เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : ถึงไม่มีเรา​ เขาก็ทำได้​ ต้องเชื่อแบบนั้นทุกสิ่งอย่างจะเดินไปได้ : วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2563

ถึงไม่มีเรา​ เขาก็ทำได้​ ต้องเชื่อแบบนั้นทุกสิ่งอย่างจะเดินไปได้

ข้อเขียนวันนี้จะอยู่ในช่วงเวลาการเกษียณ​อายุการทำงานของผู้คน​ โดยเฉพาะท่านใดก็ตามที่ทำหน้าที่ในระบบราชการ​ ในวันที่​ 30 กันยายน คนเก่าจบการทำงานในตำแหน่งที่นั่งอยู่​ 1 ตุลาคม​ คนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน​ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผู้เขียนเคารพนับถือ​ท่านบอกว่า​
1.ท่านจะไม่มีการฝากงานเก่าให้คนใหม่แบบที่ชอบพูดกันว่า​ ขอฝากเรื่อง… ให้ดำเนินการต่อถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์​ เพราะท่านคิดว่า​ คนใหม่ที่จะมาเขาจะคิดได้เอง​ เขามีศักยภาพ​แน่ๆ เขาถึงได้มาทำแทนเรา เขามีความรับผิดรับชอบกับสิ่งที่เขาจะทำ​เต็มที่​ เราจบแล้วในบทบาทของเรา​ การที่จะไปบอกว่า​… อยากจะขอฝากเรื่อง… หรือบอกว่าได้วางรากฐานไว้ให้แล้ว… หรือบอกว่ายังมีความท้าทายอะไรที่จะต้องทำต่อไปคือ… ท่านผู้ใหญ่ที่ให้ข้อคิดผมบอกว่า​ ต้องให้คนใหม่เขาคิดเอง​ ถ้าเขาไม่ถาม​ เราก็ไม่ควรไปพูดอะไร​ ไม่มีใครอยากย่ำรอยเท้าใคร​ ทุกๆ คนเขามีทางมีรอยเท้าของตนเอง​ เหตุเพราะตัวเรารู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราทำผ่านมาภายใต้อำนาจเรานั้นมันจะดีที่สุดในอนาคตในระยะต่อไป​ สถานการณ์​มันแปรเปลี่ยนไปเสมอในโลกที่ไม่แน่นอน

2.คำกล่าวลาที่ท่านผู้ใหญ่ได้เล่าให้ฟังเวลาท่านขึ้นเวทีการให้เกียรติ​ ท่านจะพูดว่า​… ภูมิใจที่ได้ทำงานในตำแหน่งแห่งที่ตรงนี้​ และดีใจที่ได้ลุกไปจากที่ตรงนี้​ ไม่มีอะไรจะฝากให้คิดให้ทำต่อ​ ขอให้ไปคิดเอาเองนะ…

