ทุกข์ของคนเป็นหนี้ ที่คิดจะแก้หนี้ด้วยหนี้
บทความวันนี้ผู้เขียนขอนำเอาข้อเท็จจริงขอผู้คนที่ส่งเรื่องเข้ามาที่เครดิตบูโรผ่านช่องทางการสื่อสาร ในเนื้อหาไม่ว่าจะเป็นจริงขนาดไหน มันได้สะท้อนกลิ่นอายของความทุกข์ยาก ที่เข้าใจได้ว่าคนที่มีหนี้แล้วใช้หนี้ไม่ได้ตามเงื่อนไขของสัญญาในเวลาหนึ่งในอดีต มันก็เกิดประวัติการค้างชำระขึ้นตามข้อเท็จจริง ทีนี้พอไม่ไปจ่ายต่อเนื่องมันก็สะท้อนว่ามีความสามารถในการชำระหนี้น้อยลงไป หนี้ที่ค้างยังไม่ได้ไปชำระ แต่ก็คิดหาหนทางแก้ไขด้วยการจะไปก่อหนี้ใหม่ ทางหนึ่งก็เพื่อเอามาชำระหนี้ที่ค้างอยู่เดิม ส่วนที่เหลือ (หากกู้ได้มากกว่ายอดหนี้ที่ค้างชำระ) ก็จะเอาไปหมุนเวียนใช้จ่าย แต่ความเป็นจริงในกระบวนการบริหารและป้องกันความเสี่ยงของสถาบันการเงินที่ถูกกำกับดูแลอย่างเข้มข้นย่อมทำได้ยากจนถึงยากมากที่สุด เพราะมันไม่มีใครสามารถให้เงินกู้ใหม่ได้ทั้งที่เงินกู้เก่ายังค้างชำระคาตาอยู่ มันไม่มีใครสามารถหยิบเงินฝากจากคนฝากที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจตัวสถาบันการเงิน เพื่อนำไปปล่อยกู้ให้กับคนที่อยากกู้แต่มีคุณสมบัติ คุณลักษณะที่อาจจะเชื่อได้ว่าขาดความสามารถในการชำระหนี้ได้นั่นเอง ท่านผู้อ่านลองใจร่มๆ ใจเย็นๆ อ่านในใจ คิดเงียบๆ มองให้ลึกว่า ถ้าเราเป็นคนขอกู้ ถ้าเราเป็นคนตัดสินใจจะให้กู้ดีหรือไม่ ถ้าเราเป็นคนฝากเงิน ถ้าเราเป็นธนาคารกลาง ถ้าเราเป็นผู้ตรวจสอบสถาบันการเงิน ถ้าเราเป็นนักวิชาการ ถ้าเราเป็นนักวิชาเกิน ถ้าเราเป็นคลินิกแก้หนี้ ถ้าเราเป็นเครดิตบูโร ถ้าเราเป็นคนเดินดินกินข้าวแกงและมีหนี้ เราคิดกันอย่างไร อะไรคือคำตอบที่ดีที่สุด ข้อความมีดังนี้
…. ผมยื่นขอกู้สถาบันการเงินไป 10 กว่าแห่ง ไม่ได้รับอนุมัติสักแห่งเพราะติดเครดิตบูโร ค่างวดรถ ผมส่งช้าติดกัน 2 งวด
ครอบครัวก็เดือดร้อนเพราะไม่มีเงินใช้จ่าย ไม่มีเงินซื้อข้าวสาร ต้องไปยืมข้าวสารข้างบ้านมาหุงให้ครอบครัวกินกับเกลือในวันนี้แล้ววันพรุ่งนี้จะมีอะไรกินกันทรมานไหม
มีบ้านมีที่ดินแต่เป็นที่ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จะไปจำนำที่ไหนได้ ไม่มีใครเขารับเป็นประกันหนี้ ขายก็ไม่ได้
บริษัททวงหนี้ก็ทวงทุกวัน ทำงานอยู่ก็โทรตาม โทรจิก ไม่มีความสุขเลย จะขายชีวิต ขายไต ขายหัวใจ ขายลูกตาก็ไม่มีใครซื้อ
ทางออกอยู่ตรงไหนครับ คลินิกแก้หนี้ก็สมัครไม่ได้อีก…
ถ้าท่านผู้อ่านคิดว่าที่ผู้เขียนยกมามันเกินเหตุ ไม่มีอยู่จริง ก็มาขอดูหลักฐานได้นะครับ บ้านเราเมืองเรา ผู้คนของเราไม่ว่าจะชั่วดีถี่ห่างอย่างไรก็ไทยด้วยกันทั้งสิ้นเวลานี้ได้สะท้อนออกมาเป็นตัวหนังสือที่ชัดเจนแล้ว หนี้ครัวเรือนไทยพิษร้ายมันก็พอๆ กับไข้เลือดออกในเด็กๆ หรือเท่ากับวัณโรคสำหรับผู้ใหญ่ ท่านนักวิชาเกิน ท่านที่เป็นกู้รู้ (อ้างตัวว่าเป็นกูรู) ท่านไม่ต้องบอกว่าให้แก้โดยทำบัญชีครัวเรือน หรือบอกให้แก้ด้วยการให้ความรู้ทางการเงินนะครับ หรือไม่ต้องบอกว่าต้องเร่งเสริมสร้างวินัยทางการเงิน หรือบอกว่าต้องรีบให้มีหลักสูตรการบริหารเงินส่วนบุคคลนะครับ มันไม่ทันแล้ว ไฟกำลังไหม้หลังคาแล้ว อย่าบอกให้อ่านคู่มือการทาสีบ้านป้องกันปลวกแมลง
ผู้เขียนขอสารภาพตรงนี้เลยนะครับว่า หมดภูมิความรู้ที่จะให้คำแนะนำ หรือคำชี้แนะแล้วครับ ได้แต่คิดถึงคำพระในใจแต่ไม่กล้าบอกว่า
กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา
อดีตเป็นเหตุ ปัจจุบันเป็นผล
ปัจจุบันเป็นเหตุ อนาคตเป็นผล
การไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ
ไม่มีใครรอด ด้วยการเอาหนี้มาใช้หนี้
กราบขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