เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : เชื่อว่าการใช้จ่ายแบบล้างแค้นจะกลับมาในบ้านเมืองเราแน่ ​ๆ​  : วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน2564

เชื่อว่าการใช้จ่ายแบบล้างแค้นจะกลับมาในบ้านเมืองเราแน่ ​ๆ​ 
ผู้เขียนได้เฝ้าติดตามการกลับมาใช้ชีวิตของผู้คนในประเทศ​ที่มีการฉีดวัคซีนกันมากพอ​ และผู้คนในประเทศ​ก็เสรีกันถึงขีดสุด​ ใครจะฉีดวัคซีน​ก็ได้ฉีด​ ใครไม่ฉีดวัคซีน​ก็ไม่ต้องฉีด​ ใครจะเชื่อ​ ใครจะพูดอะไรก็ทำได้ขีดสุด​ และเมื่อโลกของพวกเขาได้เปิดโอกาสให้กลับเข้ามาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับความปกติเก่าที่เรียกว่าความเป็นปกติใหม่ภายใต้เสรีภาพหลังโควิด​-19 ตัวอย่างหนึ่งของการฟื้นตัวด้านการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลปลายปี​ ซึ่งก็เป็นรับรู้กันว่างานเทศกาล​ Black​ Friday เพื่อการชอปปิง​มันจะยิ่งใหญ่​มาก ๆ ของฝรั่ง​ ครอบครัวน้องคนหนึ่งของผู้เขียนที่ย้ายชีวิตไปอยู่ที่นิวยอร์ก​ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตัวร้าย​ ได้บรรยายถึงการกลับมาจับจ่ายใช้สอยของผู้คนแบบที่เรียกว่า​ “การฟื้นตัว​ของการบริโภคแบบแก้แค้น” ไว้ดังนี้​ 
… อยากให้เทศกาล Black Friday กับ Cyber Monday จบไปไว ๆ จริง ๆ … เลือกซื้อของจนไม่ได้ทำการทำงานเลย คนชอปก็เหนื่อยมากรู้สึกใช้ energy กับ brainpower ไปเยอะสุด ๆ กว่าจะได้ของครบบวกกับการให้อยู่ใน Efficient Frontier (อันนี้ติดนิสัยจากการดู portfolio หุ้นเยอะ และเป็นความโรคจิตเบา ๆ ของตัวเอง)
ปีนี้ผู้ขายแข่งกันจัดโปรโมชันดุเดือดมากถึงมากที่สุด
ทั้งร้านค้า หน้าร้าน vs ออนไลน์
Department stores vs Official owners
ลดการให้เงินสด vs ให้ Gift card
บัตรเครดิต vs บัตรเครดิต (จะจ่ายเงินทีก็ต้องคิดหนักว่าจะใช้บัตรไหน เพราะบัตรเครดิตก็แข่งกันจัดโปรโมชันและ Cashback)
บัตรเครดิต vs Store card (ห้างร้านก็ไม่ยอมน้อยหน้า ถ้าใช้ Store card จ่ายเงินก็จะได้ Cashback + ได้ Star rewards points เพิ่มนำไปลดต่อได้อีก)
ส่งฟรี (3-5วัน) vs ยอม delay 1 สัปดาห์ (หากยอมรับของช้าจะได้เงินคืน $10/order) 
ตอนนี้ได้เงินมา $70 แล้วจากการเลือกยอม delay ให้ส่งของช้าไป 1 สัปดาห์
ส่งฟรี (3-5วัน) vs ได้วันนี้เลย (แต่ต้องจ่ายเพิ่ม $5)