3.ต่อคำถามที่ว่า​ แล้วจะไปทำอะไรต่อหลังเกษียณ​ ท่านให้ข้อคิดดังนี้
3.1​ นอนให้มากหลังเกษียณ​โดยไม่ต้องตั้งเวลาปลุกอีกต่อไปแล้ว
3.2​ ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าทานเองง่ายๆ​ เน้นสุขภาพ​ จะระลึกได้ว่าตัวเรายิ่งใหญ่แค่ไหนก็กินได้แค่นี้แหล่ะ
3.3 ออกกำลังกาย​ จะเดิน / วิ่งบนลู่วิ่ง​ เดิน / วิ่งในหมู่บ้าน​ เดิน /วิ่ง ในสวนสาธารณะ​ให้เป็นประจำ​ เป็นนิสัยใหม่​ เป็น​ next normal ของชีวิต ที่สำคัญมากๆคือใส่หน้ากากเสมอ​ ล้างมือบ่อยๆ​ การ์ด​ห้ามตก​
3.4​ ไม่ต้องออกความเห็นในเรื่องงานที่เราเคยทำ​ อยู่เงียบๆ​ ถ้าไม่มีใครถามหรือแม้มีใครถามก็ควรบอกว่า​ ให้คนที่ดูแลในปัจจุบันเขาตอบดีกว่า​ เราหมดหน้าที่แล้ว​ ไม่มีข้อมูล​อัปเดตมากพอที่จะตอบคำถามในสิ่งที่เคยมีบทบาทในการทำงานนั้นเหตุเพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลา​ ที่สำคัญอย่าไปทะเยอทะยาน​ว่า​ สิ่งที่เราได้เคยทำมามันจะต้องให้เราไปต่อในงานการเป็นที่ปรึกษา​บ้างล่ะ​ กรรมการบ้างล่ะ​ ผู้ทรงคุณวุฒิ​บ้างล่ะ​ ถ้าไม่มีองค์กร​ใดเชิญมาด้วยความเต็มใจ​แบบตรงไปตรงมา ก็ไม่ต้องไปวิ่งไปหาใครต่อใคร​ ให้บอก​ ให้สั่ง​ ให้ขอกับองค์กร​ใดๆ มาตั้งให้ตัวเราเข้าไปเป็นโน่นนี่​ เพราะแท้จริงแล้วมันเกิดจากเราอยาก​ไป ไม่ใช่ทางเขาที่จะรับเราอยากให้มา​ เรื่องแบบนี้มันต้องคิดได้เอง​ ยิ่งประเภทต้องเดินตามธรรมเนียมปฏิบัติ​ที่วางไว้ทั้งที่เป็นแบบอย่างที่ควรยุบเลิก คิดนิดนึงว่ามันงดงามตามสายตาชาวบ้านหรือไม่​ เหมาะควรแก่กาละและเทศะหรือไม่​
3.5 กลับไปดูแลพระที่บ้านหากท่านยังอยู่กับเรา​ ดูแลอาหารการกิน​ ดูแลสุขภาพกาย/ใจของท่านเหล่านั้น​ พระที่บ้านหมายถึงทุกท่านไม่ใช่แต่เพียงพ่อแม่​ ญาติผู้ใหญ่​ แต่หมายรวมถึงทุกๆคนที่มีส่วนในการดูแลตัวของเราในช่วงเวลาที่เราทำงานในตำแหน่งหน้าที่นั้นๆ​

ทุกสิ่งที่ผ่านมาล้วนดีทั้งสิ้น
ทุกสิ่งล้วน​ เกิดขึ้น​ ตั้งอยู่​ เสื่อมลง​ ดับไป
มีลาภก็เสื่อมลาภ​ มียศย่อมเสื่อมยศ
คนจะรู้จักเราเมื่อเรามีตำแหน่ง​ แต่ตัวเราจะรู้จักคนเมื่อเราไม่มีตำแหน่ง
จะเห็นเพื่อนแท้ในยามยาก​ ก็ไอ้ตรงช่วงที่มีความลำบากหลังเกษียณ​นี่แหละ
ต้องเตรียมกายและเตรียมใจกับการล้มหายตายจาก​ เพราะงานที่จะไปพบสังสรรค์​ต่อไปนี้คืองานแต่งของลูกหลาน​ และงานศพของเพื่อนฝูง / งานศพของบุพการีหรือผู้ใหญ่ที่เรารู้จักมักคุ้น​ เพื่อให้เกิดความคุ้นชินหรือซ้อมเอาไว้ก่อนสำหรับตัวเองเมื่อเวลามันจะมาถึง

ได้อ่านและเห็นใครต่อใครส่งข้อความนี้ผ่านไลน์มา​ เห็นว่าน่าจะส่งต่อได้​ เลยขอนำมาลงในข้อเขียนวันนี้​ และขอขอบคุณ​ท่านที่คิดข้อความนี้​ ไว้ในโอกาสนี้ด้วยนะครับ​ ข้อความมีอยู่​ว่า

หัวโขน
หัวเอย..หัวโขน
มีทั้งหัว นี่นั่นโน่น หลากหลายหน้า
ทั้งหัวลิง หัวยักษ์ หัวเทวดา
อีกหัวอื่น นับนานา มาเรียงราย

บางคนใส่ นานไป ก็คุ้นชิน
ยามหัวโขน ผกผิน บินวับหาย
มักเกิดทุกข์ ซึมเศร้า เหงาเดียวดาย
ดุจหัวตน ขาดหาย ไปกระนั้น

ในชีวิตที่เหลืออยู่​หลังเกษียณ​ขอจงตั้งมั่นในจินตนาการที่จะดำรงตนต่อไปคือ

.. จะดูแลตัวเอง​ ไม่ให้เป็นภาระลูกหลาน
และจะดูแล​ ลูกหลาน​ ไม่ให้เป็นภาระต่อสังคม…

อัน “ความสุข” เหนืออื่นใดกว่า”ความสงบ” นั้นไม่มี

ยินดีกับทุกๆ ท่านที่เป็นคนวัยเกษียณ​นะครับ