คนเราชอบฟังแต่จะไม่ได้ยิ นเวลารู้สึกว่าถูก “ขัดลาภ”
ขัดลาภ คำสั้น ๆ เข้าใจง่าย ๆ ภาษาบ้าน ๆ เราคนไทยมักจะใช้เวลาที่ ใครบางคนหรือตัวเรากำลังคิดว่า กำลังจะได้รับประโยชน์ก้อนใหญ่ กำลังคิดว่าผลประโยชน์ที่กะเก็ งเอาไว้กำลังจะไหลมาเข้ากระเป๋ าของเราอย่างชนิดไม่มีวันผิ ดพลาด หรืออยู่ในระหว่างที่จิตใจกำลั งฮึกเหิมเมื่อทำกิ จกรรมทางเศรษฐกิจอะไรบางอย่ างแล้วก็คิดว่าผลประโยชน์ ตอบแทนกำลังจะกลับมาหา ตัวอย่างมีมากมาย เช่น
(1) ลงทุนซื้อหุ้นเพราะมั่นใจในข่ าวชัวร์ ข่าวลึก ที่เชื่อว่าเจ้าของลงมาจั ดการให้มันไปในทิศทางเดียวกับที่ ตัวเราลงทุนไป
(2) ลงทุนซื้อที่เพราะมั่นใจว่ าราคามันต้องพุ่งทะลุเพดาน เมื่อมีการตัดถนนสิบเลนผ่าน เพราะตัวเราเชื่อว่าเรามีข่ าววงใน วงลึก เป็นต้น
ทีนี้พอจะมีใครสักคนมาทัก มาท้วง มาพูดให้ได้ยินแบบเช็กความถูกต้ อง ยืนยันแหล่งข่าวระหว่างความเชื่ อ (ซึ่งก็เชื่อไปแล้ว) กับความน่าจะเป็นจริง เพราะคนทัก ก็ไม่ได้รู้ความจริงเหมือนกัน แต่ทักตามหลักการยืนยันที่ดี ที่ว่า “อันการจะลงทุนใด ๆ ผู้ที่คิดจะลงทุน ควรต้องศึกษา ข้อมูลให้ครบถ้วน รอบด้าน รอบคอบก่อนการตัดสินใจ เหตุเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมาถ้ าไม่เหมือนใจเราคิด ก็คือเงินเรา เงินครอบครัวเรา สิ่งที่เราหามาได้ยาก จะสูญเสียไป” แต่ก็อีกนั่นแหละครับ ใครก็ตามยามนี้ ยามที่คิดว่ามันใช่ไปแล้ว พอมีคนมาทักว่า โลภไปหรือเปล่า โลภมากลาภจะหายนะ อย่าประมาทเพราะว่าโลภนะ อาการตอบกลับก็จะมีตั้งแต่ ไม่ฟัง เปลี่ยนเรื่องพูด พูดกระแทกกลับว่าไม่รู้จริง หนักหน่อยก็ชวนทะเลาะ และจะจบลงด้วยคำว่า จะมา “ขัดลาภ” เขาทำไม เงินก็ไม่ใช่ของตัวเอง ญาติพี่น้องก็ไม่ใช่ ความหวังดีเอากองไว้หน้าบ้านนะ เดี๋ยวรวยแล้วจะแบ่งค่าขนมให้ อะไรประมาณนี้
เหตุที่ผู้เขียนเกริ่นนำมาก็ เพราะเหตุว่า มันมีปรากฏการณ์แปลก ๆในระบบคิ ดของเราในเวลายามโรคระบาดนี้
1.เราตอบไม่ได้ว่าสิ่งที่ เราลงทุนมันคืออะไร
2.เราตอบไม่ได้ว่าสิ่งที่ เราลงทุนมันทำงานให้เกิ ดผลตอบแทนกลับมาสูง ๆ ได้อย่างไร
3.เราตอบไม่ได้ว่าการซื้อเข้า ขายออกนั้นเราใช้หลักเหตุ ผลอะไรนอกจากราคามันขึ้นก็ขาย เราตอบไม่ได้ว่าเหตุใดราคามันขึ้ น หรือทำไมมันถึงราคาลดลงฮวบฮาบ
4. เราตอบไม่ได้ว่าของที่เราซื้ อแล้วเก็บไว้ มันเก็บรักษากันอย่างไร จะหายได้ไหม ถ้าหายจะไปตามเอากับใคร และใครคนนั้น เขามีหน้าที่เก็บรักษาของ ๆ เราไว้อย่างดีหรือไม่
5. ตัวบทกฎหมายที่จะปกป้องคุ้ มครองเรา ถ้าเรารู้สึกว่าไม่ได้รั บความเป็นธรรมในการซื้อเข้า ขายออก หรือจัดเก็บรักษาไม่ดี
