มุมมองที่เฉียบคม คำถามที่โดนใจ รอคำตอบกลับมาที่ว่าใช่…
ผู้เขียนได้มีโอกาสรับรู้และรับฟังการให้ความเห็น การให้ข้อคิด เกี่ยวกับเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนได้เสีย นักคิด นักวิชาการ นักธุรกิจ และผู้ที่อยู่ในแวดวงการเงินของประเทศ ในเรื่องภูมิทัศน์ใหม่ในระบบการเงิน แน่นอนว่าด้วยสถานการณ์ของการแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 การปรับตัวอย่างรวดเร็วไปสู่การเงินดิจิทัล การปรับตัวของธุรกิจและผู้ใช้บริการ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม และอาจรวมไปถึงการเมืองที่ดูเหมือนจะเป็นอยู่อย่างแบบเดิมไม่ได้อีกต่อไป ในการรับฟังข้อมูลที่นำเสนอ และการบรรยายความของผู้รู้ตัวจริงที่ธนาคารกลางได้เชิญท่านเหล่านั้นมาให้ความเห็นแบบที่สาธารณชนอย่างผู้เขียนก็เข้าไปฟังได้นั้น ต้องขอขอบคุณในความใจกว้างและการทำงานแบบโปร่งใสขององค์กรที่กำกับระบบการเงินไทยในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ประเด็นที่สะดุดใจผู้เขียนมาจากการให้ความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ที่ผันตัวเองไปดำเนินธุรกิจที่มีทั้ง E-commerce Game Online และ Financial services provider และอื่น ๆ อยู่ใน Platform ที่มีผู้ใช้บริการในหลายประเทศ มุมมองที่ใช้ข้อมูลที่หลากหลายในสายตาคนหนุ่มแบบสากลที่มองมายังโจทย์ภูมิทัศน์ใหม่ดังกล่าวนั้นแหลมคมมาก ผู้เขียนขอเชิญชวนทุกท่านได้เข้าไปติดตามข้อคิด ความเห็นของ ดร.สันติธาร เสถียรไทยในเรื่องดังกล่าวแบบเต็มนะครับ ย้ำว่าท่านที่สนใจเรื่องนี้ต้องเข้าไปอ่านนะครับ
ในส่วนที่ผู้เขียนใคร่ขอยกมานำเสนอในบทความนั้น เป็นส่วนที่ ดร.สันติธาร ได้กล่าวไว้ถึง ช่องว่างทางการเงินที่เรา (ผู้เขียนหมายถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมถึงคนที่เกี่ยวข้องแต่พยายามบอกว่าตนไม่เกี่ยวด้วยนะครับ) จะต้องอุดหรือปิดช่องว่างนั้นมันมีอยู่ตามความเห็น 3 ประเภท ได้แก่
ประเภทที่หนึ่ง : ช่องว่างที่มีตั้งแต่เมื่อวาน คือกลุ่มที่เข้าไม่ถึงบริการการเงินมานานและวันนี้ก็ยังมีปัญหาอยู่ แม้คนไทยส่วนใหญ่จะมีบัญชีธนาคารแล้วต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ฯลฯ แต่การเข้าถึงบริการการเงินอื่น เช่น สินเชื่อ การลงทุน ประกันยังจำกัดอยู่มากและมักกระจุกตัวในคนไม่กี่กลุ่ม เช่นในรายงาน Financial Landscape ของ ธปท. เองก็พูดถึงว่า ผู้ประกอบการ SMEs มากกว่าร้อยละ 60 เข้าไม่ถึงสินเชื่อ เนื่องจากไม่มีข้อมูลในระบบหรือมีประวัติทาง การเงินไม่มากพอ
