คอลัมน์เศรษฐกิจคิดง่ายๆ : “เท่าทันความคิด เมื่อมีใครบอกเรา เรื่องเทคโนโลยี” : วันจันทร์ที่ 17 กันยายน 2561

คอลัมน์ เศรษฐกิจคิดง่ายๆ

“เท่าทันความคิด เมื่อมีใครบอกเรา เรื่องเทคโนโลยี”

นสพ.โพสต์ทูเดย์ วันจันทร์ที่ 17 กันยายน 2561

ในช่วงเวลานี้ เราๆ ท่านๆ จะเริ่มได้ยิน  เริ่มคุ้นชินกับการออกมาให้ข้อมูลข่าวสารของบรรดานักการเมืองที่ตลอดในช่วง 4 ปีของความสงบเรียบร้อย ถึงเรียบร้อยมาก ในช่วงเวลาที่พวกเขาเหล่านั้น “แกล้งตาย” เพื่อรอวันออกมาพูดจา ก็เป็นเวลาที่ต้นทุนของเทคโนโลยีที่มีราคาลดต่ำลง อย่างต่อเนื่อง มันทำให้เราสามารถคาดการณ์อนาคตได้บ้างว่าภาพอนาคตจะเกิดประมาณไหน ความก้าวหน้าได้ทำให้ทุกๆ คนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวทางด้านเศรษฐกิจมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาเพื่อใช้เป็นพลังงานไฟฟ้า  บางครั้ง คิดกันยาวไกลว่าจะเอาพลังงานที่ได้มาขายกันเองแบบ Peer to Peer โดยไม่ผ่านรัฐ  มีการระบุถึงเทคโนโลยี เซ็นเซอร์ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ และการเรียนรู้ของเครื่องจักร หุ่นยนต์ เครื่องพิมพ์สามมิติ และอื่นๆ อีกหลายอย่าง บทความหลายแห่งต่างระบุถึงขั้นว่า
“เทคโนโลยีเหล่านี้กำลังจะ เข้ามาพลิกโฉมและลบล้างระบบสาธารณูปโภคด้านพลังงานและการขนส่งที่เป็นอยู่ในวันนี้ นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงทางด้านพลังงาน แต่เป็นการพลิกโฉมที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีและเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับรัฐบาลของประเทศต่างๆ และไม่ใช่สิ่งที่ เกิดขึ้นโดยรัฐบาล” เพื่อนผมที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ ในระบบทุนนิยม ปลีกตัวเองไปอยู่ป่าเขา ทำงานกับชาวบ้าน ทำงานด้านเกษตร ฟัง คิด อ่าน เขียนถามแบบเข้าใจเข้าถึงแล้วจึงพัฒนาไปกับคนในชนบท
ให้ข้อคิดคนเมืองอย่างเราๆ ที่มักหลงไปกับความเจริญจนผมต้องขอนำมานำเสนอดังนี้ครับ
1.หากทุกครัวเรือนผลิตพลังงานใช้เองได้ การพึ่งพารัฐน้อยลง เราติดต่อกันเองได้โดยตรง รัฐจะหา รายได้จากที่ใดในการพัฒนาระบบพื้นฐานให้ใช้ จะพึ่งพาเอกชนลงทุนก็ต้องเจอระบบผูกขาดเหมือนการผลิตไข่ ผลิตไก่ของทุนยักษ์ใหญ่
2.เทคโนโลยีไม่สามารถแยกสุจริตชนออกจากทุจริตชนษซ้ำร้ายจะทำให้คนไม่ดีมีพลังมากขึ้นหรือไม่
3.บิตคอยน์ในวันนี้ไม่ต่างจากการเล่น “ทองกระดาษ” เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ในที่สุดคนโกงก็จะรวยที่สุดษ
4.การกลับสู่ธรรมชาติโดยพึ่งพาเทคโนโลยีเท่าที่จำเป็นเท่านั้น จึงจะทำให้เราอยู่รอดได้ในอนาคตที่แท้จริง
“เราคงไม่อิ่มท้อง เราคงไม่มีอากาศบริสุทธิ์หายใจเพราะโลกดิจิทัล… หากเทคโนโลยีทันสมัยจริงขนาดรักษาคนไข้ได้โดยไม่ต้องไปโรงพยาบาล แล้วทำไมไม่มีใครคิดรักษาชั้นบรรยากาศที่มีช่องโหว่จากภาวะเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนษ
มนุษย์กำลังฝันและพัฒนาเพื่อทำลายตัวเอง ทำลายธรรมชาติ… ในที่สุดหุ่นยนต์ต่างหากที่จะครองโลก”
ผมยังจำใส่ใจจนถึงทุกวันนี้ว่า”เงินทองนั้นมายา  ข้าวปลาสิของจริง”
รัฐบาลของประเทศที่ผลักดันเรื่องภาคเศรษฐกิจจริงสนใจในเรื่องปากท้อง ของประชาชน ทำให้ผู้คน กินอิ่ม  นอนหลับ  ปลอดภัยในชีวิต น้ำไหล  ไฟสว่าง  มีงานทำ  สวนทางกับการพลิกโฉมทางเทคโนโลยีในครั้งนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้นำของการ
Disruption ที่แท้จริงใช่หรือไม่ และใครก็ตามที่พาผู้คนให้ฝันไปกับความเจริญทางเทคโนโลยีแบบเป็นทาสมันแบบสุดกู่ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทำให้พลเมืองจนลง และเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ พวกเขาก็จะหาข้อแก้ตัวสารพัด
อย่างที่เคยทำมาโดยตลอดเช่นในอดีต ที่สร้างความกลัว ความไม่แน่ใจ และความสับสน ให้กับประชาชนในท้ายที่สุด