เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : ข้อคิดจากบทความนักวิชาการธนาคารกลางสู่ความจริงในเวลานี้ : วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2563

ข้อคิดจากบทความนักวิชาการธนาคารกลางสู่ความจริงในเวลานี้

ผู้เขียนต้องขอชื่นชมท่านที่เขียนบทความนี้แม้ว่าจะออกตัวว่ามิใช่ความเห็นขององค์กร​ที่ตนเองสังกัดแต่เป็นความเห็นของตนเองก็ตาม​ บทความนี้เป็นสารตั้งต้นให้ผู้เขียนคิดและลงมือเสนอเรื่องราวต่อจากสิ่งที่​ ดร.ฐิติมา ชูเชิด ฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย​ ได้กล่าวไว้ว่าในโลกของภาคปฏิบัตินั้นน่าจะเกิดขึ้นอย่างไร​ และแน่นอนว่าสิ่งนั้นจะเกิดในปลายปี​ 2563​ นี้แหละครับ

ท่านนักวิชาการและผู้บริหารของธนาคารกลางได้ระบุในบทความว่า​…. Social banking คือ บริการธนาคารออนไลน์บนแอปโซเชียลมีเดีย เป็นโมเดลธุรกิจที่ธนาคารจับมือกับบริษัทเทคโนโลยีเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีฐานข้อมูลลูกค้าจำนวนมหาศาลความร่วมมือระหว่างธนาคารกับ Super App ชั้นนำที่มีทุกอย่างครบในแอปเดียว จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในระยะยาวให้ธนาคารจากการแชร์ข้อมูลกับพันธมิตร ทำให้ Social banking ให้บริการทางการเงินกลุ่มลูกค้าที่ยังเข้าไม่ถึงธนาคารเพราะไม่มีบัญชีเงินฝาก หรือกู้ไม่ได้เพราะไม่มีเอกสารยืนยันรายได้เมื่อ Social banking มีข้อมูลใหม่ด้านอื่นมาเสริม ก็จะช่วยให้ธุรกิจนี้เสนอบริการทางการเงินต่างๆได้ถูกที่ ถูกเวลา ตรงความต้องการและศักยภาพของลูกค้าได้ดีขึ้น

ในปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคคุ้นเคยกับเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล ใช้เวลาบนโลกโซเชียลนานขึ้นชอบความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมการเงินดิจิทัลได้ครบในแอปเดียว คนมีทางเลือกมากขึ้นจากบรรดาแพลตฟอร์มธุรกิจเทคโนโลยีที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ ธนาคารจึงต้องเร่งปรับตัวให้เข้าไปอยู่บน Super App ที่รวมทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้ใช้บริการการเงินได้ทุกที่ทุกเวลา

ธุรกิจแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ก็อาศัยจุดแข็งของธนาคารด้านบริการทางการเงินดิจิทัลเต็มรูปแบบและความไว้เนื้อเชื่อใจที่ลูกค้ามีให้กับธนาคารมาเสริมจุดแข็งของตัวเองที่เข้าใจพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้ใช้งานบนเครือข่ายจำนวนมหาศาลและเก่งในการออกแบบแอปให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานให้ทำทุกอย่างได้ในแอปไม่ว่าจะเป็นการแช็ต-ช็อป-บันเทิง-สั่งอาหารส่งของ-เรียกรถไปจนถึงการโอน-ออม-ยืม-จ่ายโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือไม่มีรายได้ประจำที่ยังเข้าไม่ถึงธนาคารโดยจะมีการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้งานแอปแต่ละรายเชิงลึกเพื่อประมวลผลแบบปัญญาประดิษฐ์ทำให้รู้ถึงความเสี่ยงในการกู้เงินและการชำระคืนได้ง่าย…

ท่านผู้อ่านลองนึกตามผมนะครับ

1.SME รายจิ๋วคนหนึ่งเป็นสมาชิกใน​ Platform ขายของในขณะที่ตนเองยังศึกษาในปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยแต่มองเห็นโอกาสในช่วงที่ธุรกิจบนออนไลน์​กำลังมา​ จึงระดมทุนจากที่บ้าน​ เพื่อนฝูงมาดำเนินกิจการ​ แนวโน้มธุรกิจไปได้ดี​ เงินที่วิ่งเข้าวิ่งออกเป็น​ Wallet

2.ต่อมาก็มีข้อเสนอจาก​ Platform ว่าสนใจใช้บริการสินเชื่อวงเงินไม่เกิน​ 50,000 บาทไหมจากธนาคารแห่งหนึ่งเพราะระบบการวิเคราะห์ระบุว่าคนนี้ไปต่อได้แน่นอน

