การเปลี่ยนแปลง ผลกระทบ และตัวกลาง
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เขียนได้มีโอกาสรับฟังการบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการ แนวคิด หลักการ และบทบาทตามตำแหน่งหน้าที่ในฐานะผู้นำ ท้ายที่สุดก็คือหัวข้อเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและการจัดตำแหน่งแห่งที่ของธุรกิจในโลกที่น่าจะไม่เหมือนเดิม เหตุเพราะสภาพปัญหา และเหตุที่ต้องเผชิญทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมืองการปกครองและวิถีการปฏิบัติตัวของผู้คนนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงไป เปลี่ยนแปลงทั้งสาระและรูปแบบ ที่น่าสนใจคือสิ่งที่วิทยากรได้นำเสนอมาในสามหัวข้อหลักจะยึดโยงกับสิ่งที่มีการกล่าวไว้ในอดีตเสมอเช่น
… สิ่งมีชีวิตที่จะสามารถอยู่รอดต่อไป ไม่ได้ขึ้นกับความแข็งแรง แข็งแกร่ง มีแต่เพียงการปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติเท่านั้น จึงจะทำให้สิ่งมีชีวิตนั้นอยู่รอดได้…
ธรรมชาติและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่สิ่งมีชีวิตใช้ชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ ภูเขา ป่าไม้ ทะเล ต่าง ๆ ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงไป เพียงแต่ปัจจุบัน ความเปลี่ยนแปลงนั้นมันเป็นทิศทางที่แย่ลง เลวลง ส่งผลกระทบที่รุนแรงมากขึ้น ก่อให้เกิดความเสียหายมากขึ้น ความเสียหายทั้งต่อชีวิต ทรัพย์สินและต่อการดำเนินชีวิตให้เป็นปกติสุขนั้นมันทำได้ยากยิ่ง คำถามที่สำคัญก็คือ เราจะมีความอยู่ดี มีสุข ได้อย่างไร ถ้าการเปลี่ยนแปลงรอบ ๆ ตัวเรา รอบ ๆ กิจการของเรา รอบตัวประเทศของเรา มันคาดเดาไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะเกิดเมื่อใด เกิดแบบไหน เกิดขนาดไหน และถ้าเกิดแล้วจะส่งผลให้ยับเยินได้ขนาดไหน แต่อย่างไรก็ยับเยินแน่นอน คำถามที่สำคัญมาก ๆ คือ ขีดความสามารถในการประมาณการ การพยากรณ์ การคาดการณ์ ในเรื่องใด ๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงขององค์กร ของธุรกิจ ของภาครัฐ ในส่วนที่รับผิดชอบนั้นสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเตรียมการรับการกระแทกได้ขนาดไหน
ถ้าเราจะดูภาพเล็ก ๆ ไม่ต้องไปดูภาพอะไรใหญ่โต ไม่ทำตัวเอาปัญหาทั้งประเทศมาเป็นปัญหาตนเอง เพราะตัวเองไม่ได้มีอำนาจจะไปทำตรงนั้น อย่างมากสุดก็คือส่งเสียงออกไปว่าจากข้อมูลที่เราได้รับ (ซึ่งก็มีทั้งถูกและไม่ใช่) รวม ๆ กันแล้วเราใคร่ขอเสนอว่ามันควรจะทำแบบนี้ 1..2…3…4… ถ้าคนที่เขารับสาร เขาจะเอาไปคิดต่อหรือไม่เอาไปคิดต่อ ก็เป็นไปตามกรรม
ประเด็นปัญหาที่ผู้เขียนสนใจคือในระดับครัวเรือน พื้น ๆ บ้าน ๆ ที่พวกเขาก็กำลังหาคำตอบเพื่อให้เขาเอาตัวรอดต่อไปก็คือ สถานการณ์ที่รายรับลดลง ยังไม่ฟื้นตัวไประดับเดิม ลดค่าใช้จ่ายไปแล้ว รวมค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์และด้านความสะอาดที่ต้องใช้แล้ว รายได้-รายจ่ายปริ่ม ๆ น้ำ การจะหารายได้มาเพิ่มเติม มันก็มีทางเลือกได้จำกัด เพราะการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 มันก็ยังไม่สงบ หรือแน่นอนแล้วว่าเป็นโรคประจำถิ่น