หลายแบรนด์ค่อย ๆ ไล่ลดราคาทีละวันจาก 20% จนลดไปถึง 75% วัดใจกันไประหว่างคนขายกับคนซื้อ ว่าใครจะทนได้นานกว่ากัน ว่าของที่อยากได้อาจจะหมดก่อนได้ทุกเมื่อ หลายอย่างหมดไปตั้งแต่ลดถึงแค่ 30-40% เรียกว่างัดกลเม็ด​เคล็ดลับ​กันออกมาดึงเงินในกระเป๋าของผู้ซื้อให้มากที่สุดมาเข้ากระเป๋าของผู้ขาย​ ในขณะที่บาง Brand ก็รอไปเถอะ ถึงเวลาดันไม่ลดอะไร ให้เป็น Gift set แทน
Woodbury Common Premium Outlets เป็น Outlet ลดราคาชื่อดังประจำย่านนี้ (คนไทยไปกันมากมายหากเดินทางไปอเมริกาในเมืองใหญ่แห่งนี้)​ คนเยอะถล่มทลาย ที่จอดรถไม่มีเหลือว่าง คนมานอนรอข้ามคืนกันที่ Outlet เลย ร้าน Brand ยอดนิยมอย่าง Nike Adidas และ North Face ต่อแถวยาวนานตากลมหนาวกันถึง 3-4 ชั่วโมง (แม้อุณหภูมิจะเหลือ 1-4 องศาเซลเซียส) ส่วนที่เป็น Luxury Brand เช่น Prada Gucci  และอื่น ๆ ไม่ต้องพูดถึง (ท่านผู้อ่านลองจินตนาการนะครับว่าแถวคิวรอเข้าร้านยาวประมาณไหน)​
สรุปว่าในช่วงแรกของการซื้อของแบบ “ล้างแค้น” หลังไวรัสโควิด-19 ระบาดใหญ่จบ (คนอเมริกันบอกว่าจบแล้ว)​ ในรูปแบบของการแข่งขันจากฝั่งผู้ขายทั้ง​ Online และ Offline แล้วนั้นพบว่าของที่ได้มาแล้วช่วง Black Friday คือ 
AirPods Pro
Moisturizer
Serum
Hand cream
Hand sanitizer 
Hand wash
Body lotion
Makeup 
เครื่องทำฟองนม และเครื่องทำ Hot Chocolate 
เซตแก้วไวน์ ($80>>$28)
เซตจานชาม ($240>>$80)
เซต Mug
Flatware 
เสื้อ Coat 
เสื้อ Jacket ($250>>$69)
เสื้อ Sweater
รองเท้า Boots
รองเท้า Ultraboots 
Electronic Gadget… 
ในความเห็นของผู้เขียนบอกได้คำเดียวว่า​ ลักษณะ​การซื้อข้าวของแบบนี้จะเกิดกับบ้านเราแน่นอน​ เพราะความอัดอั้นตันใจ​ที่ผู้คน​ชาวไทยไม่สามารถออกมาใช้ชีวิตสนุก​สมใจอยาก​ในช่วงปลายปี​ 2562​ -​2563​ ซึ่งทุกคนก็ต่างวาดหวังในช่วงปลายปีนี้​ ปี​ 2564​ นี่แหละ ปีที่ใคร ๆ ก็ยอมรับว่า​ 
หนี้บาน​ งานน้อย​ 
ต้องคอยวัคซีน​ 
จะบินไปไหนก็ไม่ได้​ 
เมื่อเปิดบ้านเปิดเมืองกันตั้งแต่​ 1 พฤศจิกายน​ 2564​ บรรยากาศ​เก่า ๆ​ รถติดก็เริ่มมา​แล้ว​ เดือนธันวาคมนี่แหละครับ​ เราจะได้เห็นกันจะ ๆ​ ว่า​ เรื่องตะลุย​ ตะลุมบอน​ซื้อข้าวของ​ ชาวสยามก็ไม่เคยน้อยหน้าใคร​ อย่าไปพูดเลยครับว่า​ เบาได้เบา​ ออมก่อนใช้​ คิดก่อนซื้อ​ อดทนเก็บเงินนะ… มันยากที่จะทำใจ​ ส่วนเรื่องหนี้สิน​ ก็ไปว่ากันหลังปีใหม่​ ปี​ 2565-2566​ ปีแห่งการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาวแบบยั่งยืน​ ส่วนจะยืนหรือจะนอน​ เราจะได้เห็นวันไม่เกินเดือนมิถุนายน​ 2565​ แน่นอนครับผม
ขอบคุณ​ครับ