วิธีรัดเข็มขัด ตัดรายจ่าย ให้อยู่รอดได้ในตอนวิกฤติ

โรคระบาดบุก… ภัยธรรมชาติมา… เศรษฐกิจตกต่ำ… สารพัดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจทำให้รายได้ของเราไม่ปกติสุข ถ้าโชคร้ายน้อยหน่อยก็อาจจะรายได้ลดลงแค่บางส่วน แต่ถ้าโชคร้ายจัดหนัก ก็อาจจะทำเอารายได้หายติดต่อกันหลายเดือน สำหรับใครที่มีเงินเก็บสำรองก็พอเอาตัวรอดได้ แต่กับคนที่ใช้เงินเดือนชนเดือนมาตลอด หรือมีเงินเก็บแค่นิดเดียว จะทำยังไงล่ะนี่?

ตัดรายจ่ายสิคะ! ใช้มาตรการรัดเข็มขัด ลดละเลิกค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น ประคองสถานการณ์เงินสดให้ได้ยาวนานที่สุด ถ้าไม่รู้ว่าจะตัดรายจ่ายจุดไหนดี ขอบอกว่าใครยังเสียเงินให้กับสิ่งเหล่านี้อยู่ รู้ไว้เลยว่าวิกฤติมาเมื่อไร ได้เวลา “ทิ้งถ่วง” แน่นอน

  • ค่าความบันเทิงชั่วคราว

เช่น ดูหนัง ฟังเพลง สปา คาราโอเกะ เกม ฯลฯ บริการเหล่านี้เป็นการจ่ายเงินเพื่อซื้อประสบการณ์หรือความบันเทิงแค่ชั่วคราว จบแล้วก็จบไป ไม่ได้มีทรัพย์สินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกลับมา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดถ้าอยู่ในช่วงเวลาที่เรามีกินมีใช้ แต่ถ้ารัดเข็มขัดเมื่อไร พวกค่าความบันเทิงพวกนี้ควรตัดออกไปก่อนไปรายแรก เก็บเงินไว้ซื้อข้าวกินก่อนดีกว่า

  • อาหารที่ไม่มีประโยชน์

โอเค… อาหารเป็นของจำเป็น แต่ไม่ได้แปลว่าอาหารทุกอย่างจะคุ้มค่าน่าจ่าย โดยเฉพาะช่วงที่ต้องประหยัดเงิน พวกอาหารกินเล่นที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างควรตัดออก เช่น ขนมห่อ ฟาสต์ฟู้ด น้ำอัดลม แล้วเอาเงินมาซื้ออาหารที่มีประโยชน์และอิ่มท้องกว่านั้นจะดีกว่า

  • ค่าเข้าสังคม

ถ้าคุณร้อนเงิน ก็อย่าอายที่จะปฏิเสธเพื่อน ๆ เวลาถูกชวนไปสังสรรค์นอกบ้าน ถ้ามัวแต่กลัวเสียฟอร์มล่ะก็ รู้ตัวอีกทีอาจจะเสียเงินให้ร้านอาหารจนกระเป๋าแบนได้ ยังไงก็เลี่ยงไปก่อนจะดีกว่า หากเป็นเพื่อนสนิทอาจจะบอกไปตามตรงว่าสถานการณ์ของเราเป็นยังไง หากไม่สนิทเท่าไรแค่ปฏิเสธไปเรียบ ๆ ก็เพียงพอแล้ว ไว้สถานการณ์ดีขึ้นเมื่อไรค่อยฉลองกันก็ไม่สาย

  • ค่าแพ็กเกจมือถือแพง ๆ

ติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เพื่อลดแพ็กเกจเป็นตัวที่ถูกลงชั่วคราว อินเทอร์เน็ตมือถือช้าลงหน่อย โทรได้น้อยลงบ้างก็ไม่เป็นไร ถ้าเราไม่ได้ใช้มือถือในการทำงานสำคัญ ๆ

  • กาแฟ ชา เหล้า บุหรี่ หวย

บางคนติดนิสัยดื่มกาแฟสดทุกวัน ชาไข่มุกสัปดาห์ละหลายแก้ว แถมยังมีบุหรี่กับลอตเตอรี่ ลองหยุดซื้อสิ่งเหล่าสักเดือนหนึ่ง คุณจะค้นพบว่าเงินเหลือเยอะเลยล่ะ ซึ่งอันที่จริงของพวกนี้ไม่ต้องรอให้วิกฤติก็ลดละเลิกได้นะ ถือว่าดีต่อสุขภาพกายไปด้วยอีกทาง

  • สินค้าแฟชั่น ค่าเสริมสวย

เงินเหลือน้อย อย่าเพิ่งถอยเสื้อผ้า รองเท้า หรือกระเป๋าใหม่ อยากหล่อสวยรอช่วงรวย ๆ ก็ไม่สาย รวมถึงค่าเครื่องสำอาง ครีมบำรุงราคาแพง หรือค่าสระผมที่ร้านเสริมสวย แนะนำให้ลองเปลี่ยนเป็นแบรนด์ที่ราคาย่อมเยาลงมา แล้วสระผมเองที่บ้านไปก่อน

  • ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า

อันนี้ไม่ได้แนะนำให้ชักดาบบิลค่าน้ำค่าไฟนะคะ แต่หมายถึงให้ลดตัวเลขในบิลให้น้อยที่สุด ใช้น้ำไฟอย่างประหยัด เปิดแอร์ให้น้อยลง นอกจากลดค่าใช้จ่ายในช่วงวิกฤติได้แล้ว เราอาจจะค้นพบว่าที่ผ่านมาเราใช้น้ำไฟเปลืองเกินไปก็เป็นได้

ในช่วงที่มีปัญหาการเงิน จะเป็นเวลาที่คนรู้คุณค่าของเงินเก็บมากที่สุด เพราะถ้ายิ่งเงินเก็บสำรองมีน้อย ภารกิจลดรายจ่ายของคุณจะยิ่งยากมากถึงยากที่สุด ดังนั้นก่อนที่สถานการณ์จะบีบบังคับให้เราลดค่าใช้จ่าย ควรมีเงินออมอยู่อย่างน้อย 6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน ได้เงินมาให้แบ่งเงินไว้ออมก่อน เงินที่เหลือค่อยใช้ ถ้าทำได้จะวิกฤติไหนก็ไม่กลัวแล้วล่ะค่ะ