หันกลับมาอีกด้านก็คือ ภาระการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยของหนี้สินที่ครัวเรือนไปหยิบยืมมาจากคนเป็นเจ้าหนี้ มันมีเงื่อนไข สัญญาค้ำคอกันอยู่ว่า จะต้องจ่ายรายเดือนกี่บาท เป็นค่าอะไร ส่วนนี้มันก็มาเติม เพิ่มกับค่าใช้จ่าย และก็ตามมาด้วยคำถามว่า ผ่อนไหวหรือไม่ จะส่งดอกเบี้ยไปก่อน เงินต้นยังไม่ต้องดีหรือไม่ หรือจะส่งเงินต้นส่งดอกเบี้ยกันแบบไหน ไอ้ตรงการ “หมุนหนี้” นี่แหละครับที่ยาก และยากลำบากในเวลานี้ถ้าเดาคาดการณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบมาถึงตัวเองไม่ออก ตัวอย่างเช่น เป็นครอบครัวที่อิงรายได้จากการเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยว ที่มีลูกค้าหลักคือชาวจีน และชาวรัสเซีย พอทราบว่าทางจีนใช้มาตรการ Zero Covid-19 แถมมีสงครามย่อย ๆ จนให้ชาวรัสเซียใช้บัตรเครดิตไม่ได้ อะไรมันจะเกิดกับเราล่ะ ปีหน้าจะดีขึ้นได้เมื่อไหร่ มันจะเลวลงกว่านี้หรือไม่… และอีกมากมายคำถาม
ถัดมาก็คือถ้ารายได้-รายจ่ายตอนนี้มันได้เท่านี้แหละ การเดินคุยกับเจ้าหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จึงเป็นเรื่องจำเป็น เจ้าหนี้ก็คือเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ไม่ใช่พระ แต่เจ้าหนี้ก็ไม่ใช่เจ้าชีวิต เพราะเจ้าหนี้ในระบบเขามีคุณครูใหญ่คอยดูแล การจะไปแล่เนื้อเถือหนัง แบบเก็บทุกเม็ดเงินของลูกหนี้มาจ่ายเงินต้นจ่ายดอกเบี้ยโดยไม่รับฟังก็ทำไม่ได้ มันจึงต้องมีการออกแบบมาตรการ ระเบียบ วิธีการที่เหมาะสมกับปัญหาของลูกหนี้ในบัญชีสินเชื่อแต่ละบัญชี หนี้บ้านมันไม่เหมือนหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น หลายเหตุการณ์ที่ผู้เขียนพบว่าตัวลูกหนี้ พยายามทำความเข้าใจกับประกาศทางการที่ออกมากำกับดูแลสถาบันเจ้าหนี้ เพื่อให้เข้าใจว่าเขาจะต้องทำอย่างไร เข้าจึงจะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ การติดอาวุธทางปัญญาให้กับลูกหนี้มันไม่สามารถทำได้โดยให้ลูกหนี้กรอกข้อมูล แล้วส่งข้อมูลต่อ เพราะตัวเจ้าหนี้นั้นมีอำนาจ ข้อมูล ความได้เปรียบตามธรรมชาติและข้อสัญญาอยู่แล้ว ผู้เขียนพูดเสมอว่า เสือไม่มีวันกินเจ ไม่ว่าเสือนั้นจะถูกเลี้ยงมาอย่างไร การกำกับดูแลเสือและตัวลูกหนี้ ไม่ใช่การยืนอยู่ตรงกลางทางกายภาพ อย่างที่เราชอบพูดกันคือพบกันตรงกลาง คือมันไม่ใช่รั้ว ไม่ใช่ถนน ไม่ใช่หน้าบ้าน ข้างบ้าน แต่มันคือการสร้างทางเลือก การช่วยเลือกทางเลือก การช่วยประเมินทางเลือก เพื่อให้ทางเลือกนั้นเป็นทางออก ออกจากปัญหาชีวิต อาจจะออกได้แบบชั่วคราวในสองปีข้างหน้าก็ได้ การยื่นมือ โดยยืนหลักตั้งมั่น ในระยะห่างที่ไม่ใช่ตรงกลางแบบกายภาพ แต่ยืนให้คนที่อ่อนแอกว่าไม่ต้องผวาตายไปตอนสบตาเสือ แต่ให้เขาได้เชื่อมั่นว่าแส้ที่ใช้กำกับเสือนั้นคือแส้ไฟฟ้า ที่มีไฟฟ้าจริง ไม่ติด ๆ ดับ ๆ ช่วยทำให้เสือสงบได้จริง ส่วนมันจะตกลงกันได้แบบไหนอย่างไร ในความเห็นผู้เขียน ทั้งเสือทั้งลูกหนี้และทั้งคนถือแส้ก็รู้ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
อดีตเป็นเหตุ
ปัจจุบันเป็นผล
ปัจจุบันเป็นเหตุ
อนาคตเป็นผล
ขอขอบคุณทุกท่านที่เมตตาติดตามครับ