เรื่องคนกู้หนี้รถ คนที่จะรับเคราะห์ คนเชียร์ที่จัดไฟแนนซ์ และสถาบันที่ให้กู้ สรรพนิสัยในวงการกู้ยืม
ตามปกติทุกวันอาทิตย์ ผู้เขียนจะคอยอ่านข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เพื่อรับรู้ถึงกระแสของความรู้ ความรู้สึกของผู้คนเกี่ยวกับการขอกู้ ขอสินเชื่อ ขอยืมเงิน ในเวลานี้ ผู้เขียนได้มาพบกับข้อความในห้องพันทิป ที่มีผู้นำมาลงไว้ขอความเห็นเพื่อน ๆ สมาชิกเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2564 เวลา 13:36:50 น. ความว่า
อยากสอบถามพี่ ๆ ว่ามีความเป็นไปได้ไหมคะในกรณีนี้…
1.ให้แม่เป็นผู้ซื้อ อายุ 57 ปี อาชีพค้าขายมีหน้าร้านที่ขายประจำ รายได้รายวันเฉลี่ยแล้ว 1,500 บาท
ผู้เขียน : ซึ่งก็หมายถึงคุณแม่ต้องมาเป็นลูกหนี้ตอนอายุ 57 ปี โดยเอารายได้วันละ 1,500 บาท ยังไม่หักต้นทุนมาแสดงความสามารถในการชำระหนี้แทนคุณลูก ผู้เขียนงงงันไปชั่วขณะว่าเดี๋ยวนี้เราทดแทนพระคุณแม่ด้วยการให้ท่านไปเป็นหนี้รถยนต์แทนเราแล้วหรือ
2.ราคารถยนต์ 729,000 บาท ดาวน์ 109,350 บาท หรือ 15% ไฟแนนซ์บังคับทำประกัน (ผู้เขียน : ก็ไหนคนที่กำกับดูแลบอกว่าการประกันเป็นทางเลือก) รวมราคาสุทธิ (Net) ต้องจ่ายค่างวดต่อเดือน 10,5XX บาท 84 เดือน
3.ลูก คือตัวเรา เป็นผู้กู้ร่วม โดยมีรายได้จากเงินเดือนบริษัทที่ทำงานมา 5 ปี เดือนละ 12,800 บาท และมีรายได้จากการขายของอื่น ๆ ด้วย เดินบัญชี เงินเข้าประจำทุกวันที่ 26-1 ประมาณ 3 หมื่นบาทต่อเดือน
ผู้เขียน : ถ้าเราเอาเงินค่างวดผ่อนรถ 10,5xx บาท มาเทียบกับเงินเดือน 12,800 บาท ก็จะมีคำตอบว่า ได้รถยนต์มาขับแต่มีเงินเหลือ 2,300 บาทต่อเดือน เอาเงินก้อนนี้ไปบวกกับรายได้อื่นตามที่แจ้งประมาณ 17,000 บาทเพราะเหตุว่ามีรายได้รวม 30,000 บาทก็จะพบว่ามีเงินหลังหักหนี้รถยนต์ประมาณ 19,300 บาท หักค่ากินตัวเองขั้นต่ำวันละ 500บาท (รวมค่าน้ำมันรถ) จะเหลือเงินประมาณ 4,300 บาท ซึ่งเดาว่าจะมีหนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หนี้ผ่อนของศูนย์ % หนี้ค่าอินเทอร์เน็ต และค่าโทรศัพท์อีกไหม ท่านผู้อ่านคิดตามผู้เขียนมานะครับ แล้วถ้ามีค่าเช่าที่พักอีกจะเป็นอย่างไร พอหรือไม่ กู้ครั้งนี้หาเรื่องใส่ตัวหรือเปล่า
4.ทางคนขายและไฟแนนซ์แนะนำให้ยื่นขอค้ำประกันจาก บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ร่วมด้วย (ยื่นเอกสารพร้อมกับกู้ซื้อรถยนต์แล้ว)
ผู้เขียน : ลูกหนี้รายย่อยที่ บสย. จะค้ำต้องเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เป็นคนค้าขายใช่หรือไม่ แต่คุณลูกทำงานกินเงินเดือน เลยต้องเอาคุณแม่มาออกหน้าเป็นคนค้าขายมากู้รถยนต์ เราเริ่มจากการโกหกตัวเอง มีคนปั้นเรื่องจนจบ เรามีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพหรือไม่ ต้องปั่นเรื่อง แต่งเรื่อง เพื่อให้คนกู้กู้ให้ได้ว่างั้นเถอะ… จ่ายคืนได้ไม่ได้ค่อยไปแก้ปัญหากัน
