เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : ระบาดใหม่ครั้งนี้​ กับมาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทยมาได้ตรงกับสถานการณ์ : วันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2564

ระบาดใหม่ครั้งนี้​ กับมาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทยมาได้ตรงกับสถานการณ์

ภายใต้สถานการณ์​การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม​ 2563​ ต่อเนื่องมาถึงเดือนใหม่ปีใหม่​ และคาดว่าต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าที่ทางการแพทย์​ไทยจะสามารถจัดการควบคุมได้​ การจัดการกับปัญหาการแพร่ระบาด​ครั้งนี้จะดำเนินไปกับการเปิดให้สถานประกอบการ​ ผู้ประกอบธุรกิจ​ และผู้คนยังคงดำเนินชีวิตแบบมีเงื่อนไขบางอย่างทางสาธารณสุข​ เพื่อประคองระบบเศรษฐกิจ​ให้เดินไปได้แบบทุลักทุเล​และซื้อเวลากันไป​ เพื่อให้อาวุธที่ดีที่สุดได้มีการใช้อย่างเต็มที่ซึ่งนั่นก็คือวัคซีน และการมีภูมิคุ้มกันหมู่​ 

สิ่งที่เป็นความท้าทายในช่วงเวลานี้คือ

1.จะประคองให้การจ้างงานยังเดินต่อไปได้อย่างไร​ 

2.คนที่โดนผลกระทบ​จนเป็นคนเสมือน​คนว่างงานคือทำงานไม่เต็มเวลา​ ถูกลดชั่วโมง​การทำงาน​ ทำงานไม่เต็มศักยภาพ​ทำงานไม่เกิน​ 35-40 ชม.ต่อ​สัปดาห์​ จะมีจำนวนเพิ่มจากหลักล้านคนเป็นหลายล้านคน​ 

3.ปัญหาการชำระหนี้​ อย่าลืมว่าในช่วงเวลานี้​คนส่วนใหญ่ที่รายได้ลดแต่มีหนี้สินจะมีอาการ​ “หนี้ยังมีเท่าเดิม​ ที่เพิ่มเติมคือไม่รู้จะจ่ายอย่างไ​ร” 

4.หากข้อ​ 1 และ 2​ ข้างต้นมีปัญหาแล้วมาประกอบกับข้อ 3 ก็จะนำมาสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีของเจ้าหนี้ตามกลไกรักษา​สิทธิตามกฎหมาย​

ตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงในเวลานี้ผ่านชุมชนพันทิปจะเห็นเจ้าของกระทู้หลายรายเข้ามาขอความเห็นเพื่อแก้ไขปัญหา เช่น

กรณีที่​ 1 …ถูกพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยได้รับจดหมายแจ้งจากบริษัทตัวแทนดำเนินการแทนธนาคารเจ้าหนี้

คือ เราได้รับจดหมายดังกล่าวข้างต้นก่อนเป็นลำดับแรก ต่อมาได้รับเอกสารเป็น หนังสือแจ้งข้อมูลเครดิตที่รายงานบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด

โดยในหนังสือเป็นการสรุปการใช้จ่าย การชำระหนี้ที่ผ่านมา (ภาษาชาวบ้านคือใบเรียกเก็บหนี้รายเดือนที่เจ้าหนี้ส่งมาให้ลูกหนี้)​ วันที่เริ่มต้นผิดนัดชำระ และสถานะบัญชี ซึ่งส่งมาในนามจดหมายจากธนาคารแห่งหนึ่งค่ะ 

เราจึงอยากรู้ว่า การส่งจดหมายมาแบบนี้ คือ สัญญาณก่อนจะดำเนินคดีจริง ๆใช่ไหมคะ

กรณีต่อมาคือ​… เคยถูกโทรทวงหนี้ และเจรจา ไต่ถามบอกกล่าวถึงทางออกในการปรับโครงสร้างหนี้​ มีหลายแบบตั้งแต่ชำระหนเดียวแล้วได้รับส่วนลดในการเป็นหนี้​ ปรับตารางการชำระหนี้ใหม่ เราก็รับฟังและชี้แจงตามความจริง คือ เราตกงาน​ ถ้ามีงานก็จะมีเงินคืน ไม่ได้หนีไปไหน​ ตอนนี้หางานอยู่ ก็ดูเหมือนเขาจะเข้าใจ แต่ในที่สุดก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายอะแหละ​ ซึ่งเราก็ทำใจว่าถ้าเกิดคดีความขึ้นมาจริง ๆ เราไม่รู้ว่าต้องทำไงบ้างเลยมาขอคำแนะนำจากคนที่อาจเคยมีประสบการณ์เป็นหนี้บัตรเครดิตค่ะ

ภาพสะท้อนสิ่งนี้มันไม่ได้มีจำนวนคนสองคน​ พันสองพันคน​ แต่มีเป็นเรือนหมื่นเรือนแสนลูกหนี้​ จำนวนที่เป็นหนี้ก็มากน้อยต่างกันไป​ 

