เราต้องเผชิญหน้าเหตุการณ์วันนี้ด้วย สติ วินัย และไอเดีย
บทความวันนี้ผมขอยกเอาแนวคิดและคำพูดของผู้นำองค์กรสถาบันการเงินในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งก็คือ “กรุงศรี ออโต้” นั่นเอง เหตุเพราะเมื่อผมได้อ่านข่าวการให้ข้อมูลของผู้นำองค์กรแห่งนี้ต่อสื่อมวลชนแล้วต้องยอมรับว่าชื่นชมวิสัยทัศน์ แนวคิด การตระเตรียมตัวในยุคที่ เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไร หรือ unknown the unknown ทุกท่านลองคิดตามผมมานะครับ
1. ปลายปี 2563 เราน่าจะจัดกิจกรรมกระตุ้นการใช้จ่ายแบบระมัดระวัง ทำให้เงินหมุนเวียน เศรษฐกิจในต่างจังหวัดน่าจะดีขึ้น มาตรการไทยเที่ยว?ไทย น่าจะไปได้สวย ยิ่งมีโครงการคนละครึ่งมาช่วยอีกแรงน่าจะไปได้ดี แต่ก็มาสะดุดเพราะการระบาดภายในประเทศไทยรอบใหม่
2. สายบุญหลายท่านต่างเตรียมตัวเตรียมใจ จะไปเข้าวัด ถือศีลปฏิบัติธรรม วัดวาอารามต่างเตรียมสวดมนต์ข้ามปี ซึ่งเป็นกิจกรรมหนุนส่งกำลังใจหลังจากที่ต้องฝ่าฟันกันมาเป็นปีจากการแพร่ระบาดไวรัส แต่ก็มาสะดุดเพราะการระบาดภายในประเทศไทยรอบใหม่
3. กิจกรรมบันเทิง ดารา นักร้อง ดีเจ ลูกทุ่ง หมอลำ ลิเก ละเม็งละคร ต่างจัดตารางเดินสาย โชว์ตัว เตรียมรับทรัพย์กันเต็มที่ ลูกวงจะได้เงินรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็มาสะดุดเพราะการระบาดภายในประเทศไทยรอบใหม่
ภาวะการที่ละล้าละลัง คิดไม่ตกว่าจะเดินทางไปพักผ่อน เดินทางกลับถิ่น เดินทางข้ามจังหวัด มีการยกเลิก การเลื่อน การจองที่พักหรือการเข้าพักตอนปลายปีสะดุดไปหมด เรียกได้ว่าเมืองท่องเที่ยวต่างน้ำตาตกกับเหตุการณ์ที่มีจุดเริ่มจากการลักลอบกลับเข้าเมืองไทยของคนที่ไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน ต่อด้วยการแพร่ระบาดที่ตลาดอาหารทะเล จนกระจายไปกว่าสามสิบจังหวัด มาตรการแบ่งพื้นที่เขียว เหลืองแดง พร้อมมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดออกคำสั่ง ปิดหรือหยุดกิจกรรมในพื้นที่เพื่อป้องกันกันอย่างเต็มเหนี่ยว ในขณะที่ฟากฝั่งเศรษฐกิจก็ใจไม่ค่อยดีกับยอดหนี้เสียที่ธนาคารกลางกำลังลงไปบี้เอากับสถาบันการเงินให้แยกแยะลูกค้าโดยเฉพาะ SME ให้ออกมาตามเกณฑ์ เขียว เหลืองและแดง เช่นเดียวกัน มีการบี้ให้แจ้งผลการดำเนินงานในการเร่งปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ลูกค้าจ่ายชำระหนี้ตามศักยภาพ ตามกระแสรายได้ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น แต่ก็มาสะดุดเพราะการระบาดภายในประเทศไทยรอบใหม่ เพราะเหตุว่าถ้ามีการ lock down ที่พื้นที่ไหน ผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อผู้ประกอบการในพื้นที่ก็ต้องเจอเต็มๆ อาการที่เรียกว่า “ยอดหนี้มีเท่าเดิม ที่เพิ่มเติมคือไม่มีจะจ่าย”
สติ วินัย และไอเดีย คือสิ่งที่เราๆ ท่านๆ ต้องยึดถือยึดมั่นให้มาก
ต้องมีสติในการพินิจพิจารณาว่าข้อมูล ข้อเท็จจริง ข่าวสารที่เข้ามา อะไรจริง อะไรเท็จ อะไรควรแชร์ ในส่วนของการทำงานต้องกำหนดลมหายใจให้มั่น คิดให้ตกว่าจะเดินอย่างไร เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ เวลานึกกิจกรรมอะไรได้ให้ตั้งคำถามว่า ทำช้าหรือทำเร็ว ทำหนักหรือทำเบานะครับ
วินัยคือการอดทนอดกลั้น ลงมือทำในสิ่งที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เช่น การกำหนดตารางออกกำลังกาย ตื่นเช้าต้องไปวิ่ง ถึงเวลาก็ต้องลุก อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง วินัยทางการเงินของกิจการยิ่งสำคัญ ค่าใช้จ่ายต้องก่อให้เกิดรายได้ จ่ายอะไรออกไปแล้วไม่ได้รายได้กลับมา รายจ่ายนั้นคือค่าโง่นั่นเอง
สุดท้ายคือไอเดีย ความคิดที่ผุดขึ้นมาทั้งในแง่ สร้างรายได้ ลดรายจ่าย เพิ่มโอกาส ไม่ว่าจะมาจากทีมงาน ผู้บริหารระดับไหน ต้องเอามาพิจารณาให้หมด เวลานี้ไม่มีใครเก่งกว่าใครแล้ว อะไรที่ทำได้ต้องรีบทำ ทำแล้วถ้าไม่ได้ผลให้รีบยกเลิก หาทางใหม่ อย่าติดกับดักความคิดเอาชนะ เวลานี้คือ การอยู่รอด อยู่ให้เป็นกับโควิด-19 และอยู่ให้ยาวหลังโควิด-19 ให้ได้
ผู้เขียนตีความสามคำนี้จากวิสัยทัศน์ของ “กรุงศรีออโต้“ ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้นะครับ
สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา
สุขสันต์วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 ปีที่เรายังต้องฝ่าไปให้รอดให้ได้ด้วย สติ วินัยและไอเดียครับ