6. เรารู้หรือยังชัด ๆ ว่าหน้าที่ ความรับผิดของ คนซื้อ คนขาย ตัวกลางที่จัดให้มีการซื้อขาย ตำรวจที่จะมาสอดส่องดูแลให้เรี ยบร้อย สัญญามันถูกต้องบังคับได้ ตามกฎหมายนะ
7. สุดท้ายนะครับ ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมาจนทำให้ เราไม่ได้ดังหวัง หรือเราคิดว่าถูกคดโกง ตัวเราจะสามารถบรรยายฟ้องให้ ตำรวจได้ว่า ฉันซื้ออะไร มันมีราคาเท่าไหร่ มันเก็บไว้ที่ไหน มันหายไป มันสูญเสียมูลค่าลงไป เพราะใคร ใครคนนั้นทำอย่างไร และการกระทำของเขาผิดสัญญาอย่ างไร หน้าตาสัญญาเป็นอย่างไร รายละเอียดว่าอย่างไร เรียกว่าการบรรยายว่า การค้นหาลาภ ตัวของลาภ รายละเอียดของลาภ คุณค่าของลาภ ลาภมันหายไปอย่างไร เพราะใครทำ เพื่อปรับบทเข้ากับกฎหมายบ้าน ๆ เพื่อเอาผิดกับคนทำลาภหายได้อย่ างไร
ผู้เขียนตัดสินใจเขียนบทความชิ้ นนี้เพราะได้อ่านบทความของท่ านรองผู้ว่าการธนาคารแห่ งประเทศไทยที่ผู้เขี ยนขอนำบางส่วนมานำเสนอดังนี้ นะครับ ความตอนหนึ่งของบทความท่านได้ กล่าวไว้ว่า
….. วิกฤติการณ์การเงินของโลกกว่า 25 ครั้งในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20-21 ล้วนเกิดจาก “ความอยากได้ไม่รู้จักพอ” ของมนุษย์ทั้งสิ้น เช่น วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ ที่เกิดจากภาวะฟองสบู่ แตกในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ ในปี 2550 เนื่องจากมีการเก็งกำไรซื้ อขายบ้านในราคาสูงเกินความเป็ นจริง ยิ่งกว่านั้น เกิดการแปลงบ้านที่เป็นหลั กประกันมาเป็นหลักทรัพย์ในรู ปแบบที่ให้ผลตอบแทนสูงเมื่ อราคาบ้านลดลง หลักทรัพย์เหล่านั้นจึงดิ่ งลดลงฮวบฮาบ กลายเป็นวิกฤติทางการเงินที่ร้ ายแรงที่สุดของโลกในรอบ 2 ทศวรรษ เจ้าของบ้านในสหรัฐฯ กว่า 8.8 ล้านคน หรือร้อยละ 10.3 ตกอยู่ในสภาพที่มีหนี้มากกว่ าราคาสินทรัพย์ และผลการดำเนินงานของสถาบั นการเงินของโลกประสบผลขาดทุนกว่ า 5 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. ทำให้บริษัทเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจ อันดับต้นของโลกต้องล้มละลาย…
หากข้อคิดความเห็นในบทความนี้ จะได้เป็นกุศลก่อให้หลาย ๆ ท่านที่ตระหนักว่า ใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง โลภมากลาภจะหาย จงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทเป็ นที่ตั้ง ก็ถือได้ว่า คำกล่าว “ขัดลาภ” หนนี้ได้บรรลุเป้าหมายของผู้เขี ยนทุกประการแล้ว…
ขอบคุณครับที่ติดตาม