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงจะได้เล็งเห็นประเด็นนี้​ และมีข้อมูลจากภาคสนาม​ ในการกำหนดมาตรการช่วยเหลือรอบใหม่จนถึงเดือนมิถุนายน​ 2564​ จึงออกแบบในลักษณะ​ เฉพาะเจาะจง​ ตอบโจทย์​ของแต่ละกลุ่มลูกหนี้​ ขอร้องกึ่งกดดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุง​โครงสร้าง​หนี้ที่สอดคล้องกับรายได้ที่ถูกกระทบของลูกหนี้เป็นสำคัญ​ ท่านผู้อ่านลองคิดภาพ​ คนที่เป็นลูกหนี้บัตรเครดิตมีหนี้​ 100 บาท​ ในแต่ละรอบบัญชีต้องชำระขั้นต่ำ​ 3-5 บาทหรือ​ 3-5% แต่จำนวนหนี้ต้นเงินไม่ลด​ ซึ่งจะถูกคิดดอกเบี้ยที่​ 16-18% ดังนั้นลูกหนี้จะรู้สึกว่าการจ่ายหนี้แบบเลี้ยงงวด​ มันคือจ่ายดอกต้นอยู่ครบ​ เงินที่จ่ายไม่เข้าต้น​ แถมดอกเบี้ยก็แพง​ โอกาสผิดนัดชำระสูงมาก​ การที่ ธปท. กำหนดเป็นทางออกว่า​ ถ้าจะมีการปรับใหม่ว่า​ คนที่เป็นลูกหนี้ตัดยอดหนี้บัตรเครดิตเดิมทั้งหมดหรือบางส่วนมาแปลงเป็นหนี้ที่ผ่อนชำระเป็นงวด (Installment loan) โดยยอดเงินที่ผ่อนชำระ​จะมีทั้งส่วนที่จ่ายดอกเบี้ย และส่วนที่เข้าต้น​ แบบลดต้นลดดอกเบี้ย​ ผสมกับลดดอกเบี้ยลงมาเหลือ​ 12% ก็จะก่อให้เกิดการประหยัดดอกเบี้ย​ ในขณะที่​ระยะเวลาในการผ่อนก็ยาวได้ถึง​ 48 งวดหรือ​ ไม่เกิน​ 4ปี​ ก็น่าจะเป็นทางออกได้อีกกรณีหนึ่ง

ในส่วนของลูกหนี้ที่มีการฟ้องร้อง​ ศาลท่านก็มีกระบวนการไกล่เกลี่ย​ก่อนฟ้องหรือมันก็คือการปรับโครงสร้างหนี้แบบมีตัวกลางที่ทั้งสองฝ่ายเกรงใจ​ เพื่อให้การเจรจามันไม่เกิดการเอาเปรียบเกินไป​ ขณะที่กรมบังคับคดี​ก็มีมาตรการมาช่วยการไกล่เกลี่ย​ก่อนการบังคับ​คดี​แบบในที่แตกต่างจากสถานการณ์​ปกติมาช่วยคนที่ลำบากเดือดร้อน​อีกทางหนึ่ง

ท่านรองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.​ ระบุว่า การระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ ภาครัฐไม่ได้ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ทำให้ผลกระทบอาจไม่เท่ากับปีก่อน แต่ ธปท. และธนาคารพาณิชย์ก็หารือกันเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ โดยเฉพาะลูกหนี้กลุ่มภาคแรงงาน เพราะโดนลดชั่วโมงการทำงานจากโรงงานปิดชั่วคราว

แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้ลูกหนี้ได้เข้าใจว่าหากเข้าโครงการพักหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ลูกหนี้จะต้องมีภาระเพิ่มขึ้นหลังหมดมาตรการพักหนี้แล้ว เพราะหนี้ที่พักหรือดอกเบี้ยยังเดินอยู่ไม่ได้หายไปไหนซึ่งมันจะทำให้ไปเพิ่มภาระเป็นค่างวดที่จะเพิ่มขึ้นในแต่ละงวดหรือไปเพิ่มภาระงวดการชำระช่วงท้ายสัญญาได้  

ธปท. จึงอยากเห็นการปรับโครงสร้างหนี้มากกว่า​ การชะลอการชำระหนี้​ หรือพักการชำระหนี้สองสามงวดในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะการปรับโครงสร้างหนี้ที่สอดคล้องกับรายได้จะช่วยลูกหนี้ได้ยั่งยืนกว่า แต่ก็ยอมรับว่าขึ้นอยู่กับตัวลูกหนี้ที่บางกลุ่มอาจต้องจำเป็นช่วยชะลอหรือพักหนี้ไปก่อน ในระยะต่อไปก็ต้องมาดูกันว่าจะต้องออกมาตรการเพิ่มเติมอีกหรือไม่​ ข้อมูล​จากฝั่งเจ้าหนี้จะทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ

หนี้ยังมีเท่าเดิม​ ที่เพิ่มเติมคือจะจ่ายได้อย่างไร​ ใจเราไม่อยากค้าง​ ไม่เคยคิดจะหนีหน้าหรือหนีหนี้​ แต่ชีวีต้องรอดก่อน​ ขอท่าน (เจ้าหนี้) อย่าใจร้อน​ หากใช้ค้อน (กฎหมาย) ทุบเอา.. มันก็หมดกัน​ เราจะต้องซื้อเวลาและเดินหน้ากันไปอย่างทุลักทุเล​ครับในเวลานี้