ลองเสี่ยงใช้วิถี Start up ออกจากคำตอบที่ถูกจากคำถามที่ผิดดีไหม
เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน 2564 ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปนั่งฟังพร้อมจดบันทึกในแวดวงการสนทนาแชร์ความรู้ของ Clubhouse ที่เสวนากันว่า ภาพของอนาคตเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป มีสาระสำคัญที่น่าสนใจหลายประการให้ชวนคิด เช่น
ตอนนี้เราเหมือนอยู่ในอุโมงค์ ก่อนเข้าอุโมงค์เราเป็นนักวิ่ง อุโมงค์ยาวมาก แต่เริ่มมีแสงกระพริบให้เห็นทางออก ตัวเรารักษาทรง รักษาสุขภาพ เติมยาเท่าที่พกมา ระหว่างทางต้องมีการหยุดบ้าง แต่เราก็ยังฝึกกำลังขา กะว่าออกจากอุโมงค์ได้จะวิ่งให้เร็วกว่าใครเพื่อน เราทบทวนบทเรียนว่าด้วยการวิ่งเร็ว วิ่งทน วิ่งให้อึดกว่าใคร แต่แม่เจ้า พอจะมาถึงปากอุโมงค์ มันดันเป็นช่องเปิดของน้ำตก เราต้องกระโดดลงน้ำทันที ต้องว่ายน้ำออกไปเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดนอกอุโมงค์ แต่เราดันคิดขึ้นได้ว่า ว่ายน้ำไม่เป็น ชุดและอุปกรณ์เรื่องว่ายน้ำที่เคยวางแผนมาหลายปีพร้อมแผนการฝึกว่ายน้ำอย่างที่คุยไว้ปากอุโมงค์ตอนเข้ามันเป็นเพียง Plan แล้วนิ่ง No Action Talk Only แล้วเราจะทำอย่างไร คนอายุมากก็บอกว่า กินเสบียงที่เตรียมมาที่ปากอุโมงค์ขาออกก่อนดีกว่า บุญเก่ายังมี คนรุ่นหนุ่มสาวบอก ว่ายไม่เป็น ก็จะไป… เอ้ามาลงคะแนนเสียงเลือกหัวหน้าทีมคนใหม่ที่จะพาคนว่ายน้ำเป็นบ้างไม่เป็นบ้างออกไป เรื่องที่ผู้เขียนพอจะคิดได้ก็ประมาณนี้
แต่สิ่งที่ชอบคือมีวิทยากรท่านหนึ่งได้พูดขึ้นว่า อย่าติดกับคำตอบที่ผิดแต่คิดว่ามันถูกนานเกินไป โลกนี้ไม่มีคำตอบที่อยู่นิ่งอยู่กับที่ตลอด ถ้าเราคิดว่าเรามีคำตอบที่ดีกว่าคนอื่น (โดยเฉพาะมีอีโก้ผสมเข้าไปอีก) เราจะไม่พยายามหาคำตอบใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นจากการฟัง จากการใช้ข้อมูลที่บางครั้งมันไม่เป็นไปอย่างที่เราเคยเทใจเชื่อและทำตามไปแล้ว ตัวอย่างเช่น การแก้ไขให้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ เป็นต้น
ผู้เขียนนั่งดูปลาทองในบ่อหลังจากเคยเลี้ยงปลาคาร์ปแล้วไฟดับ เครื่องพ่นอากาศดับ ผลคือตายยกบ่อ แล้วลองคิดแบบวิถี Start up ว่าถ้าเราจะมาร่วมกันสร้าง Sandbox หรือพื้นที่ปลอดภัยจากการเห็นปัญหาในทุกทางออก มาเป็นการพยายามหาทางออกในทุกปัญหา โดยตั้งโจทย์ว่า เรามาออกแบบใหม่จากปัญหา การมีคำตอบที่คิดว่าถูก (ตลอดอดีตที่ผ่านมา) จากการตั้งคำถามที่อาจจะผิด เช่น จะให้สถาบันการเงินปล่อยสภาพคล่องให้กับ SMEs ในยามที่คิดคำนวณหรือประมาณการรายรับจากการทำธุรกิจไม่ได้ บนเงื่อนไขกติกาที่กลัวผีวิกฤติปี 2540 บวกต้องทำตามมาตรฐานการบัญชีสุดขอบดาวอังคารด้วยเงินกู้ละมุนนุ่ม หรือ Soft loan ดอกเบี้ย แสนถูกได้อย่างไร…
เราลองมาทำอย่างนี้บนพื้นที่ปลอดภัยดีไหม มันจะออกแนวบ้านิด ๆ นะครับ
