รู้ทันก่อนล้ม! ข้อควรระวังในการเป็นเจ้าของบัตรเครดิต

บัตรเครดิต ช่วยให้เราใช้จ่ายได้สะดวกคล่องมือ แต่ถ้าสะดวกมากไป ก็อาจทำให้บางคนเผลอจ่ายเกินตัวไปได้ง่าย ๆ รู้ตัวอีกที อาจมีหนี้ท่วมถึงหัวจนรับผิดชอบไม่ไหว แถมประวัติเครดิตยังเสียหายอีกด้วย โดยเฉพาะข้อควรระวังยิบย่อยเหล่านี้ ที่หลายคนอาจยังไม่รู้ รีบดูก่อนพลาดท่า

• จ่ายหนี้ล่าช้า มีผลกว่าที่คิด
“มีหนี้ต้องใช้คืน” เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว รวมถึงหนี้บัตรเครดิตก็เช่นกัน แต่ที่ต้องเพิ่มเติมมาคือ “ความตรงต่อเวลา” เพราะการจ่ายบิลบัตรเดรดิตล่าช้าไปเพียงไม่กี่เดือน ไม่ว่าจะเพราะลืม หรือเงินฝืดก็ตาม อาจส่งผลให้ยอดหนี้พอกพูนขึ้นเพราะดอกเบี้ย ถูกติดตามทวงหนี้สิน แถมประวัติค้างชำระนี้ยังอาจถูกบันทึกไว้ในข้อมูลเครดิตของเราอีกด้วย ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคในการยื่นขอสินเชื่อในอนาคตได้

• กดเอาเงินสด ห้ามทำถ้าไม่จำเป็น
บัตรเครดิตสามารถใช้กดเงินสดจากตู้ ATM ได้ แต่ควรใช้เมื่อยามฉุกเฉินเท่านั้น เพราะจะถูกคิดดอกเบี้ยรายวันอัตราสูงสุดถึง 20% ต่อปี แถมยังต้องเสียค่าธรรมเนียมอีก 3% พร้อมกับ VAT 7% อีกด้วย ฉะนั้นควรแยกแยะบัตรเครดิตออกจากบัตรกดเงินสดให้ชัดเจน ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรใช้บัตรเครดิตกดเอาเงินสดถ้าไม่จวนตัวจริง ๆ

• จ่ายขั้นต่ำไปเรื่อย ๆ แน่ใจแล้วหรอ?
การจ่ายหนี้บัตร 10% ของยอดการใช้จ่ายทั้งหมด หรือที่เรียกกันว่า “จ่ายขั้นต่ำ” นั้น ถึงแม้จะไม่ถือว่าเป็นการจ่ายหนี้ล่าช้า แต่ยอดหนี้ที่เหลือจะถูกยกไปทบในงวดต่อ ๆ ไป ซึ่งบางคนคิดว่าแค่ทยอยจ่ายไปเรื่อย ๆ ไม่กี่เดือนก็หมด แต่รู้หรือไม่ว่ายอดใช้จ่ายเหลือจากการจ่ายขั้นต่ำ อาจถูกคิดดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดถึง 20% ต่อปีทันที (แล้วแต่ข้อกำหนดของแต่ละธนาคาร) นับตั้งแต่วันที่รูดซื้อ ไม่ใช่วันที่ครบกำหนดชำระอย่างที่หลายคนเข้าใจ แถมดอกเบี้ยยังถูกคิดเป็นรายวันทบไปทุกวันจนกว่าจะจ่ายหมด ยิ่งถ้าเราเอาแต่จ่ายขั้นต่ำไปเรื่อย ๆ ทุกงวดติดต่อกัน หมายความว่าก้อนหนี้จะยิ่งพอกพูนใหญ่ขึ้น ทั้งหนี้ใหม่ หนี้เก่า ดอกเบี้ย สุมกันจนหนักอึ้ง เกิดเป็นหนี้เรื้อรัง เกินกำลังจะจ่ายไหว และกลายเป็น “หนี้ค้างชำระ” โดยสมบูรณ์ ที่จะปรากฏบนข้อมูลเครดิตของเราได้นั่นเอง

• ป้องกันบัตรเครดิตให้พ้นจากมือโจร
ถ้าใช้บัตรเครดิตไม่ระมัดระวัง บัตรเครดิตอาจทำให้เราตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพได้ เช่น ขโมยบัตรไปรูด แอบนำรหัสหลังบัตรไปใช้ซื้อของออนไลน์ หรือแอบรูดเกินจำนวนที่ใช้จ่ายจริง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ ควรทำดังนี้

  • เมื่อได้บัตรเครดิตใหม่มา ควรเซ็นชื่อหลังบัตรทันที
  • บัตรเก่าที่ไม่ใช้ ต้องทำลายทิ้งโดยเร็ว
  • เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร เช็คยอดบนสลิปทุกครั้งก่อนเซ็นชื่อ
  • เก็บรหัสด้านหลังบัตรเป็นความลับ
  • ใช้บริการ SMS Alert แจ้งเตือนทุกครั้งที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตร
  • เมื่อบัตรหาย ให้โทรแจ้งอายัดทันที
  • ก่อนซื้อของออนไลน์ ควรเช็คความน่าเชื่อถือของร้านค้าก่อน

• เอาชนะความอยากให้ได้
ปัญหาข้อใหญ่ของบัตรเครดิต ก็คือความสามารถในการยับยั้งชั่งใจของเจ้าของนี่แหละ ยิ่งรูดง่าย ซื้อสะดวก อยากได้อะไรก็ได้ง่าย ยิ่งใช้ก็ยิ่งเพลิน แต่พอถึงตอนจ่ายคืนอาจจะไม่คล่องแบบนั้นน่ะสิ ฉะนั้นเราไม่ควรรูดซื้อของที่ไม่จำเป็น ของฟุ่มเฟือย หรือของที่ไม่ก่อรายได้ และเมื่อได้บัตรเครดิตมาแล้ว ควรตั้งเป้าหมายของตัวเองไว้ในใจ ว่าในแต่ละงวดจะรูดใช้ไม่เกินจำนวนเท่าไร (พิจารณาจากรายได้ เป้าหมายเงินออม ค่าใช้จ่าย และภาระหนี้สินอื่น ๆ ) และรักษายอดเอาไว้ไม่ให้เกินเพดานที่ตั้งไว้ แค่นี้ก็ช่วยได้เยอะ

• เครดิตบูโร เรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ
ควรหมั่นไปตรวจเครดิตบูโร เพื่อตรวจสอบข้อมูลเครดิตของตัวเอง ว่าถูกต้องตามที่เราเข้าใจหรือไม่ หนี้ที่จ่ายครบแล้วปิดบัญชีกลายเป็นศูนย์จริงหรือไม่ หรือมีหนี้งอกที่ไม่ใช่ของเราเกิดขึ้นหรือเปล่า ถ้าพบว่าข้อมูลเครดิตไม่ถูกต้อง จะได้ทำเรื่องขอแก้ไขได้ทันท่วงที