ตั้งเป้าหมายการออมเงินแบบสมาร์ท ๆ ฉลาดออม ฉลาดใช้

ในการลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องมีการวางเป้าหมาย เพราะการวางเป้าหมายเป็นใบเบิกทางหรือวิธีการสำคัญที่จะทำให้เรามุ่งหน้าไปสู่ความสำเร็จ ในบทความนี้จะพูดถึงหลักการตั้งเป้าหมายแบบ SMART ซึ่งถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายให้กับธุรกิจ เป้าหมายทางการตลาด หรือแม้แต่การออมเงินก็สามารถนำมาปรับใช้ทำให้เรามีเป้าหมายทางการเงินที่ดีได้เช่นกัน

เริ่มต้น SMART ด้วยการฉลาดตั้งเป้า

ความหมายตรงตัวของคำว่า “SMART” แปลว่า “ฉลาด” ซึ่งการนำเป้าหมายแบบ SMART มาใช้สำหรับการออมเงินนั้น จะช่วยให้สามารถออมเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะสำหรับบางคนที่มีความตั้งใจว่าจะออมเงิน แต่ออมเงินไปแบบไม่มีเป้าหมาย ออมเงินโดยที่ไม่กำหนดระยะเวลาที่แน่ชัด เหตุนี้ก็อาจจะทำให้การออมเงินของคุณนั้นไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นมาดูกันว่าการออมเงินแบบ SMART จะเป็นอย่างไร และมีความหมายสำคัญอะไรแฝงในแต่ละตัวอักษร เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ในการออมเงินของเราให้สำเร็จได้ค่ะ

S – Specific (เจาะจง)

มีความชัดเจน กำหนดให้แน่นอนว่าเราจะออมเงิน เพื่ออะไร นำเงินส่วนนี้ไปใช้ทำอะไร เช่น เก็บเงินเพื่อแต่งงาน เก็บเงินเพื่อซื้อบ้าน เป็นต้น

M – Measurable (วัดผลได้)

เราจะไม่สามารถทราบได้เลยว่ามันจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ หากขาดการวัดผล ดังนั้นเป้าหมายที่ดีควรตั้งให้วัดผลได้ ในเรื่องการออมเงินนั้นเครื่องมือในการวัดผลคือ “ตัวเลขหรือจำนวนเงิน” เช่น จำนวน 100,000 บาท หรือ 20% ของรายได้ทุุกเดือน เป็นต้น

A – Achievable (ทำสำเร็จได้)

เป้าหมายที่ดีควรทำให้สำเร็จได้ และเราต้องรู้วิธีการที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จด้วย เช่น หากเราต้องการเก็บเงินให้ได้ตามเป้า สิ่งที่เราต้องทำคือ การอดออม หรือหารายได้เสริม เป็นต้น

R – Realistic (เป็นไปได้)

มีความเป็นไปได้จริง ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน ล่องลอย สิ่งสำคัญคือ ความสมเหตุสมผลค่ะ

T – Timely (มีเวลาที่แน่นอน)

เราควรกำหนดเวลาให้แน่นอน ควรเร่งมือทำให้สำเร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่มีการกำหนดเวลาที่แน่นอนนั้น ต่อให้เอื้อมมือเท่าไหร่เป้าหมายก็ยังคงมาไม่ถึง

เป้าหมายแบบไหน เรียกว่า “S M A R T”

“ฉันจะเก็บเงินให้ได้ในเดือนนี้” 

เป็นเป้าหมายที่ไม่มีความชัดเจน ไม่สามารถวัดผลได้

“ฉันมีรายได้ 20,000 บาท และปีหน้าฉันจะซื้อรถสปอร์ตคันหรู หลายสิบล้าน”

เป็นเป้าหมายที่มีการกำหนดเวลาแน่ชัด แต่ความเป็นไปได้แทบไม่มี

“ฉันจะเก็บเงิน 10% ของรายได้ทุกเดือน ในระยะเวลา 1 ปี เพื่อเป็นเงินออมสำหรับเป็นทุนเรียนต่อ

เป็นเป้าหมายที่มีเป้าหมายชัด กำหนดเวลาชัด วัดผลได้ ที่สำคัญมีความเป็นไปได้

ประโยชน์ของการมีเป้าหมายตั้งเป้าหมายการออมเงินแบบสมาร์ท
– สามารถสร้างขอบเขตและมีความชัดเจนในการออมเงิน
– สามารถวัดผลได้ ว่าออมเงินได้ตามที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่?
– มีระยะเวลากำหนดชัดเจน สร้างแรงกระตุ้นให้เก็บเงินได้ดีขึ้น

การตั้งเป้าหมายที่ฉลาดนั้น ควรมีครบทุกหลัก SMART ที่กล่าวไปข้างต้น อ่านครบจบแล้ว อย่าลืมหยิบปากกาขึ้นมาเขียน หรือมือถือขึ้นมาโน๊ตไว้ว่า เป้าหมายการออมเงินแสนสมาร์ทของคุณเป็นแบบไหน? และควรรักษาวินัยในการออมเงิน ควบคุมให้ดีหลีกเลี่ยงการสร้างหนี้สิน แค่นี้ก็สามารถออมเงินให้ประสบความสำเร็จได้แล้วค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย
https://www.1213.or.th/Documents/booklet/FCCBooklet03.pdf