นานาสาระในช่วงการแพร่ระบาด COVID-19
ในช่วงเวลาอันยากลำบาก(ใจ)ของผู้คนในยามนี้เวลานี้ ที่รับเอาข้อมูลข่าวสารการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ ใหม่ที่มีชื่อว่า COVID-19 เมื่อมองไปในแววตาของผู้คนที่สบตากันยามเดินทางร่วมกัน ยามทานข้าวด้วยกัน ไม่เว้นแต่ยามที่มาวิ่งมาออกกำลังกายด้วยกันเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ในแววตาแต่ละฝ่ายจะพบคำถามที่สำคัญคือ
1. ตัวเราจะโดนไหมจะโดนเมื่อไหร่
2. ครอบครัวและคนรอบข้างจะโดนไหม
3. เรื่องราวในตอนนี้จะจบลงเมื่อไหร่
4. ทางการมีมาตรการแก้ปัญหา?และป้องกันปัญหา เพียงพอ เหมาะสม และจะเอาอยู่ไหม
5.เราจะเอาตัวรอดได้อย่างไรถ้ามันมาจริงๆ
นานาสาระที่ผู้เขียนได้คัดเลือกมาบางส่วนเพื่อสะท้อนอารมณ์ และความรู้สึกของผู้คนในยามนี้ผ่านคำพูดที่แชร์กันในเชิงสร้างสรรค์ เป็นอารมณ์ ขันตามลักษณะ นิสัยคนไทยที่จะ “ยังยิ้มได้แม้ภัยมา” ดังนี้ครับ
1. ตอนนี้มีหุ้น 2 ตัวให้ลงทุนคือ ตัวใครกับตัวมัน : ข้อความนี้มาในวันที่การลดลงของดัชนีในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหล่นลงมาแบบแรงมากๆลดลงเกิน 10% จนต้องหยุดการซื้อขายชั่วคราวให้คนตั้งสติแน่นอนว่าบางส่วนอาจได้รับผลจากการทำธุรกรรม short selling ของการเก็งกำไร จนมีคำกล่าวว่าดัชนีเหลือหนึ่งพันต้นๆ ถ้าตกใจลงวันละร้อยจุด แค่สิบกว่าวันก็ไม่มีอะไรกังวลแล้ว แน่นอนว่าผลกระทบสำหรับคนที่เกษียณในช่วงนี้การลงทุนที่ทำมาอาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ที่สุดแล้วก็เป็นไปอย่างที่พูดเตือนกันว่า “การลงทุน?มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ”
2. กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ : ข้อความนี้ยังคงใช้ได้ผลทุกกาลเวลา เมื่อมีเรื่องการรักษาสุขภาวะ มองไปได้เลยนะครับในช่วงเวลาอาหารกลางวันของมนุษย์ออฟฟิศ ในเวลานี้ แม้ไปกินข้าวด้วยกันแต่จะเป็นแบบจานใครจานมัน ไม่มีสั่งแบบกับข้าวรวม หรือในเวลานี้กำลังมีคำแนะนำให้ใช้ช้อนกลางของเรา?ไม่ใช่ช้อนกลางแบบส่วนรวม เหมือนกับเวลาเราๆท่านๆไปทานอาหารจีนจะมีตะเกียบ 2 ชุด ชุดหนึ่งเอาไว้ทาน อีกชุดเอาไว้คีบอาหารจากจานตรงกลาง ส่วนการล้างมือคือต้องล้างมือ ล้างมือ และล้างมือ ล้างให้บ่อย ล้างให้ถี่ เข้าห้องประชุมเสร็จก็ล้าง กลับจากขนส่งสาธารณะก็ต้องล้างมือ ทุกครั้งที่ไปทำอะไรที่อาจสัมผัสกับสรรพสิ่งก็ให้กลับมาล้างมือ ล้างด้วยสบู่ สำหรับเจลล้างมือมันเป็นสิ่งที่เอามาแก้ขัดให้เกิดความสะดวกนะครับ?เพราะความเป็นจริงในสถานที่ต่างๆอาจมีข้อจำกัด แต่ล้างมือด้วยสบู่อย่างพิถีพิถัน คืออะไรที่ดีที่สุด