3.SME รายนี้สนใจและเข้าไปดำเนินการผ่าน​ App ของตัว​ Platform ซึ่งมีเมนูของธนาคารนั้นฝังอยู่​ กระบวนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนก็เกิดขึ้น​ SME รายนี้ไม่มีบัญชีกับธนาคาร​ เขาก็เพียงเดินไปเสียบบัตรประชาชน​ และให้ถ่ายภาพใบหน้าตัวเองที่ตู้เติมเงินของโทรศัพ​ท์เคลื่อน​ที่​ App ก็เตือนขึ้นมาว่าการพิสูจน์​และยืนบันตัวตนเรียบร้อยแล้ว (KYC จบแล้ว)​

4.SME รายนี้กรอกข้อมูล​ตามที่​ App ต้องการ​ และดำเนินการให้ความยินยอมในการที่ธนาคารจะใช้ข้อมูล​ซื้อขายของตนเองที่​ Platform ให้ความยินยอมให้เครดิตบูโรเปิดเผยข้อมูล​เครดิต​ คะแนนเครดิต ยินยอมให้โน่นนี่จนครบ​ จากนั้นก็จะปรากฏข้อมูล​สรุปก่อนกดคำสั่งส่งข้อมูล​ให้ธนาคาร​

5.ไม่เกิน​ 15นาที​ ก็มี​ SMS​ เรียกเข้าว่าเงินกู้อนุมัติแล้ว​ ต้องการยืนยันให้โอนเงินกู้ที่ได้รับจากบัญชีที่เปิดใหม่ไปเข้า​ Wallet ของ Platform หรือไม่​

6.เอกสารหนังสือสัญญาก็ปรากฏขึ้นในเครื่องโทรศัพท์​เคลื่อนที่ภายใน​ App หากยืนยันการลงนามให้ใส่​ PIN ที่เป็นรหัสเข้า​ App และถ่ายภาพใบหน้าตัวเองอีกครั้งหนึ่งเพื่อการยืนยันว่ามีการตอบรับลงนามในสัญญาแล้ว

7.เงินที่ได้รับอนุมัติวิ่งไปเข้า​ Wallet ตามที่กำหนด​ มี​ SMS แจ้งยืนยันว่ามีการถอนเงินจากบัญชีที่เปิดไว้รับเงินกู้จากธนาคารนั้น​ เรียบร้อย​

8.สิ้นเดือน​ SME รายนี้จะได้รับ​ statement รายงานการเคลื่อนไหวเงินเข้าออกใน​ Wallet เงินเข้าออกจากบัญชีเงินฝาก​ ซึ่งแสดงยอดการชำระหนี้ผ่านการหักอัตโนมัติ​ตามข้อตกลงทุกประการ

9.ผ่านไปหกเดือน​ SME รายนี้ก็ไปยื่นเรื่องขอกู้เงินจากอีกธนาคารหนึ่งผ่านสาขา​ มีการเสียบบัตร​ ถ่ายภาพ​ และยืนยันว่าตนเองมีบัญชีเดินอยู่กับอีกธนาคารหนึ่ง​ ขอให้ธนาคารนั้นยืนยันว่าฉันคือคนๆ เดียวกัน​ กรอกข้อมูล​ลงในอุปกรณ์​ของธนาคารที่สาขานั้นคล้ายๆกับธนาคารแห่งแรก ภายในเวลาไม่เกิน​ 30 นาที​ ทางสาขาก็แจ้งว่าได้รับอนุมัติเบื้องต้น​ 100,000​ บาท​ และขอให้จัดส่งเอกสารยืนยันเรื่องรายได้จากกรมสรรพากร (คัดแบบแสดงรายการที่เสียภาษี)​ มาเพื่อจัดทำกระบวนการอนุมัติขั้นตอนสุดท้าย​ ส่วนเงินกู้จะโอนเข้า​ Wallet ได้เลยโดยอาจไม่ต้องเปิดบัญชีเงินฝากแบบไม่มีสมุดกับธนาคารแห่งที่สอง

ในภาษาทางเทคนิค​ Open​ super App + Loan application in supper App + eKYC by NDID platform + eConsent + Credit​ bureau report + Bureau score + Platform score + Internal bank score + eContract + eSignature + Money transfer to Wallet…

โลกเปลี่ยน​ คนต้องปรับ​ ธุรกิจต้องขยับ​ เพื่อความอยู่รอด..

ขอบคุณครับ