บทสนทนาเพื่อการมีชีวิตอยู่ต่อไปและต้องอยู่ให้รอด
เมื่อผู้เขียนได้ฟังรายการวิทยุรายการหนึ่งที่อนุญาตให้ผู้ฟังต่อสายเข้ามาในรายการสนทนาปราศรัยกับผู้ดำเนินรายการ ซึ่งแน่นอนว่า จะมีประเด็นเรื่องความทุกข์ของคนที่เป็นลูกหนี้ที่มีปัญหาเนื่องจากสาเหตุหลักคือ ได้รับผลกระทบจากการหารายได้ มีผลกระทบจากการไม่สามารถมีธุรกรรมทางเศรษฐกิจได้เพราะลูกค้าเดิมที่เคยใช้บริการต่างประสบกับปัญหาเงื่อนไขทางสาธารณสุขและการเดินทาง แน่นอนว่าเมื่อไม่มีรายได้ หรือรายได้มีน้อยลงอย่างน่าใจหาย
อีกทั้งวันเวลาของมาตรการช่วยเหลือโดยชะลอการชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นการทั่วไปหมดกำลังจะหมดลง การต้องกลับมาชำระหนี้ให้เป็นไปตามเงื่อนไขเดิมก่อนมีมาตรการหรือเงื่อนไขใหม่ในการปรับโครงสร้างหนี้ที่เจรจาก็ตาม ในน้ำเสียงที่ผู้ฟังรายการบอกเล่าเก้าสิบกับผู้ดำเนินรายการมันจะเป็นลักษณะนี้
ผู้ฟังรายการ : ทำไมธนาคารไม่เห็นใจลูกหนี้ ก็รู้อยู่ว่าเวลานี้มันเป็นอะไรอย่างไร ไอ้ที่เคยผ่อนหนี้เดิม 18,000 บาทต่อเดือนมันพอไหวถ้าไม่มี COVID-19 น่าจะพักการชำระหนี้คือทั้งต้นทั้งดอกออกไปก่อนสัก 2 ปี หลัง 2 ปี แล้วค่อยมาว่ากันใหม่สิครับ ท่านวิทยากรเห็นด้วยไหม
ผู้ดำเนินรายการ : ผมยังตอบไม่ได้ว่าเห็นด้วย / ไม่เห็นด้วย พอจะบอกได้ไหม ว่าสุดๆ ตอนนี้คุณพี่พอจะผ่อนไหวที่เท่าไหร่
ผู้ฟังรายการ : ถ้าต้องจ่ายจริงๆ ผมก็พอจะสู้ได้ไม่เกิน 8,000 บาทต่อเดือน แต่ถ้าเจอไวรัสตัวนี้อีกแบบต้องปิดเมือง คงจะผ่อนต่อได้อีกสักไม่เกิน 6 เดือนครับ
ผู้ดำเนินรายการ : แสดงว่าตอนนี้ยังพอไปไหวที่ 8,000 บาท จากเดิม 18,000 บาท ผมแนะนำให้ไปคุยกับเขาเลย ว่าฉันไหวที่ตรงนี้ มากกว่านี้คงไม่ไหว มันไม่มีจริงๆ ถ้ามีคงไม่ต้องมาต่อรองกันให้เสียเวลา
ผู้ฟังรายการ : แต่ผมอยากให้รัฐบาลกำหนดให้พักการชำระหนี้ต่อไปเลยอีก 2 ปี มันจะไม่ดีกว่าหรือ เงิน 8,000 บาทต่อเดือน ผมจะได้ตุนไว้เป็นกระสุนก่อนครับ
ผู้ดำเนินรายการ : รัฐบาลเขาคงจะไม่ค่อยเกี่ยวแล้วมังครับ เวลานี้ ต้องเข้าใจแบบนี้ก่อนนะครับ
1.การก่อหนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว จะอย่างไรก็ตามเป็นหนี้ต้องใช้หนี้ เวลานี้พอไหวเท่าไหร่ก็เท่านั้น มันเป็นเรื่องของเจ้าหนี้/ลูกหนี้ที่ต้องคุยกัน อยู่ๆ จะให้หลวงท่านไปสั่งคงจะไม่ได้นะครับ
2.ถ้าพอจ่ายได้ก็รีบไปคุยไปปรับโครงสร้างหนี้ จ่ายได้ตรงไหนก็ตรงนั้น อย่ากั๊กกัน ถ้ายังพอจ่ายได้ก็ต้องว่ากันไป