1. ให้สมาคมตัวแทนลูกหนี้มาทดลองเป็นเจ้าหนี้สถาบันการเงินที่ต้องปฏิบัติตามกฎ กติกา มารยาทของการให้สินเชื่อทั้งเกณฑ์ปกติและเกณฑ์ตามเงื่อนไขเงินกู้ละมุนนุ่ม วิเคราะห์จริง อนุมัติจริง ขอข้อมูลจากลูกค้าที่ยื่นขอสินเชื่อจริง โดยมีคนของธนาคารกลางที่กำกับดูแลมาเป็นที่ปรึกษาในการบอกว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้เท่านั้น แต่คนตัดสินใจคือสมาคมตัวแทนลูกหนี้เท่านั้น
2. สถาบันการเงิน หรือคนของสมาคมสถาบันการเงินตัวจริง เสียงจริง มาทำหน้าที่ เป็นผู้กำหนดกติกา คนคุ้มกฎเกณฑ์การบริหารความเสี่ยง เป็นคนถือกฎเกณฑ์การให้สินเชื่อ ต้องทำหน้าที่บังคับให้คนในข้อ 1 ทำตามเงื่อนไขของกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ คำสั่ง มาตรฐานทางบัญชี อย่างเคร่งครัด ยืดหยุ่นได้ตามเงื่อนไขของเงินกู้ละมุนนุ่มเท่านั้น
3. คนของธนาคารกลางมาทำหน้าที่เป็นตัวแทนลูกหนี้ ตัวแทนจริง เจรจาจริง เป็นพันธมิตรของคนขอกู้จริง เป็นคนร่วมจัดเตรียมเอกสารการยื่นขอกู้ วางแผนร่วมกับลูกหนี้ตัวจริงเพื่อเข้าให้ถึงสินเชื่อ เรียกว่าเป็นทีมเลือดสุพรรณ มาด้วยกัน ตายด้วยกัน คือใช้ตัวชี้วัดแบบ Co-KPIs ในการทำอย่างไรให้เข้าถึงสินเชื่อ
ทีนี้เราก็ไปหาลูกค้า SMEs ตัวจริงตามลักษณะที่เกิดจริงคือ กลุ่มสีเหลือง สีส้ม สีแดงที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 มาสัก 5 กลุ่มธุรกิจ แล้วก็ดำเนินการเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัย ผลออกมาอย่างไรก็อย่างนั้นตามจริง อนุมัติหรือไม่ก็จะมีเหตุผลประกอบแบบมืออาชีพ ถ้าอนุมัติก็ได้เงินจริง ไม่อนุมัติก็กินแห้วกันไป จากนั้นก็เข้าสู่การถอดบทเรียนว่า อะไรคือสิ่งที่ตนคิดผิดไปเมื่อมาทำหน้าที่คนอื่น หรือยังยืนยันความคิดของตนว่าถูกแม้มาทำหน้าที่ของคนอื่น เพราะทุกวันนี้เราทุกคนมักจะคิด-บอกและสรุปในงานของคนอื่นในมุมของเราว่า… ทำไมไม่ทำแบบนี้ล่ะ มันต้องทำแบบนี้สิครับ คิดแบบนี้ได้อย่างไรต้องคิดแบบผมสิ ถ้าผมอยู่ตรงนั้นผมจะทำแบบที่ผมคิดให้คุณดูว่ามันทำได้… การได้ลองเอาใจเราไปเป็นใจเขา เอาตัวเราไปเป็นตัวเขา แบบทำจริง ชกจริง เจ็บจริง ได้จริง ไม่ได้จริง ๆ มันถึงจะเห็นทางออกในทุกปัญหาหรือไม่
แนวคิดของ Start up ที่พยายามหาคำตอบด้วยเทคนิค การมีพื้นที่ปลอดภัยในการปฏิบัติงานจริงหรือคือ Sandbox ที่เปลี่ยนได้ถ้าไม่ใช่ ไม่มีใครต้องเสียหน้ากับคำตอบที่อาจจะถูกและตนเองยืนยันมาตลอดกับการตั้งคำถามที่มันดันผิด ผิดที่ผิดทาง ผิดเวลา และพื้นที่ทางธุรกิจ มันไม่ได้เป็นเรื่องยาก ข้อมูลก็มีแล้ว รายงานเครดิตบูโรก็มีแล้ว ข้อมูลทางเลือกก็หาให้ได้ เหลือแต่แปลงกลับสลับร่าง สวมหมวกของเพื่อนในระบบนิเวศน์เดียวกันเท่านั้นเอง อย่างน้อยเวลาจะชี้นิ้วให้คนอื่นทำในสิ่งที่ตนเองคิดและนำเสนอมันจะได้มีการคิดอีกรอบ คิดดี ๆ อีกรอบ คิดให้ดี ๆ อีกรอบ เพราะเวลานี้ไม่มีทางแล้วที่เราจะได้คำตอบที่ต่างออกไปจากการทำแบบเดิม แบบเดิม แล้วก็แบบเดิมบนการสะกดจิตตัวเองว่ามันเป็นแบบใหม่
ขอบคุณมากครับที่ติดตาม