เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : เราควรแยกคนที่ผิดนัดชำระหนี้จากผลของ​ COVID-19 ออกมาให้ชัดดีไหม : วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2563

เราควรแยกคนที่ผิดนัดชำระหนี้จากผลของ​ COVID-19 ออกมาให้ชัดดีไหม

 มีข้อถกเถียงมาโดยตลอดระหว่างลูกหนี้ผู้เป็นเจ้า​ของข้อมูล​กับเจ้าหนี้สถาบันการเงินและผู้ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลว่า

1.ควรจะมีการระบุให้ชัดเจนหรือไม่ว่าบัญชี​สินเชื่อที่เขาคนนั้นมีอยู่นั้นได้รับผลกระทบจากมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัส​ ในทางเทคนิคคือควรจะมีการระบุเป็น​ code ชัดเจนหรือไม่ว่าบัญชีสินเชื่อใดเข้าโครงการให้ความช่วยเหลือด้านการชะลอการชำระหนี้​ เพื่อให้คนปล่อยกู้รายใหม่เห็นชัดๆ

2.ในระหว่างที่คนซึ่งเป็นลูกหนี้ยังอ่อนแอจะยอมให้สถาบันการเงินที่ใจถึง​เชื่อในข้อมูล​ว่าลูกหนี้รายนี้ดีพอที่จะอนุมัติสินเชื่อให้ได้​ จะยอมได้กี่มากน้อย​ จะลด​ ละวาง​ เกณฑ์ที่นำเข้ามาจากตะวันตกและเชื่อกันมาตั้งแต่หลังปี​ 2540​ ในลักษณะ​ Risk based ได้ขนาดไหน

3.เราควรจะเปิดใจดูข้อมูล​ในเครดิตบูโรก่อนหรือไม่​ ที่จะยอมให้คนที่มีประวัติการชำระหนี้ดีมาก​ ไม่ผิดนัดเลยก่อนเดือนมีนาคม​ 2563​ นี้ย้อนหลังลงไป​ 24 เดือนจนถึง​เดือนมีนาคม​ 2561​ แต่ต่อมาหลังเดือนเมษายน​ 2563 หลังเดือนตุลาคม​ 2563​ เริ่มมีการค้างชำระเพราะสถานการณ์​และมาตรการป้องกันเชื้อโรคไวรัสนี้​ เราจะมองคนกลุ่มนี้อย่างไร​ มองว่าเป็นหนี้เสียเลย​ หรือจะให้โอกาสคนเหล่านี้เข้าถึงสินเชื่อได้อีกครั้ง

 เวลานี้ผู้เขียนมองว่า​ จะมีคนถูกฟ้องร้องดำเนินคดี​ เรียกหนี้คืน​ เพราะการชำระหนี้อ่อนแอลงมามาก​ เวลาถูกฟ้องศาลท่านจะมีการดำเนินการไกล่เกลี่ยครับ​ ว่าลูกหนี้เจ้าหนี้พอจะผ่อนกันลงมาแค่ไหน​ จะเอาแบบเต็มยอดเลย​ คงจะไม่ไหว​ ทีนี้ถ้าตกลงกันได้​ ศาลท่านอาจกรุณาพิพากษาตามยอม​ ยอมอะไร​ ยอมตามสิ่งที่เจ้าหนี้ลูกหนี้ได้คุยกันต่อหน้าศาล​ ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีกว่าการต่อสู้​ ค้าความกันไปสิ้นเปลืองเวลาและเงินทอง​ แต่หากว่าทั้งสองฝ่ายไม่เอาทางไกล่เกลี่ย​แล้วเรื่องก็จะไปศาลและทั้งสองฝ่ายก็นัดสืบพยานจนคดีมีการตัดสิน

 ในแง่ของการรายงานข้อมูลไปสู่เครดิตบูโรนะครับ​ เพื่อเป็นแนวทางนะครับ

1. เมื่อผ่อนหนี้ได้ตามปกติ​ ข้อมูล​จะถูกส่งมาจากเจ้าหนี้มอบให้กับเครดิตบูโรว่า​ 10 : ปกติ​ ไม่มีการส่งวันผิดนัดชำระหนี้

