เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : “ไวรัสมา การปรับตัว และจิตใจ” www.posttoday.com วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม 2563

ไวรัสมา การปรับตัว และจิตใจ

ผลสืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสในขณะนี้ได้เริ่มส่งผลกระทบค่อนข้างจะรุนแรงต่อทุกภาคส่วน มากน้อยก็ตามจะมีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ หลังวันแห่งความรักไม่นาน องค์กรธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวได้ออกมาตรการสำคัญคือ การสมัครใจลาหยุดโดยไม่รับค่าตอบแทน ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่ามาตรการแบบนี้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหากสถานการณ์มันมีแนวโน้มแย่ลง สาระสำคัญของมาตรการที่องค์กรธุรกิจนั้นได้ตัดสินใจลงมือคือ

1. ประกาศแจ้งต่อพนักงานว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดอย่างต่อเนื่องของไวรัสโคโรนา 19 (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักกับธุรกิจทั่วโลกและประเทศไทย ส่งผลให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกับโรงแรมน้อยกว่าปกติดังนั้น บริษัทฯ จึงขอความร่วมมือจากเพื่อนร่วมงานทุกท่าน สมัครใจใช้สิทธิการลาแบบไม่รับค่าจ้าง ตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม 2563 เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ

2. พนักงานที่ใช้สิทธิการลาแบบไม่รับค่าจ้างครั้งนี้จะยังคงได้รับสวัสดิการต่างๆ ตามปกติ และสามารถขอลาแบบไม่ได้รับค่าจ้างได้ โดยไม่มีจำนวนวันขั้นต่ำในการใช้สิทธิ์ดังกล่าว

3. ในกรณีที่พนักงานที่ขอใช้สิทธิลาแบบไม่รับค่าจ้างตั้งแต่ 5 วันขึ้นไป พนักงานจะได้รับส่วนลดพิเศษ 20% สำหรับการลาแบบไม่รับค่าจ้างนั้นๆ เช่น ขอลาแบบไม่รับค่าจ้าง 5 วัน แต่จะถูกหักค่าจ้างเพียงแค่ 4 วันเท่านั้น (5-20%=4) หรือ ขอลาแบบไม่รับค่าจ้าง 9 วัน ถูกหักค่าจ้างเพียง 7.2 วันเท่านั้น (9-20% =7.2) และที่สำคัญการลาแบบไม่รับค่าจ้างจะไม่นับรวมวันหยุดประจำสัปดาห์และจะได้รับวันหยุดประจำสัปดาห์ตามปกติ

ผู้เขียนเชื่อว่า ต้นแบบของการบริหารจัดการในภาวะวิกฤติแบบนี้ จะถูกนำไปอ้างอิงและถือเอาเป็นต้นแบบในอีกหลายๆองค์กรที่กำลังคิดว่าจะดำเนินการไปในแนวทางนี้

คำถามต่อมาคือแล้วสถานการณ์ ของการแพร่กระจายไวรัสตัวนี้ในมุมมองขององค์กร ที่บริหารงานด้านเศรษฐกิจนั้นมองอย่างไร ผู้เขียนเห็นข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจจากการให้ข้อมูลเศรษฐกิจรายเดือนของธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นี้ว่า เศรษฐกิจไทยมีการชะลอตัวลง และเรายังมีปัญหาเรื่องภัยแล้ง กับการที่ต้องเร่งใช้จ่ายงบประมาณประจำปีที่ล่าช้า มีภาพที่น่าสนใจคือ สถานการณ์ในจีนเรื่องการแพร่ระบาดดีขึ้น แต่สถานการณ์นอกประเทศจีนแย่ลง ดังจะเห็นได้จากภาพที่แสดงนะครับ

ในด้านจิตใจของผู้คนในเวลานี้ ผู้เขียนใคร่ขอนำเอาบทความที่มีการเผยแพร่ผ่านไลน์ในเช้าวันเสาร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ของคุณนุสนธิ์ (นามปากกา) ที่เขียนไว้น่าสนใจหลายท่อนหลายตอนที่ควรนำมาเผยแพร่และเตือนสติผู้คนมีให้ “เตลิด” และป้องกันการ “ตื่นตระหนก” จนกลายเป็นคน “ขาดสติ” เราลองมาอ่านและคิดตามไปด้วยกันดังนี้ครับ

… สัตว์น้อยใหญ่ที่เคยถูกมนุษย์จับขังในกรง บัดนี้มันย้อนกลับมาทำให้มนุษย์ถูกขังในกรงสำเร็จแล้ว! สิ่งนี้เรียกว่า “เมื่อทำในสิ่งที่ไร้มโนธรรมไว้มากภัยย่อมย้อนมาสู่ตน” นี่คือกฏเวียนแห่งสัจธรรมฟ้า

… มวลมนุษย์ได้ลดความเย่อหยิ่งลงแล้ว และเริ่มย้อนกลับมาพิจารณาด้วยความสงบว่า “เราเป็นผู้คุมโลกใบนี้จริงหรือ” เพราะมวลมนุษยชาติเริ่มรู้ในอานุภาพการทำลายล้างของธรรมชาติครั้งแล้วครั้งเล่า!

… คนที่ไม่เคยหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านนานหลายปีก็หยิบหนังสือจากตู้ขึ้นมาอ่าน ผู้ปกครองที่ไม่เคยใส่ใจบุตรหลานก็เริ่มสื่อสารกับบุตรหลานอย่างสนิทสนมรักใคร่ สามีภรรยาที่ปีหนึ่งพูดกันไม่กี่คำก็เริ่มมีบทสนานากันมากขึ้น ลูกหลานที่ไม่เคยกตัญญูต่อพ่อแม่ก็เริ่มกตัญญูรู้คุณ

… ไวรัสให้บทเรียนชีวิตที่มีค่าแก่มนุษย์เรา มันทำให้เรารู้จักคำว่ายำเกรง มันก็ทำให้เรารู้ว่าอะไรคือคำว่า “สงบสุข” มันทำให้พวกเราสัมผัสถึงคำว่ารักแท้ (เสียสละ) บนโลกนี้ มันทำให้เราค่อยๆ “หวนกลับ” เส้นทางของคำว่าอาทร พวกเราควรขอบคุณข้าศึกผู้นี้ เพราะข้าศึกผู้นี้ได้ตักเตือนพวกเราและปลุกพลังในตัวเราให้ตื่น

ถ้าจะให้ผู้เขียนกล่าวในตอนจบของบทความวันนี้ก็จะขอบอกว่า “แก้ไขเศรษฐกิจต้องใช้ “จิตบวกใจ” เพราะเศรษฐกิจมันมีชีวิต และกระบวนท่าที่จะเอาชนะได้เห็นจะมีแต่ “สงบสยบเคลื่อนไหว กายใจเป็นหนึ่งเดียว เหตุปัจจัยทั้งหลายล้วนเป็นเช่นนั้นเอง”

ขอบคุณครับ