3.ถ้าเจ้าหนี้เขาไม่ตกลงจะดำเนินการทางกฎหมาย เราก็ต้องไปสู้กันในทางกฎหมายว่าเราจ่ายได้แค่ไหนเพียงใด ถ้าเห็นว่าไม่เป็นธรรมก็ร้องไปที่ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย โทร.1213 แต่ต้องพูดความจริง อย่าหลอกว่าจ่ายไม่ได้จะเอาแต่พักการชำระหนี้อย่างเดียว
4.ลองคิดภาพตามนะครับ
4.1 หลวงท่านเป็นคนกลาง ไม่ได้รู้ความจริงในเรื่องหนี้ที่เกิดระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้เลย
4.2 คนเป็นเจ้าหนี้เขาก็มีคนคุมกติกา มีการออกวิธีการ กฎกติกามรรยาทชัดเจนเรื่องปรับโครงสร้างหนี้
4.3 คนปล่อยกู้ เขาต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากนะครับ เขาต้องหมุนเงินโดยรับเอาเงินต้นที่จ่ายคืนมา เอาไปหมุนให้กู้ใหม่กับคนที่ต้องการเงินทุน ถ้ามันสะดุด ติดขัดเพราะฝ่ายคืนไม่คืนตามเวลา แต่ต้องจ่ายทางฝั่งคนฝากทุกครั้งตามเวลาและจำนวนที่กำหนด แล้วเจ้าหนี้จะไปต่อได้อย่างไร
4.4 เวลานี้ทุกคนล้วนสาหัสสากรรจ์กันทั้งนั้น ถ้ามีคนหนึ่งได้หมดอีกคนเสียหมดมันก็ไปต่อไม่ได้ ถ้าเสียสละกันบ้าง กำไรน้อยลงบ้าง ลูกหนี้อย่าเล่นกลบ้าง มันถึงจะพอไปกันได้ แบ่งๆ กันไป เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขกันไป ไม่งั้นมันก็ไม่มีใครรอด ประเทศเราสอบผ่านวิชาสุขศึกษาแล้ว ได้คะแนนดีเยี่ยม แต่เราจะสอบตกวิชาเศรษฐกิจก็เพราะเรามองแต่กระจกบานเดียวคือบานที่เราต้องการ เราทุกคนไม่ว่าใครต้องมองกระจกหกด้านสิ ดังคำพระท่านสอน เอาใจเขามาใส่ใจเรา
… ปัญหาของทุกวันนี้ไม่ได้มีแค่เพียงแค่การดำรงชีวิต ซึ่งเคยแนะนำไปแล้วว่าให้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) มีเท่าไหร่ใช้เท่านั้น แต่วันนี้ปัญหาของประชาชนที่มีมากที่สุด คือปัญหาหนี้สินของพวกเขา ทั้งหนี้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ซึ่งเกี่ยวข้องกับธนาคารทั้งสิ้น จำเป็นต้องขอความร่วมมือจากพวกท่าน เพราะไปก้าวล่วงกับทางธนาคารไม่ได้ แต่หากเราไม่ช่วยกันวันนี้ประเทศชาติก็คงต้องไปกันทั้งหมด จึงขอฝากไว้ด้วยเพราะทุกคนต่างคาดหวังความช่วยเหลือจากรัฐบาล วันนี้จึงขอให้ท่านเริ่มจากการช่วยตัวเองเสียสละกันบ้าง และรัฐบาลก็จะเข้ามาดูแลพวกท่านอีกครั้งหนึ่ง และถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นอยากจะให้เข้าใจวิธีการหลักคิดของรัฐบาลด้วย… พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าว
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