2. ต่อมามีการค้างชำระหนี้เนื่องจากประสบผลจากสถานการณ์​การแพร่ระบาด​ ก็จะปรากฏข้อมูล​การค้างชำระ​ จนเมื่อการค้างชำระต่อเนื่องกันเกิน​ 90​ วันหรือสามรอบการชำระ​ รหัสสถานะ​บัญชีจะเปลี่ยนเป็น​ 20​ : ค้างชำระเกิน​ 90 วัน​ 

3. เวลาผ่านไป​ เจ้าหนี้ได้ดำเนินการยื่นเรื่องฟ้องร้องคดีต่อศาล​ และศาลมีการประทับรับฟ้อง​ รหัสสถานะ​บัญชีจะเปลี่ยนไปเป็น​ 30​ : อยู่ระหว่างดำเนินการทางกฎหมาย​ ซึ่งจะมีผลร้ายแรงต่อตัวลูกหนี้​ คนที่จะปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ก็จะยากถึงยากมากๆ​ เพราะเห็นกันอยู่ว่าลูกหนี้ผิดนัดชำระจนถูกฟ้อง​ แต่จุดสำคัญคือไม่รู้สาเหตุว่าที่ค้างชำระจนถูกฟ้องเนื่องจากผลกระทบของ​ COVID-19​ 

4. หากเจ้าหนี้กับลูกหนี้เข้ากระบวนการไกล่เกลี่ย​ที่ศาลจัดให้ และตกลงกันได้จริง​ ทั้งสองฝ่ายก็จะยอมให้ศาลออกคำพิพากษาตามยอม​ ยอมตามที่ทั้งคู่​ตกลงกัน​ รหัสสถานะ​บัญชีก็จะเปลี่ยนเป็น​ 31 : อยู่ระหว่างการชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม​ จนเมื่อมีการชำระหนี้จนหมดแล้ว​ รหัสสถานะ​บัญชีจะเปลี่ยนเ��

 ผู้เขียนได้พูดคุย​ พบปะกันใครต่อใคร​ บางท่านมีข้อเสนอว่า​ หากเราดูแล้วว่าก่อนหน้าที่จะมีการแพร่ระบาด COVID-19​ ลูกหนี้รายนี้เขาชำระหนี้ได้ดียาวนานเกิน​ 24 เดือน​ แล้วเวลานี้เขาประสบเคราะห์กรรม​จากการแพร่ระบาดของไวรัส​ จนเกิดเป็นหนี้เสียบางบัญชีแล้ว​ เราควรช่วยเขาหรือไม่​ ทำไมเรามีการช่วยพวกที่เข้าโครงการพักชำระหนี้ตามนโยบายของรัฐ​ นโยบายพักหนี้บนนโยบายของเจ้าหนี้เอง​ หรือการพักหนี้เกษตรกร​ โรคระบาดก็คือภัยธรรมชาติอย่างหนึ่งเหมือนกัน

ถ้าลูกหนี้เป็นแบบนี้แล้วไปไกล่เกลี่ยที่ศาลตามสัญญา​ปรับโครงสร้างหนี้​ เราควรมีรหัสสถานะบัญชีใหม่เป็น​ 50 : ชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด​ COVID-19 แยกออกมาจากการเป็นหนี้เสียแบบปกติดีไหมครับ​ 

 สถาบันการเงินไหนคิดจะปล่อยกลุ่มนี้เมื่อมองจากศักยภาพ​ การค้ำประกัน​ และประวัติชำระดีที่ผ่านมาก็สามารถทำได้​ เนื่องจากมีข้อมูล​ชัดเจน​ ผู้เขียนคิดว่ามันน่าสนใจ​ สามารถทำได้​ และน่าจะช่วยลูกค้าได้ในที่สุด

 

กฎกติกาเมื่อผ่านวันเวลา​ ผ่านเงื่อนไขเหตุการณ์​ ควรปรับเปลี่ยนให้เป็นเครื่องมือสำหรับระบบสถาบันการเงินในการให้ความช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก​เวลานี้ครับ

 

ขอบคุณมากครับ