สำรวจภาระหนี้ให้พร้อม ถ้าไม่อยากแบกหนี้ก้อนโตไปถึงอนาคต
ปลดหนี้ให้หมดไว ต้องสำรวจอะไร และทำยังไงบ้าง?
ปัญหาเบสิกสำหรับคนที่มีภาระหนี้จำนวนมากคือไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเริ่มจ่ายหนี้ไหนก่อน หรือต้องมีวิธีการจัดการหนี้อย่างไร หนักกว่าคือไม่รู้แม้แต่ว่าเรากำลังมีหนี้อะไรอยู่บ้าง และหนักที่สุดคือยังมองไม่เห็นปัญหาของตัวเองว่าที่รายรับสวนทางกับรายจ่ายเป็นเพราะภาระหนี้ และวินัยทางการเงินของตัวเอง
ฉะนั้นเพื่อให้รู้ถึงสถานการณ์การเงินของตัวเอง มาลองสำรวจกันว่าในตอนนี้เราเริ่มเข้าสู่ภาวะเป็นหนี้แล้วหรือยัง
อาการแบบไหนที่บ่งบอกว่ากำลังเข้าสู่ภาวะเป็นหนี้
– ใช้เงินเกินตัว
คนที่ใช้เงินสวนทางกับรายรับของตัวเอง ไม่มีวินัยทางการเงิน การวางแผนการเงินอย่างสม่ำเสมอ และไม่มีเงินออมเพื่อใช้สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
– จ่ายขั้นต่ำ
จากเดิมที่เคยจ่ายเต็มเป็นปกติ แต่เวลาผ่านไปเริ่มจ่ายขั้นต่ำทุกเดือน เพราะรู้สึกว่าภาระค่าใช้จ่ายที่มีเริ่มเยอะเกินไปทำให้ยากให้การบริหารจัดการการเงินของตัวเอง
– จ่ายหนี้ช้า
ขั้นกว่าของการจ่ายขั้นต่ำ คือการชำระหนี้ล่าช้ากว่าระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากภาระหนี้สูงเกินไป หรือรายรับที่เคยมีไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ แบบนี้ถือว่าเข้าข่ายอันตรายได้
– ยอดหนี้ไม่ลด
เคยรู้สึกไหมว่าจ่ายหนี้ไปแต่ละครั้งทำไม ยอดหนี้ไม่ลดลงสักที นั่นอาจเป็นเพราะว่าเราได้ก่อหนี้ใหม่ขึ้น หรือไม่ดอกเบี้ยทบต้นที่เป็นผลจากการที่เราจ่ายหนี้ขั้นต่ำ จ่ายหนี้ล่าช้า ทำให้พอกพูนจำนวนหนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
– หยิบยืมเงินจากผู้อื่น
หากถึงขั้นที่ต้องหยิบยืมเงินจากผู้อื่นมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แสดงว่าแผนการเงินของเราเข้าสู่วิกฤติขั้นสูงสุด เพราะไม่สามารถจัดการรายรับของเราให้ใช้จ่ายได้เพียงพออีกต่อไป
เมื่อรู้อาการที่เข้าข่ายคนที่กำลังเป็นหนี้แล้ว ต่อไปเราต้องมาสำรวจภาระหนี้ของตัวเองกันต่อว่า เรามีภาระหนี้อะไรบ้าง หรือเรามีสินทรัพย์อะไรที่จะสามารถนำไปแบ่งเบาภาระหนี้ได้บ้าง มาลองประเมิน และสำรวจไปพร้อม ๆ กัน
สำรวจภาระหนี้ ต้องดูอะไรบ้าง
– เช็กหลักทรัพย์ที่มี
เช่น เงินสด บัญชีเงินฝาก บ้าน ที่ดิน หรือสินทรัพย์ที่บ่งบอกว่าเราเป็นเจ้าของ
– รู้จักประเภทหนี้
เหตุผลที่เราควรรู้จักประเภทหนี้ เพราะจะได้จัดหมวดหมู่ได้ง่ายมากขึ้น โดยการจัดหมวดหมู่ไม่ใช่แค่หนี้ดีหรือหนี้ไม่ดี แต่ต้องแยกว่าเป็นประเภทหนี้ของอะไร เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด หนี้นอกระบบ หนี้ที่อยู่อาศัย
