เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) “พยามหายใจเข้าไว้ ในยามที่ทุกอย่างดูจะไม่ง่ายดังใจหวัง​” www.posttoday.com วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562

พยามหายใจเข้าไว้​ ในยามที่ทุกอย่างดูจะไม่ง่ายดังใจหวัง

ปรากฏการณ์​หุ้นตก​ ตัวเลขเศรษฐกิจแทบทุกค่ายหลายสำนักฯ ต่างออกมาสะท้อนการชะลอตัวลง​ ค่าเงินบาทแข็ง​ พิษของสงครามการค้า​ การกีดกันทางการค้า​ การเปิดวิวาทะของนักการเมืองรายวัน​ ตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่ยังหาทางลงไม่เจอ​ และอื่นๆอีกมากมาย​ ในช่วงเวลาปลายปี​ ช่วงเวลาของการจัดทำแผนงานสำหรับปี​ 2563 ซึ่งฝ่ายวางแผนต่างกุมขมับว่ามันจะทำให้ธุรกิจเติบโต​ ขยายตัวได้อย่างไร​

ตัวผู้เขียนได้พบกับผู้นำองค์กร​หลายแห่งแต่ประทับใจไม่หายก็มีท่านหนึ่งซึ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจสินเชื่อรายย่อยได้อย่างที่ ธนาคารพาณิชย์​ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องยกนิ้วให้​ ท่านบอกผมว่า​ ในยามนี้สิ่งที่เราทุกคนจะต้องทำคือ
1. ไปออกกำลังกายด้วยการวิ่ง
2. นอนให้หลับ
3. ตื่นให้ได้ทุกเช้าและ
4. พยายามหายใจเข้าไว้
เรื่องอื่นๆไม่ได้มีอะไรสำคัญกว่าชีวิตเรา​ค่อยๆทำไป​ ทำทีละเรื่อง​ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป….

เมื่อเอาข้อคิดที่ว่านี้มาเทียบเข้ากับภาพที่ท่านผู้ว่าการ​ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ฉายมาให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการที่ดอกเบี้ยถูกกดดันให้ต่ำเตี้ยมาเป็นระยะเวลานานๆแล้ว​ มันได้สร้างความกดดันไปยังคนที่ควรจะออมก็ไม่อยากออม​ คนที่ต้องการผลตอบแทนก็วิ่งไปหาสิ่งที่เป็นความเสี่ยง​ สิ่งที่หลอกลวง​ ด้วยการหลอกตัวเอง​ว่า​ ยังไงฉันก็ไม่เสี่ยง​ ฉันจะหนีออกมาได้ทัน​

ความเสี่ยงของสภาพการณ์และสิ่งที่เกิดในระบบการเงินโลก มีการออกมาระบุถึงมาตรการดูแลเสถียรภาพสำหรับตลาดพันธบัตร ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่อยู่ๆผู้กำกับดูแลก็ออกมาพูดถึงเรื่อง​ ตราสารหนี้/หุ้นกู้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ แต่ได้ออกมาขายให้กับนักลงทุน​ (ซึ่งมีความเสี่ยงสูง​ บ้านเราก็มีเรื่องแล้ว เช่น​ ตั๋ว​แลกเงินไม่มี​ Rating หุ้นกู้ไม่มี​ Rating แต่มีนักลงทุนก็เข้ามาลงทุน​ เหตุผลเพราะว่าต้องการผลตอบแทนเพิ่ม)​

ในประเด็นนี้ผู้เขียนมีความคิดอย่างนี้นะครับว่า​ ประสบการณ์​ “โลภบวกโง่” และแสวงหาผลตอบแทนโดยละเลยความเสี่ยงวันนี้มันจะได้กลายเป็นความปกติใหม่สำหรับบุคคลและองค์กร​ไปแล้วหรือไม่​ มันเป็นระเบิดเวลาที่รอจังหวะหรือไม่..ขอทุกท่านกลับมาที่หลักการนี้นะครับ​ “การลงทุนมีความเสี่ยง​ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ”

ในเรื่องหนี้ครัวเรือนก็เหมือนกัน​ เพราะมันคือ
(1)ภาพสะท้อนฐานะความมั่นคงด้านการเงินของครัวเรือน
(2)และในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันที่เรียกว่า​ Income shock เช่น เกิดการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาสงครามทางการค้า หรือเศรษฐกิจโลกชะลอ เกิดวิกฤตการณ์ร้ายแรงจนทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่องแล้วละก็​ เหตุพวกนี้จะนำไปสู่ผลกระทบอีกมากมาย ทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ​ ภาวะหนี้เสียและความมั่นคงในระบบสถาบันการเงิน
(3) โจทย์สำคัญคือเราจะทำอย่างไรให้การแก้ไขปัญหาหนี้ที่มีอยู่จำนวนมากนี้ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือน​ หรือหนี้ของภาคธุรกิจ มีโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสอดคล้องกับตัวลูกหนี้เอง

ท่านผู้ว่าการ​ ยังได้กล่าวถึงความท้าทายสำหรับผู้ทำนโยบายและผู้กำกับดูแลทั้งโลก ซึ่งต้องอาศัยเครื่องมือที่หลากหลายเป็นกลไกกำกับ และประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน เช่น มาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินหรือแม็คโครพรูเด็นเชียลที่มีบทบาทมากขึ้น แต่มีแรงต่อต้านกลับค่อนข้างแรง (อันนี้ผู้เขียนเห็นภาพการที่ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบพยายาม​ “วิ่งสู้ฟัด” ทุกเวที​ มีการนำเสนอความเห็น​ ข้อมูลผ่านสื่อแบบเปิดหน้ากันเลย​ บางเวทีวิทยากรจากธนาคารกลางเจอกับวิทยากรจากภาคธุรกิจก็สู้กันด้วยตัวเลข​ ข้อมูล​ ความคิดความเห็นอย่างเผ็ดมัน ผู้เขียนขอสารภาพว่าเมื่อมีคำเชิญมาให้ขึ้นเวที​ ไม่ว่างานไหนก็ไม่เอาอีกแล้ว​ เปลืองตัว​ เปลืองหัวใจ​ เข้าใจคนออกนโยบาย​ เห็นใจคนทำธุรกิจ​ ทุกข์​ใจแทนคนฟัง)​ เช่น​ ทุกวันนี้จะเห็นผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งออกมาเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยกเลิกมาตรการเกี่ยวกับมาตรการกำหนดเพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) โดยไม่ได้กลับไปดูสาเหตุของการออกมาตรการและลืมเรื่องสินเชื่อเงินทอนไปแล้วด้วยซ้ำ”

พยามหายใจเข้าไว้​ ในยามที่ทุกอย่างดูจะไม่ง่ายดั่งใจหวัง​ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเรายังหายใจอยู่​ ก็ให้กลับไปใส่ใจงานของตนเอง​ สนใจเรื่องของคนอื่น​ งานของคนอื่นน้อยลงไปบ้าง​ ชีวิตคงจะสามารถก้าวเดินต่อไปได้ครับ