขนผู้คนจะทำได้ดีขนาดไหน​ เราต้องการฉีดให้ได้วันละ​ 1 ล้านโดสนะครับ

(5)ผู้คนจะพร้อมใจยอมให้วัคซีน​เข้าแขนไหม​ ข่าวลวง​ ข่าวปลอม​ ข่าวจริงบวกไม่จริง​ ข่าวจริงคนเชื่อกับคนไม่เชื่อ​ การด้อยค่าของวัคซีนเพื่อหวังผลทางการเมือง​ มันคืออุปสรรค​ที่ต้องฝ่าไปให้ได้

(6)วินัยของผู้คนที่ต้องอดทน​ อดกลั้น​ แลกกับความหิว​ ความกลัว​ ถ้าทำมาหากินได้ลำบากจะทำกันอย่างไร​ 

ข้อความที่​ 2. “… ประเด็นที่รัฐบาลควรต้องดูแลอย่างใกล้ชิดก็คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกในปีนี้ จะมีลักษณะเป็ K Shape ไม่ใช่ V Shape อย่างที่ประเมินกันเบื้องต้น​ ลักษณะของ K Shape คือขาบนของตัว K คือ “กลุ่มคนรวย ซึ่งไม่ต้องไปห่วง เพราะคนรวย ยังคงรวยมากขึ้น แต่ขาล่างของตัว K คือ คนจนซึ่งจะมีมากขึ้น” ดูได้จากสถิติที่จัดเก็บไว้ ถ้าภาคทางการจะใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเครื่องมือ​ ก็คงจะช่วยคนระดับล่างได้ส่วนหนึ่ง 

อีกส่วนหนึ่งต้องเข้าไปอุดหนุนสินค้าเกษตรให้เขาสามารถผลิตสินค้าได้ในราคาที่สามารถอยู่ได้ ในเวลาเดียวกันก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือคนที่กลับภูมิลำเนาเพราะที่กรุงเทพฯ ไม่มีงานให้ทำด้วย …”

ผู้นำธุรกิจได้กล่าวในตอนท้ายว่าคนไทยต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อความอยู่รอดของทุกฝ่ายและท่านก็เชื่อว่าจากนี้ไปอีก 6 เดือนข้างหน้า ถ้าเราช่วยกัน เราจะวิ่งตามประเทศอื่นที่เขาออกวิ่งไปก่อนเราได้ทัน แค่ขอให้เราออกวิ่งได้จริง ๆ เท่านั้น เราก็สามารถจะวิ่งตามพวกเขาเหล่านั้นทันแน่ เพราะมันคือการวิ่งมาราธอน

ผู้เขียนถอดความได้คือ​ การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านหนี้สิน​ ดอกเบี้ยให้คนตัวเล็ก​ สร้างงานสร้างรายได้คนคืนถิ่น​ ทำให้คนผลิตอาหารให้เรามีรายได้​ สู้ได้​ มีกำลังใจต่อไปผ่านการอุดหนุนราคา​ สิ่งนี้เป็นงานที่ต้องรีบทำเพื่อให้คนและธุรกิจตัว​ K ขาล่างไม่ลำบากยากเข็ญ​เกินกว่าจะทนทานได้​ เพื่อให้เราทั้งประเทศ​มีพลังที่จะวิ่ง​ วิ่งจนทันกับคนที่วิ่งไปก่อนหน้า​ งานนี้วัดกันที่ความอึด​ครับ​ 

ความตอนท้ายผู้เขียนขอยกเอาข้อคิดจาก ดร.อาร์ม​ ตั้งนิรันดร (รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) บางส่วนที่พูดถึงการเคารพตนเอง​ เพื่อช่วยเหลือ​คนอื่นและสังคม​ ท่านแปลออกมาจนผู้เขียนคิดว่า​ หากเราทุกคนไม่ว่ายากดีมีจน​ ชั่วดีถี่ห่าง​ ร่ำรวยหรือพอหาได้​ จะได้ตั้งสติและคิดว่า​ ประเทศคือสิ่งสำคัญสุด​ การ​ “ยื่นมือ+ติดดิน” เป็นสิ่งสำคัญที่สุดแล้วในเวลานี้​ เราพูดเรื่องปัญหามามากพอแล้ว​ ลงมือทำเถอะครับ​ ทำเร็วคนรอดเพิ่ม​ คิดแค่นี้ก็พอแล้ว​ มันสอดคล้องกับสิ่งที่เป็นข้อความดังนี้ครับ​ 

… เมื่อพวกคุณเข้าสู่สังคม พบเห็นอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น เริ่มเผชิญจุดอ่อนและปมด้อยของตัวเอง ภายหลังจากที่คุณผ่านร้อนผ่านหนาว ท่ามกลางสิ่งเย้ายวนและล่อลวงใจ คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์

 ไม่ง่ายที่จะชนะใจตัวเอง คงความรู้สึกนับถือศรัทธาตัวเองได้… ไม่ใช่เรื่องง่ายก็จริง แต่เป็นเรื่องควรค่าอย่างยิ่งที่จะพยายาม

พยายามอย่าได้หลงตัว ลืมตัว ลดตัว เหลิงตัว หลอกตัว หลบตัว ลอยตัว เล่นตัว  แต่จงพยายาม​ มั่นใจในตน ภูมิใจในตน ประมาณตน รู้จักตน ทบทวนตน แก้ไขตน ให้กำลังใจตน พัฒนาตน  

เพราะการเคารพตนเอง เป็นพื้นฐานของจิตใจที่เสรี การงานที่เป็นตัวของตัวเอง และชีวิตที่เป็นอิสระ… 

เมื่อวิกฤติ​นี้ผ่านไป​ เราจะต้องไม่อายใจตัวเราเองว่า​ เราไม่ได้ทำในสิ่งที่คิดว่าจะทำ​ เราไม่ได้ทำในสิ่งที่เราลังเลว่าจะจะทำ​ เราไม่ได้ทำในสิ่งที่เราคิดว่าถูกแต่บรรดาบริวารแวดล้อมเราบอกว่าผิด​ (เขากลัวจะรับผิดชอบ)​ ที่สำคัญ​สุดคือเราต้องไม่ตัดสินใจไม่กระทำสิ่งใด ๆ นิ่งเฉย​ เย็นชากับความทุกข์​ร้อน​ เพียงเพราะคิดว่ามันไม่ใช่หน้าที่ตามความรับผิดชอบขององค์กร​เรา (ตามที่ฝ่ายกฎหมายตีความว่าทำไม่ได้ครับหัวหน้า​ กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้.. แหะ ๆ) 

ขอบคุณ​ทุกท่านที่ติดตามครับ