5.รอผลอนุมัติอยู่ค่ะ อยากสอบถามความเป็นไปได้ว่ามีหรือไม่มีคะ โอกาสที่จะผ่านมีมากหรือน้อยแค่ไหน ตอนแรกก็ยังเฉย ๆ นะคะ แต่พอยื่นเอกสารไฟแนนซ์ (…มีการระบุชื่อ..) ไป ใจมันหวั่นทุกนาที คือลุ้นคำว่าผ่านหรือไม่ผ่านมากกว่ารถยนต์ค่ะตอนนี้
ผู้เขียน : ไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร เอาชื่อมารดามายื่นกู้ เอารายได้มารดามาแปลงเป็นความสามารถในการชำระหนี้ของตนเอง คนปล่อยกู้สร้างเรื่องให้เสร็จ ยื่นให้ บสย. ค้ำประกันหนี้ท��
6.เหตุผลที่ให้แม่คือผู้ยื่นกู้คือเราติดติดแบล็กลิสต์นะคะ (ผู้เขียน : คือมีประวัติค้างชำระหรือปัจจุบันค้างชำระอยู่) ทางคนขายบอกว่าเรากู้ร่วมได้โดยที่จะหาธนาคารที่ง่ายที่สุดและเขาไม่เช็กเครดิตผู้กู้ร่วม ตรงนี้ไม่มั่นใจค่ะ (ผู้เขียน : ท่าน ๆ ที่เป็นผู้กำกับดูแลที่สถิตบนหอคอยงาช้างข้าง ๆ แม่น้ำเจ้าพระยา ท่านจะไม่เดินลงมาดูหน่อยเหรอครับว่า การให้กู้ที่เป็นธรรม การเงินที่สร้างเกราะกำบัง การให้ความรู้เรื่องทางการเงินที่ท่านพร่ำบ่นว่าคนไทยต้องมี market conduct ที่ต้องปฏิบัติ หนี้ครัวเรือนไทยที่เพิ่มอย่างไม่เหมาะสมมาหลายปี วันนี้ท่านไม่ต้องหาตัวอย่างแล้วละครับ เรื่องจริงผ่านจอมือถือมาให้ท่านได้เห็นแล้วจะจะ ท่านจะไม่คิดอะไรเลยบ้างหรือ) เพราะวันที่เซ็นเอกสารเขามีหนังสือขอตรวจสอบเครดิตบูโรด้วย ผู้เขียน : ในความเป็นจริง สถาบันการเงินผู้พิจารณาสินเชื่อ เขาต้องดูข้อมูลเครดิตหรือข้อมูลเครดิตบูโรของลูกหนี้ที่กู้ร่วมทั้งสองท่านครับ คือคุณแม่ผู้รับเคราะห์ คุณลูกที่กตัญญูซึ่งมอบหนี้ทดแทนคุณ คนขายที่จัดการคือผู้สร้างสรรค์ความวุ่นวายในชีวิตคนเหตุเพราะต้องการได้เป้าได้ผลงาน บาปเคราะห์ที่ตั้งเค้ารางมาไม่มีใครสน ท้ายสุดเราก็จะมีหนี้ครัวเรือนเพิ่มอีกเกือบล้านบาท… กับลูกหนี้เพิ่มสองท่าน
โควิด-19 มา… มันได้ล้างเซลล์ร่างกายส่วนที่รับผิดชอบที่เรียกว่า “ความผิดชอบชั่วดี” ได้ล้างจริยธรรมที่เรียกว่า “การให้กู้อย่างมีความรับผิดชอบ” ได้ล้าง “การสอดส่องดูแลติดตามและป้องปรามความประพฤติที่ไม่พึงประสงค์อันจะก่อให้เกิดปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย ที่เราติดกับดักมากว่า 5 ปี”
ทุกท่านที่เกี่ยวข้องครับ เอามือขวาวางไว้ที่หน้าอกข้างซ้าย ลองสัมผัสสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่าหัวใจที่มันอยู่ต่ำกว่าผิวหน้าอกลงไปสักสองนิ้ว… แล้วถามตัวเองว่า มันเป็นเรื่องที่ถูกไหมในธุรกรรมนี้ หรือมันเป็นเรื่องที่ป้องกันไม่ได้ จัดการไม่ได้ เรากำลังเตะกระป๋องปัญหา (ที่เราควรมองเห็น) ไปบนถนนไปเรื่อย ๆ โดยไม่อินังขังขอบกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆในชีวิตผู้คนที่จะติดกับดักหนี้เลยหรือ…
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