เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : “เงินกู้ละมุนนุ่มสำหรับ​ Non bank มุมมอง​ ข่าวสาร​ และความคิด​เห็น” www.posttoday.com วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563

เงินกู้ละมุนนุ่มสำหรับ​ Non bank มุมมองข่าวสารและความคิดเห็น

เมื่อได้เห็นข่าวครั้งแรกของการที่สถาบันการเงินภาครัฐได้ระบุว่าจะมีการจัดสรรเงินกู้ละมุนนุ่มหรือ​ Soft​ loan ให้กับสถาบันการเงินที่มิใช่ธนาคารหรือ​ Non bank คนที่รับรู้โดยทั่วไปก็จะคิดว่ามันคือการส่งผ่านการปล่อยกู้ต่อมาให้กับลูกค้าแต่พอข่าวสารขยายไปว่า​ Non​ bank รับมา​ 2% แล้วปล่อยต่อ​ 12% ในปีแรก​ 24%ในปีที่สองและ​ 36%ในปีที่สามโดยมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยในปีแรก​ 3-6เดือนสังคมที่รับข่าวแล้วอาจไม่กรองก็เกิดความไม่สบายใจทันที

ต่อมานายกสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ (VTLA) ทำหนังสือชี้แจงสื่อหนังสือพิมพ์ว่า เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำพิเศษหรือ​ Soft​ loan​ ที่ Non bank จะได้รับจัดสรรมา
1.
ไม่ได้มีไว้เพื่อให้ไปปล่อยกู้ต่อ
2.
การจะเบิกเงินได้นั้น สถาบันการเงินจะต้องช่วยเหลือลูกหนี้มากกว่ามาตรการขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย(แบงก์ชาติ)
3.
จะมีการจำกัดวงเงิน ซึ่งอาจมีมูลค่าน้อยกว่าที่ผู้ประกอบการได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้จริง
4.
เงินกู้ดังกล่าวจะสามารถนำไปช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบในการปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมต่อไปในอนาคต

แล้วเงินกู้ละมุนนุ่ม (ภาษาผู้เขียน)​ ครั้งนี้มันทำหน้าที่อะไรก็พบว่า
1.
เงินกู้ก้อนนี้เอามาช่วย​ Non​ bank เอาไปจ่ายเจ้าหนี้ของตนเองเอาไปจ่ายหนี้ตามตราสารที่ตนเองออกไประดมเงินมาเอาไปจ่ายเงินเดือนพนักงานเหตุเพราะถ้า​ Non​ bank ยอมให้ลูกหนี้ตน/ลูกค้าพักชำระหนี้แขวนต้นแขวนดอกกระแสเงินที่รับเข้ามาเพื่อนำไปบริหารและส่งต่อให้กับเจ้าหนี้ของ​ Non​ bank, เจ้าหนี้ตราสารก็จะไม่สะดุด
2.
ลูกค้าของ Non​ bank เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากฝั่งธนาคารพาณิชย์แล้วแต่ไม่ได้รับจากทางฝั่งนี้ก็อาจจะร้องเรียนได้เพราะยังต้องชำระต้นเงินและดอกเบี้ยในยามที่รายได้ลดรายได้หายไม่มีรายได้มาจ่ายเป็นต้น
3.
จำนวนเงินที่​ Non​ bank เลื่อนการรับชำระหนี้ออกไป เช่นแขวนเงินต้นแขวนดอกเบี้ย 3เดือนหรือลดยอดการส่งค่างวดลงมามันมีมาตรฐานขั้นต่ำที่ทางแบงก์ชาติกำหนดไว้แล้วการคำนวณตัวเลขก็ไม่ยากการใส่เงินกู้ละมุนนุ่มก็จะสอดคล้องต้องกันคือน่าจะหลอกตัวเลขกันไม่ได้

4. ข้อจำกัดทางธรรมชาติของ​ Non bank คือจะรับฝากเงินไม่ได้ ต้องระดมเงินผ่านการกู้ยืมเงินจากธนาคาร หรือออกตราสารหนี้ เพื่อนำไปปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าต่อ เมื่อลูกค้านำค่าผ่อนตามงวดมาชำระตัว​ Non​ bank ก็จะรวบรวมเงินดังกล่าวไปชำระคืนแก่เจ้าหนี้ อันนี้คือหลักการบริหารเงินของเขาดังนั้นถ้าช่วยลูกค้าตัวเองแขวนหนี้ชะลอการรับชำระหนี้ตัวเองก็ต้องมีกระแสเงินรับเข้ามาอุดช่องว่างของเวลาตามจำนวนความช่วยเหลือ

5. ลูกค้าของ Non bank มักจะเป็นลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ได้อย่างเต็มที่ และNon bank เป็นตัวเลือกของผู้ให้บริการทางการเงินที่ได้รับการกำกับดูแลจากภาครัฐ ดีกว่าการไปขอกู้นอกระบบจึงจำเป็นที่ต้องไม่ปล่อยให้สถาบันเหล่านี้เกิดมีปัญหาสภาพคล่องแล้วลุกลามไปยังเจ้าหนี้คือธนาคารพาณิชย์และผู้ถือตราสารหนี้อันเป็นเรื่องอันตรายต่อระบบ
ส่วนการที่เจ้าใดจะได้เงินกู้ละมุนนุ่มด้วยเงื่อนไขแก่อ่อนประการใดก็เป็นเรื่องของการเจรจาว่าความกันไป

ผู้เขียนเพียงมีประเด็นเดียวว่าควรถือเอาโอกาสนี้จัดระเบียบเรื่องมาตรการให้ความช่วยเหลือสำหรับคนกลุ่มฐานรากอย่างเบ็ดเสร็จดีหรือไม่ เช่น
1.
การลดดอกเบี้ยเงินกู้เก่าและที่จะให้ใหม่ลงมาในช่วงปี​ 2563​-2564 เป็น​ Promotion ไทยช่วยไทยให้ไทยรอดเพื่อไทยชนะ
2.
การคิดดอกเบี้ยปรับกรณีผิดนัดชำระไม่ควรจะสูงจนทำให้เกิดความท้อใจที่จะจ่ายชนิดท่วมเงินต้น
3.
ในระหว่างการให้ความช่วยเหลือถ้ามีลูกค้ารายใดยังรักษาการชำระตามเงื่อนไขเดิมควรเอาเงินทั้งก้อนนั้นมาตัดเงินต้นทั้งหมดเพื่อลดภาระหนี้หลังจากพ้นช่วงช่วยเหลือแล้วลูกหนี้จะตัวเบาจากภาระหนี้มากขึ้น
4.
ควรมีการให้​ Cash back ในจำนวนหนึ่งหรือไม่สำหรับลูกค้าในข้อ​ 3 ข้างต้นเพื่อให้เห็นว่าคนทำดีทำตามสัญญาก็จะได้รับอะไรที่มากกว่าความช่วยเหลือตามมาตรฐานครับ

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เห็นข่าวตอนแรกแล้วก็ตกใจว่าทำไมจึงเป็นแบบนั้นแต่พออ่านข่าวหนังสือที่นายกสมาคมฯ ชี้แจงก็เข้าใจได้และอยากส่งต่อความเข้าใจที่ถูกที่ควรมายังทุกท่านที่อ่านนะครับอาจเห็นแย้งเห็นต่างก็ว่ากันตามเหตุตามผลได้นะครับ
ขอบคุณมากครับ