คอลัมน์เศรษฐกิจภาษาคน โดยคุณสุ : ถ้ายังไม่คืนเงินกู้​ soft loan ที่ครบกำหนด​ ไม่ได้หมายความว่าจะเสียประวัติในเครดิตบูโร​ : วันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2565

ถ้ายังไม่คืนเงินกู้​ soft loan ที่ครบกำหนด​ ไม่ได้หมายความว่าจะเสียประวัติในเครดิตบูโร​

เรื่องที่ผู้เขียนจั่วหัวมาในวันนี้ก็เกิดจากมีผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงธุรกิจ อุตสาหกรรมและบรรดาลูกหนี้ SME ที่ไปกู้ soft loan รุ่นแรกเมื่อครั้งโควิด-19 ระบาดรุนแรงในช่วงต้น ซึ่งถ้าเราย้อนอดีตกลับไปจะพบว่า

  1. ในช่วงการระบาดช่วงแรก เรามีการ lock down เรามีการเยียวยา เราออกมาตรการแช่แข็งหนี้ เราทำถึงขนาดว่า บางช่วงของเวลาการชำระหนี้ ถ้ายังไม่มีการชำระหนี้หรือชำระหนี้บางส่วนก็ให้ถือว่า ไม่เป็นการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งก็ทำกันในหลายประเทศ
  2. ตอนนั้นหลายท่านก็ประมาณการกันว่า กระทบแรง มีความเสี่ยงเพิ่ม แต่น่าจะจบเร็วใช้เวลาไม่นาน เพราะทุกฝ่ายก็คิดว่าวัคซีนมาเรื่องก็น่าจะจบ เวลาที่ทุกคนคิดกันก็คือ 2 ปีน่าจะจบ กลับเข้าสู่ระบบเดิมได้
  3. ธุรกิจได้รับผลกระทบคือ SME กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว การเดินทาง ร้านอาหาร ภัตตาคาร ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นจึงคิดกันว่าควรจะมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำมาก ๆ ส่งไปให้ธนาคาร แล้วธนาคารก็เอาไปปล่อยกู้ต่อ อายุเงินกู้สัก 2 ปี

มันเลยเป็นที่มาของการส่งผ่านแหล่งเงิน 0.01% มาให้ธนาคารแล้วธนาคารก็ปล่อยกู้ต่อกับลูก?ค้าเก่าที่ได้รับผลกระทบในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 2% พร้อมจัดให้มีกลไกรองรับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น (ถ้ามี) คล้าย ๆ กับการค้ำประกันจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เวลานั้นถ้าจำได้ก็มีการพูดคุยกันเยอะเกี่ยวกับสูตรชดเชยความเสียหาย โดยเฉพาะข่าวประชาสัมพันธ์ที่ออกมาตัวเลขหนึ่งกับความเป็นจริงในสถานการณ์จริงจากการคำนวณ (Defacto) ซึ่งเป็นอีกตัวเลขหนึ่งที่น้อยกว่าเยอะ จากนั้นเสียงซุบซิบในวงการ ก็ถูกเสียงคำรามแบบหงุดหงิด (ที่มีคนรู้ทัน) ก็ออกมากลบ ผู้เขียนขอออกตัวว่าเป็นคนฟังเสียงซุบซิบนะครับแต่ไม่ได้ออกความเห็นใด ๆ เลย เดี๋ยวจะมาสอบสวนผู้เขียนว่าได้รับข้อมูลความลับจากคนข้างในที่คุยกันอีก โลกนี้มันอยู่ยากกับการใช้อำนาจเป็นธรรม

  1. เมื่อครบระยะเวลา 2 ปี มันก็ต้องมีการเคลียร์หนี้กันตามที่กฎหมายกำหนด กล่าวคือธนาคารก็ต้องส่งเงินกู้ละมุนนุ่ม (soft loan) กลับไปยังแหล่งเงิน ถ้ามีความเสียหายก็ต้องคิดกลับไปตามสูตรที่เขียนในประกาศ ในระเบียบ ซึ่งธนาคารก็ต้องคืนได้อยู่แล้ว และยอดหนี้ที่ครบกำหนดเท่าที่เปิดเผยจากแหล่งข่าวก็น่าจะประมาณ 90,000 ล้านบาทในปี 2565 นี้ โดยจะเริ่มมีการครบกำหนดในเดือนเมษายนนี้ เป็นต้นไป
  2. ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในแวดวงธุรกิจอุตสาหกรรมได้สอบถามผู้เขียนว่า ถ้าลูกหนี้ที่ได้เงินกู้ดอกเบี้ย 2% ไปยังคืนเงินไม่ได้ จะถือว่าเสียประวัติในเครดิตบูโรหรือไม่ ผู้เขียนตอบไปดังนี้

