เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : การลงทุนมีความเสี่ยง​ ผู้ลงทุนต้อง…. : วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน2564

การลงทุนมีความเสี่ยง​ ผู้ลงทุนต้อง…. 
ในยามที่ดอกเบี้ยเงินฝากเตี้ยติดดิน​ ขณะเศรษฐกิจ​มีการเติบโตได้ตามศักยภาพ​ 1-3% ตามการพยากรณ์ และยังมีประเด็นเรื่องของหลุมรายได้​ 2.6 ล้านล้านบาทในช่วงปี​ 2563-2565 ต่อด้วยการเปิดเมืองเพื่อให้เศรษฐกิจ​กลับมา​ การท่องเที่ยวกลับมา​จากจำนวนนักท่องเที่ยว​ 40 ล้านคนมาเหลือเพียง​ 2-8 ล้านคนในช่วงแรก​ สิ่งที่พอจะให้คนที่มีเงินออมมาลงทุนได้ก็อาจเป็น​ หุ้น​ กองทุน​ ทองคำ​ ที่ดิน​ อสังหาริมทรัพย์​ งานศิลปะ​ สิ่งของมีค่าหายาก​ แต่ปัจจุบันกระแสของสินทรัพย์​ดิจิทัลมันมาแรงมาก​ แรงจนคนที่คิดจะตั้งคำถามเพื่อให้แน่ใจเรื่องการจะเข้าไปลงทุนนั้น​ ผู้ลงทุนควรจะต้องรู้หรือไม่ว่ามันคือการลงทุนอะไรกันแน่​ คนที่ออกมาตั้งคำถามผู้เขียนก็เชื่อว่าจะโดนกระแสบ่น​ แซะ​ หนักเข้าก็คือก่นด่าเอาได้​ ข้อความที่ใช้กันมาเป็นคาถาในการเข้าลงทุนในสิ่งใด ๆ ก็ตามคือ​ “การลงทุน​ มีความเสี่ยง​ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล​ก่อนการตัดสินใจ” ข้อความดังกล่าวผู้เขียน​ขอยกมาตั้งเป็นประเด็นให้คิดกัน​ เพราะผู้เขียนได้สนทนากับผู้คนที่อาจคิดต่างและก็เป็นผู้คนคุณภาพกลุ่มหนึ่งที่มีความห่วงใยในกระแสที่กำลังมาแรงในเวลานี้​ เรียกได้ว่า​ กลุ่มพายเรือขวางคลองยามน้ำเชี่ยวกันเลยทีเดียว​ ข้อความนั้นมีอยู่ว่า
1. บทสนทนาเริ่มต้นว่า… มีคนรู้จักท่านหนึ่ง มาถามว่า “ลงทุน” คริปโต ดีไหม ลูก ๆ ทั้ง 3 คนมาคะยั้นคะยอ บอกว่า ได้ ผลตอบแทน​ 12% ขึ้นไป​ เมื่อฟังแล้วก็คุ้น ๆ ว่า ตอนสมัยแชร์ชม้อยดัง ๆ ผู้คนลงทุนกันมากมาย​ คำพูดข้อความก็มีความคล้าย ๆ กันอยู่​​ประมาณหนึ่ง 
มันก็เลยมีคำถามว่า แล้วถ้าการลงทุนมันจะได้ 12% ไปเรื่อย ๆ ให้กับคนที่จะเข้ามาในวงของการลงทุนมันหมายถึงอะไร​ มันน่าจะเหมือนสมัยก่อนหรือไม่ตอนแชร์ชม้อยดัง คือมันให้ผลตอบแทนดีกว่านี้อีกคือมากกว่า​ 12% แต่มีข้อแม้เดียวคือ ต้องมีคนลงทุนทั้งหน้าใหม่ และหน้าเก่า เติมเงินไปเรื่อย ๆ เพื่อให้คนที่ถือสินทรัพย์​การลงทุนอยู่ได้รับผลตอบแทนตามที่ว่าครับ สมัยก่อนเวลานั้น แม้คนที่​ “ลงทุน” กับแม่ชม้อย ก็ยังอดคิด​ อดถามไม่ได้ว่า แล้วแม่ชม้อยเอาเงินไปทำอะไร มันเป็นธุรกิจอะไรมันถึงจะมีผลตอบแทนงอกงามมาพอให้ผลตอบแทนระดับ​ที่บอกกับคนที่สนใจเข้ามาลงทุนขนาดนั้น​ เวลานี้​ ตอนนี้ มันมีบรรยากาศ​คล้ายกันไหม เพียงแต่ที่ต่างคือ