ประเภทที่สอง : ช่องว่างใหม่ของวันนี้ คือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัลสร้างคนกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและมีความต้องการบริการใหม่ ๆ ที่ระบบการเงินปัจจุบันอาจตอบโจทย์ได้ไม่เต็มที่ เช่น ผู้ประกอบการขายของออนไลน์ คนทำงานฟรีแลนซ์ อินฟลูเอนเซอร์ ฯลฯ ที่อาจจะเข้าไม่ถึงสินเชื่อเพราะขาดสลิปเงินเดือน หรือ ประวัติการเงิน หรือนักลงทุนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการด้านการลงทุนแตกต่างจากเดิม
ประเภทที่สาม : ช่องว่างของวันพรุ่งนี้ คือ ความต้องการทางการเงินในอนาคตที่เรายังไม่รู้ในวันนี้ อาจจะเป็นเรื่องการระดมทุนเพื่อช่วยปรับธุรกิจให้เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อมมากขึ้น (Green Finance) อาจเป็นบริการการเงินสำหรับอาชีพใหม่ ๆ ที่เกิดจาก Web 3.0
มุมมองที่เฉียบคม คำถามที่โดนใจ รอคำตอบกลับมาที่ว่าใช่…เพราะเหตุว่า SMEs ในวันนี้สิ่งที่พวกเขาต้องการเป็นภาษาง่าย ๆ จากตอนที่ผู้เขียนมีส่วนในการระดมสมองทำแผนส่งเสริมฉบับล่าสุดก็คือ
1.อยากอยู่ให้รอด
2.มีความรู้ (ความรู้ในยุคโลกของโควิด-19)
3.กู้เงินได้ (ย้ำว่ากู้ได้จริง ๆ ไม่ใช่กู้ทิพย์ เพราะอยู่ในระบบอยู่แล้วแต่มันเจอเงื่อนไขว่าถ้าเคยมีบาดแผลเช่น เคยค้างชำระมาในบางเดือนแต่ปัจจุบันเคลียร์ไปแล้ว เป็นต้น)
4.ขายของดี (ช่วยหาพื้นที่ขายของให้ หรือมีพื้นที่ Cyber space สำหรับการขายของให้)
5.มีชีวิตที่ยั่งยืน คือรอดจากโควิด-19 หรือว่าถ้าติดโควิด-19 แล้วมีมาตรการรองรับ ช่วยเหลือได้จริง
ส่วนเรื่องการเงินดิจิทัล ผู้เขียนเห็นประเด็นหนึ่งเล็ก ๆ แต่สำคัญก็คือ การไปกำหนดมาตรฐานว่าตอนพิสูจน์และยืนยันตัวตนหรือ eKYC ครั้งแรกสำหรับการให้บริการแบบไม่พบเห็นต่อหน้า ถ้าบุคคลนั้นยังไม่เคยไป dip chip บัตรประชาชนที่ไหน ก็ต้องไปทำก่อนครั้งแรก เพื่อเอาภาพในชิปมาเทียบกับข้อมูลตัวเป็น ๆ เช่น ใบหน้าตอนนั้น หรือลายนิ้วมือตอนนั้น เป็นต้น มันทำให้เกิดอุปสรรค (Pain point) สำหรับบางกิจการที่มีเครือข่ายน้อย พอจะต้องทำเรื่อง dip chip ก็ต้องเสียเงินไปจ้าง Agent ให้รองรับทำเรื่องนี้ผลคือ Transaction สูงมาก ๆ สูงจนเป็นนัยสำคัญสำหรับการให้กู้วงเงิน 5,000 บาท เป็นต้น เรื่องพวกนี้มันเป็นจุดเล็กจุดน้อยแต่สร้างอุปสรรคใหญ่มาก ในวงประชุมอย่าเอาแต่เอะอะ รีบสรุป เอาแบบ High level ดูแต่ powerpoint สวย ๆ เลยครับ ฟังคนทำงานให้มาก ฟังและคุย ถามแล้วคิด ช่วยกันหาทางออกแบบ จาง อี้ โหมว ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวจีนตอนเขาและคณะออกแบบงานเปิดโอลิมปิกฤดูหนาวของประเทศจีนนะครับ เรามีมุมมองที่เฉียบคม คำถามที่โดนใจ เราทั้งหลายกำลังรอคำตอบกลับมาที่ว่า ฟังแล้วมันใช่เลย…
ขอบคุณทุกท่านนะครับ