ตัวอย่าง
นายออมเงิน มีหนี้บัตรเครดิต 3 ใบ หนี้บัตรกดเงินสด 2 ใบ หนี้ที่อยู่อาศัยก็คือบ้านที่เหลือระยะเวลาผ่อนอีก 20 ปี โดยสามารถแยกออกได้ดังนี้
หนี้บัตรเครดิต
– บัตรใบที่ 1 มีจำนวน 20,000 บาท
– บัตรใบที่ 2 มีจำนวน 15,000 บาท
– บัตรใบที่ 3 มีจำนวน 12,000 บาท
หนี้บัตรกดเงินสด
– บัตรใบที่ 1 มีจำนวน 10,000 บาท
– บัตรใบที่ 2 มีจำนวน 18,000 บาท
หนี้ที่อยู่อาศัย
– บ้าน 1 หลัง ราคา 1,200,000 บาท
รวมหนี้สินทั้งหมด 1,275,000 บาท
แต่หนี้ที่อยู่อาศัยนับเป็นหนี้ดี หมายความว่าหนี้ไม่ดีของนายออมเงินจะอยู่ที่ 75,000 บาท
– แบ่งว่าเป็นหนี้ระยะสั้น หรือหนี้ระยะยาว
– หนี้ระยะสั้นคือ หนี้ที่สามารถจัดการได้โดยเร็ว หรือเป็นหนี้ที่ไม่ได้มียอดคงค้างมาก
– หนี้ระยะยาวคือหนี้ที่มียอดอยู่จำนวนมาก และต้องใช้ระยะเวลาในการเคลียร์หนี้ให้จบ
– ประเมินความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือน
การสำรวจภาระหนี้ที่มี เราต้องประมาณความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มเข้าไปด้วย เพื่อที่จะได้รู้ว่า หนี้ก้อนไหนที่เราสามารถจัดการได้แบบเร็วที่สุด หรือเราจะต้องมีการจัดการอย่างไรให้ ไม่ส่งผลเสียต่อตัวเราในอนาคต
เมื่อเราสำรวจภาระหนี้ และเช็กลิสต์หนี้ที่มีของเราเรียบร้อยแล้ว เราก็มาไล่ลำดับดูกันต่อว่า หนี้อะไรที่เราสามารถชำระหมดได้โดยเร็วที่สุด โดยประเมินจากสินทรัพย์ หนี้แต่ละระยะ และความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ทั้งหมด
แต่สำหรับใครที่ยังมองไม่เห็นทางออกของการปลดหนี้ครั้งนี้ ก็มาลองดูแนวทางการชำระหนี้ที่อาจช่วยปลดหนี้ได้เร็วขึ้นกัน
– หยุดก่อหนี้เพิ่ม
ตั้งเป้าหมาย สร้างวินัยทางการเงินใหม่ ไม่ก่อหนี้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม เพื่อไม่ให้ภาระหนี้ที่มีก่อนหน้านี้เพิ่มขึ้น
– จัดลำดับหนี้
การจัดลำดับหนี้สามารถทำได้หลายแบบ แต่แบบหลัก ๆ ที่แนะนำมีอยู่ 2 วิธี คือจัดลำดับหนี้ที่น้อยที่สุดไปถึงหนี้ที่มากที่สุด เพื่อที่เคลียร์ภาระห
– ขายสินทรัพย์เพื่อจ่ายหนี้
นับเป็นอีกวิธีที่จะสามารถจัดการภาระหนี้ให้หมดได้อย่างรวดเร็ว แต่เราก็ต้องเช็กสินทรัพย์ที่มีว่า อะไรที่เราจะสามารถนำออกไปขายได้ เพื่อช่วยให้ภาระหนี้ลดลง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแนวทางหนึ่งที่จะช่วยสำรวจภาระหนี้ของตัวเราเอง เพื่อให้ปลดหนี้ได้อย่างโดยเร็ว แต่สิ่งสำคัญที่หนีไม่พ้น ก็คือการมีวินัยกับตัวเองโดยเฉพาะในเรื่องของการเงิน เพื่อที่ในอนาคตเราจะได้ใช้จ่าย และมีความสุขกับการใช้ชีวิต