3. สุขภาพกาย – COVID สุขภาพจิต – โคม่า : ข้อความนี้มาเตือนสติของเราๆท่านๆว่า (หนึ่ง) การรักษาสุขภาพคือสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าผู้ใหญ่ คนสูงอายุ เด็ก ต้องหันมาออกกำลังกาย ยามนี้ยิ่งอากาศร้อน แนะนำว่าตอนเช้าหรือตอนเย็นให้เดิน ให้วิ่งออกกำลังกายกัน เอาให้เหงื่อออก ใครชอบวิ่ง…ให้วิ่ง ที่สำคัญต้องนอนให้พอ สี่ทุ่มต้องปิดไฟนอนได้แล้ว ถ้าร่างกายแข็งแรง?พักผ่อนเพียงพอ มันคือเกราะป้องกันตัวที่ทุกคนต้องสร้าง จะหวังให้ใครมาใส่เกราะให้เรามันคงไม่ได้ในเวลานี้ (สอง) การเสพข่าวสาร?ในช่วงเวลานี้อยากจะขอร้องท่านๆที่เป็นแกนหลักในไลน์กลุ่มต่างๆดังนี้
ถ้าเราเป็นคนชอบอ่านอย่างเดียวขอให้คิดเพิ่มว่ามันจริงมันเท็จ มันเป็นไปได้หรือไม่ได้อย่างไร เพื่อลดความวิตกกังวล
ถ้าเราเป็นชอบอ่านและคอมเมนต์ ก็ขอให้คิดว่าเรากำลังส่งผ่านอะไรไปให้เพื่อนฝูง มันเป็นความสุขหรือความทุกข์ มันควรเหมาะประมาณไหน ไอ้ประเภทด่ารัฐบาลอย่างเดียวแบบเหมาเข่งก็ไม่ไหว ถ้าทนไม่ไหวก็ว่ากันไปเป็นจุดๆ เพราะในหลายจุดเช่นทีมงานสาธารณสุขและทีมแพทย์ ไทยก็ยังเป็นบุคคลปิดทองหลังพระ ไม่ว่าจะมาจากชาวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวตอนตรุษจีน ชาวไทยที่ไปเที่ยวแล้วกลับมา ผีน้อยที่โบยบินกลับบ้าน และสุดท้ายคือพวกสิ้นคิดที่คิดไม่ได้ คิดไม่เป็นว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำเวลาที่กลับมาจากประเทศ ที่มีความเสี่ยง ยิ่งคนที่มีฐานะในทางสังคม อ่านหนังสือรู้ ดูหนังสือเป็น ควรอยู่ที่บ้าน ก็พากันออกงานแล้วอ้างว่าตรวจแล้ว คำว่าความรับผิดชอบต่อส่วนรวมดูจะสะกดไม่เป็น ดังคำที่ว่า เกียรติยศที่ผู้คนจะมอบให้?มันไม่ได้มาด้วยชาติกำเนิดแต่มันมาจากการกระทำของตนเอง เป็นต้น
4. สุดท้ายครับคือคำว่า “รู้เท่าไม่ถึงการณ์และฉันไม่รู้จักเธอ เธอไม่รู้จักฉันจะว่าไปแล้วเราๆท่านๆจะไปคาดหวังมโนสำนึกของคนไทยประเภทนี้คงไม่ได้พวกที่หากินกับความเดือดร้อนของผู้คนเอาของที่คนไทยควรได้ใช้ไปส่งออกไปกักตุน ไปทำให้มันขาดแคลนผู้เขียนได้แต่ขอสาปแช่งคนที่มีจิตใจเหล่านั้นอย่าได้มีความเจริญ ตอนตายขอให้ทุกข์แสนสาหัสอย่าได้ตายไว ขอจงอยู่กับความโหดร้ายของโรคภัยในบั้นปลายของชีวิต เงินทองที่หามาได้ขอให้หมดไปกับการรักษาตัวแต่อย่าได้หายขาดจากโรคภัยมันเป็นไปได้อย่างไรที่บทสนทานาตอนอยู่ในคลิปของคนๆหนึ่งมันขัดแย้งกับคนๆนั้นว่า ฉันไม่รู้จักเธอ เธอไม่รู้จักฉันเราทั้งสองไม่รู้จักกัน เรามาเจอกันโดยมิได้นัดหมาย เรามากินข้าวกันโดยไม่รู้จักกัน เราถ่ายรูปด้วยกัน ยิ้มกว้างด้วยกันพาดหัวในภาพแต่จริงแท้แล้วเราไม่รู้กันเราไม่รู้ว่ามากินข้าวคุยกันด้วยเรื่องอะไรสังคมไทยจะเชื่ออย่างนั้นหรือผู้คนในสังคมเราใสซื่อไม่รู้อะไรขนาดนั้นจริงหรือคำว่าโกหก มุสาวาทาให้ความเท็จ ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์… เราๆท่านๆจะเชื่อแบบนั้นได้ลงคอเลยหรือ
สามสี่เรื่องข้างต้นคือความรู้สึกนึกคิดบางส่วนของผู้คนที่สะท้อนผ่านตัวหนังสือผ่านข้อความ ผ่านไปยังกลุ่มไลน์ต่างๆวันนี้ เวลานี้เรายังไม่รู้จุดที่จะจบ สุขภาพกายคือเรื่อง COVID-19 สุขภาพจิตอย่าให้เกิดโคม่านะครับอีกครั้ง กินร้อนช้อนกลาง ล้างมือ ล้างมือ และก็ล้างมือครับ