5.1 ถ้าลูกหนี้ยังคืนเงินไม่ได้ด้วยเหตุผลใดก็ตามก็ควรเจรจาต่ออายุเงินกู้ (Rollover) ออกไปตามระยะเวลาที่ตกลงกันใหม่ เพราะคราวนี้ธนาคารก็ต้องพิจารณาความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับคืนหนี้ในเวลาปัจจุบัน แล้วก็กำหนดเงื่อนไขของอัตราดอกเบี้ยใหม่ ระยะเวลาให้กู้ใหม่ ตาม Credit risk ที่คำนวณในเวลาปัจจุบัน แน่นอนว่า โอกาสที่จะได้ดอกเบี้ยถูกเท่าเดิมคงมีไม่มาก ดังนั้นลูกหนี้อาจจะต้องมีภาระเพิ่ม

5.2 การค้ำประกันจาก บสย.จะเข้ามาเป็นตัวช่วย เพราะคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ บสย. เข้าไปช่วยเป็นผู้ค้ำลูกหนี้ที่ถึงกำหนดกลุ่มนี้ เพื่อความสบายใจของธนาคารที่จะพิจารณาต่ออายุสินเชื่อออกไปตามความต้องการของลูกค้า…รายละเอียดอ่านได้จากข่าวของ บสย.ในเรื่องนี้ที่เผยแพร่

5.3 ถ้าลูกหนี้รับเงื่อนไขได้หมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องระยะเวลา อัตราดอกเบี้ยใหม่ ตลอดจนจ่ายชำระหนี้ตามเงื่อนไขได้ มันก็ไม่มีประวัติเสีย หรือไม่มีประวัติการชำระหนี้ไม่ได้ ข้อมูลในทางลบนี้ก็จะไม่เกิด ถ้าต่ออายุสินเชื่อแล้วลูกหนี้ทำได้ครบหมดทุกเงื่อนไข

5.4 ถ้าลูกหนี้สัญญาเงินกู้นั้น ทำตามเงื่อนไขใหม่ไม่ได้ เกิดการค้างชำระหนี้ มันก็เข้าระบบเดิมว่า ลูกหนี้ที่ต่อสัญญาเงินกู้นั้นมีประวัติการค้างชำระหนี้ ถ้าค้างชำระหนี้เกินกว่า 90 วันก็จะถือเป็นหนี้เสีย ประวัติในเครดิตบูโรก็เสียหาย

เรื่องนี้ดูเหมือนง่าย แต่มันก็ไม่ง่าย มันมีกลไกที่ต้องอธิบายดังที่กล่าวมาข้างต้น สิ่งที่ผู้เขียนกังวลคือ เงื่อนไขของการต่ออายุสินเชื่อใหม่ อัตราดอกเบี้ยมันจะกระโดดสูงขึ้นมากไหม เงื่อนไขจะโหดไหม เพราะต้องคิดดูนะครับ ขนาดเป็นลูกค้าเก่า ได้เงินกู้ดอกเบี้ย 2% มา 2 ปีแล้ว ยังคืนไม่ได้ และตอนนั้นถ้าจำได้ก็มีการคัดลูกหนี้กันอย่างดี เรียกว่าคนที่ได้เงินกู้ตอนนั้นถือว่ามี Credit risk พอรับกันได้ มีคนที่ไม่ได้สินเชื่อเยอะพอควร จนมีการโวยกันระยะหนึ่งว่า เข้าไม่ถึง ถ้าเราจะมีความจำที่ไม่สั้นเกินไป นอกจากว่าเราอยากได้เงินคืนเลยคิดจะแกล้งลืม ๆ กันไป

เริ่มต้นจากคำถามบนความสงสัยของลูกหนี้เงินกู้ละมุนนุ่ม นำมาสู่การย้อนอดีตเพื่อทบทวนความจำที่บางท่านอยากลืม เพื่อมายังบทสรุปว่า สงครามกับโรคระบาด สงครามกับเศรษฐกิจที่มีปัจจัยไม่แน่นอนเยอะ และการกลับมาฟื้นตัวที่ยั่งยืนน่าจะยังต้องรอกันออกไป ตามรายงานของทางการว่าต้นปี? 2566 น่าจะกลับมาดีนั้น ผู้เขียนมองจากอาการวันนี้ อาจจะยาวกว่าที่คิดไว้หรือไม่ ทุก ๆ ท่านครับ เราเตรียมทางหนีทีไล่ไว้หรือยังก่อนจะฝ่าเชื้อโควิด-19 ไปสนุกสนานรดน้ำ สาดน้ำ ในวันสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