(1) เทคโนโลยี มันทำให้วงมันใหญ่กว่า กว้างกว่า​ เข้าถึงในชุมชนเล็ก หรือเข้าถึงในระดับประเทศเดียวได้ 
(2) ผู้คนจำนวนหนึ่ง หางานยาก​ ออกจากงานมาใหม่ ๆ อยากรวยเร็ว และมีเวลาว่างประมาณหนึ่ง​ 
(3) เงินท่วมโลก เพราะผลจากมาตราการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ทำกันหลายประเทศ เงินมันก็ไม่รู้จะไปไหน​ วนไปเวียนมา
ถ้าเราลองคิดอย่างช้า ๆ​ ใจเย็น ๆ​ ใช้สติตรองดูมันจะมีคำถามว่า การจะรักษาระดับผลตอบแทน (maintain) ให้คนส่วนใหญ่ที่ “เล่นหรือลงทุน” ถือสินทรัพย์​ดิจิทัล ได้ผลตอบแทน สูงตามที่แต่ละคนคาดหวัง มันน่าจะต้องมีเงินเติมเข้าไปในการเล่นหรือการลงทุนดังกล่าวเรื่อย ๆ จนถึงวันหนึ่ง วันที่มันมีมูลค่ามากกว่า ทุกอย่างในโลกรวมกัน แล้วใครต่อใครก็หยุดไม่ได้ ต้องเติมไปเรื่อย ๆใช่หรือไม่​ แล้วเราก็คิดดูต่อว่า มันจะเป็นจริงได้หรือไม่… 
2. ถ้านิยาม “ลงทุน” มันมีแค่ว่า เอาเงินไปลง มีได้มีเสีย มีทางได้เงินเพิ่มแบบสบาย​ ไม่รู้ที่มาที่ไป อธิบายไม่ชัดแบบนั้น มันอาจไม่ต้องไปทำเทคโนโลยีอะไรซับซ้อนเลย เราอนุญาตให้เปิดบ่อนพนัน ตรงไปตรงมาจะเป็นทางเลือกเปรียบเทียบได้หรือไม่​ นิยามของคำว่า​ “การลงทุน” มันน่าจะ… คือการจัดสรรทรัพยากร เพื่อส่งต่อเงินทุนไปยังผู้ประกอบการ หรือผู้ผลิตที่จะสร้าง productivity สูงสุด มันน่าจะเป็นการจัดสรรทรัพยากร​ (resource allocation) ว่าใครควรจะได้ทุน มีการจ้างคน ได้ปัจจัยการผลิตไป เพื่อให้สร้าง productivity สูงสุดในระบบเศรษฐกิจ​ไม่ใช่หรือ​ 
3. ผู้เขียนขอแสดงจุดยืนนะครับว่า​ ไม่ได้ห้ามว่าอย่าไปเล่น​ อย่าไปลงทุนคริปโต เดี๋ยวเสียเงินเสียทอง​ เดี๋ยวหมดตัว-หมดตังค์ ผู้เขียนขอ disclaimer ว่าไม่ได้บอกอย่างนั้นนะครับ
พื้นฐานการพนันโดยทั่วไป หลักการคือมันก็ต้องมีคนได้ มีคนเสีย ถ้าฐานมันกว้าง มันก็มีหน้าใหม่ ๆ (รวมหน้าเดิม ๆ ) หมุนเข้าออกศูนย์​กลาง (บ่อน)​ มาเสี่ยงโชคตลอดใช่หรือไม่​ ตามธรรมชาติ​ ถ้าใครก็ตามไปพูดบอกคนที่กำลังเล่นการพนัน มือกำลังขึ้น ได้เงินตลอด พูดแบบนั้นเขาเรียกว่า​ “พูดขัดลาภ” แล้วมันก็จะต้องขัดอกขัดใจ​ อาจถึงขั้นทะเลาะกัน  เพราะเข้าเพิ่งเห็นว่า ต้องตั้งสติให้ดีนะครับ​ การเปลี่ยนมือเจ้าของศูนย์​กลางสถานที่ มันคือการเปลี่ยนเจ้าของระบบ​ เปลี่ยนเจ้าของสถานที่​ มันเป็นเรื่องของซื้อของขายคนละตัวกับสิ่งที่​ “เล่นหรือลงทุน” มันไม่ใช่เรื่องผลตอบแทนที่เพิ่มจากสิ่งที่​ “เล่นหรือลงทุน” และมันก็ต่างจากเรื่องผลตอบแทนจากการเชียร์​ให้มา​ “เล่นหรือลงทุน” เวลาอ่านเรื่องที่รับเข้ามาต้องแยกตัวละครในเรื่องต้องเอาให้ชัด​ว่าเป็น เจ้าของสถานที่หรือศูนย์​กลางได้กำไรจากการซื้อขายสถานที่​ หรือคนเชียร์​ได้รายได้หักค่าใช้จ่ายจากการอำนวยความสะดวก​ หรือเป็นเรื่องคนที่ลงทุนหรือเล่นในทรัพย์​สิน​ ได้ผลตอบแทนจากมูลค่าที่มันเพิ่มขึ้นจาก “คุณค่า” ของสินทรัพย์​ตัวนั้น​ ต้องเอาให้ชัดว่า​ เรากำลังพูดและมุ่งไปที่แก่นของเรื่องราวตรงไหนกันแน่
4. ลองหันกลับมาลองคิดในมุมของสังคมสักนิด​ กิจกรรมใดก็ตามที่จะก่อให้เกิดความเจริญงอกงาม​ และถ้ามันดีจริง​ หากส่งเสริมสนับสนุนแล้ว สังคมมันน่าจะต้องเจริญวัฒนาถาวรใช่หรือไม่​ คิดต่อเลยไปอีกนิด หากผู้คนวัยทำงาน​ วัยที่เป็นกำลังของสังคม​ วัยที่เป็น​ Change agent ของสังคมในยุคสมัยใหม่ ไม่ทำมาหากิน ไม่ก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ​ วัน ๆ มุ่งซื้อขายสินทรัพย์​ดิจิทัลอย่างเดียว ลองคิดต่อว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจ​ รายได้ประชาชาติ มันจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง​ ถ้าจะพูดให้ชัดแบบคุยกันมันหยดในโลกออนไลน์​ก็ต้องประชดว่า​ ถ้ามันเป็นสิ่งที่ดี จะให้ชาวนามาเสียเวลาปลูกข้าว ได้เงินน้อย ๆ ทำไม  ส่งเสริมทุกคนมานั่งซื้อขายสินทรัพย์​ดิจิทัลกันเลยดีกว่าไหม​ “หิวเมื่อไหร่ ก็แวะมากินคริปโตเป็นอาหารแทนดีไหม​ แต่เราก็ยังชอบซาลาเปามากกว่าใช่ไหมเวลาหิว” คือถ้าพูดกันแบบนี้ผู้เขียนก็มองได้ว่า​ ทะเลาะกันแน่นอน​ เพราะมันแรงในมุมที่ไม่เห็นต่าง
5. มุมมองของฝั่งคนที่ไม่เห็นด้วยก็มองว่า​ มันคือ​ ฝิ่นดิจิทัล​ มันก็คือ ฝิ่นแห่งยุคสมัย มันขายได้ดี ผู้คนนิยม คนค้าฝิ่นไม่มีใครไม่ร่ำรวย แน่นอนว่าโดยธรรมชาติทุกคนล้วนอยากมีส่วนร่วม ไม่น่าจะมีใครสนใจหรอกว่า ตัวฝิ่นมันมีผลต่อสังคมอย่างไร ตอนเสพเข้าไปมันทำให้รวย มีความสนุกด้วย ได้ลุ้นเป็นวินาที​ อันนี้ผู้เขียนก็ขอ​ disclaimer อีกนะครับว่าอย่าเชื่อ จงอ่านอย่างมีสติ​ ลองเอาไปคิด​ก่อน แล้วหาข้อมูล​เพิ่ม​ จนคิดได้เอง​ ด้วยตนเองว่า​ มันใช่หรือไม่ใช่ในสิ่งที่ปัญญา​ของตัวเราเป็นตัวตอบนะครับ
การลงทุนมีความเสี่ยง​ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล​ (ให้มากพอด้วยสติ+ปัญญา)​ ก่อนการตัดสินใจ
หมายเหตุ​ ขอขอบคุณ​กัลยาณมิตร​ทั้งหลาย​ ที่สร้างบทสนทนาเรื่องนี้​ จนทำให้ผู้เขียนต้องยกเอาแก่นของสิ่งที่มีความห่วงใยออกมาเผยแพร่ต่อ​ อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนทั้งหมดคงเป็นสิ่งจะทำให้เกิดความถูกใจกับคนเห็นตรง-เห็นต่างไม่ได้ทุกท่านนะครับ​ สนใจก็อ่าน​แต่อย่าเชื่อ ไม่สนใจ​ ไ​ม่ชอบ​ ชิงชัง​ คิดว่าขัดลาภก็ผ่านไปเลยนะครับ​
ขอบคุณ​มากครับสำหรับการติดตาม