เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : “Lab แห้ง​ คือ​ ใช้ความคิดปกติแบบเดิมมาออกแบบแก้ปัญหาที่ไม่ปกติบวกการฟังแต่ไม่ยอมได้ยิน” www.posttoday.com วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563

Lab แห้งคือใช้ความคิดปกติแบบเดิมมาออกแบบแก้ปัญหาที่ไม่ปกติ บวกการฟังแต่ไม่ยอมได้ยิน

ชื่อบทความผมวันนี้มันออกจะแปลกๆสักนิดนะครับเพราะเป็นเรื่องนิยายเป็นเรื่องเล่าไม่ใช่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นขอยืนยันนะครับว่าตัวบุคคลในเรื่องไม่มีอยู่จริง… 555

เรื่องมีอยู่ว่าได้เกิดโรคห่ากินปอดขึ้นในโลกใบนี้ไม่มีใครรู้ว่ามันมาได้อย่างไรแต่รู้แน่ๆว่ามันแพร่ระบาดได้เร็วมากมากจนทำให้คนไข้ที่ติดเชื้อสูงเกินศักยภาพทางการแพทย์คนติดเชื้อจึงต้องล้มตายลงไม่น่าเชื่อจริงๆว่าไอ้โรคห่ากินปอดสามารถป้องกันได้ด้วยการ
1.
ล้างมือ
2.
อยู่ห่างๆกัน
3.
ใส่หน้ากากปิดปากปิดจมูก

และก็ไม่น่าเชื่อว่าการใส่หน้ากากปิดปากปิดจมูกจะกลายเป็นเรื่องเสรีภาพในการจะต้องทำหรือไม่ทำทั้งที่หมอบอกว่าจำเป็นแต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งเลือกที่จะใช้เสรีภาพที่จะไม่ทำในบางประเทศประเด็นคือข้อ​ 2. การต้องให้อยู่ห่างๆกันในโลกที่ต้องมีการทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจต้องมีการแลกเปลี่ยนกันต้องมีการพบปะหารือสนทนาประชุมกันการที่ต้องตัดสินใจให้คนทำมาค้าขายหยุดคนซื้อหยุดซื้อคนขายหยุดทำของขายยกเว้นอาหารกับยารักษาโรคแม้กระทั่งปิดสวนสาธารณะไม่ให้คนมาเดินมาพักผ่อนหย่อนใจหรือมาออกกำลังกายนักเศรษฐศาสตร์หลายคนบอกว่ามันคือการบอกให้คนที่มีชีวิตกลั้นหายใจแบบคนไม่มีชีวิต ผลคือคนอึดอัดยอมทำเพราะกลัวตายแต่ถึงจุดๆหนึ่งคนก็จะต้องหายใจเพราะคนก็คือคนไม่มีทางอยู่นิ่งๆผลกระทบในข้อที่ต้องทำผิดธรรมชาติมนุษย์ก็มาลงเอยเป็นปัญหาเศรษฐกิจปัญหาปากท้องปัญหาไม่มีรายได้ปัญหาคนที่จะตกงานจำนวนมากประเทศสารขัณฑ์ก็เจอกับสภาพการณ์เช่นนี้ตำราการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ร่ำเรียนกันมาก็บอกว่าต้องใส่สภาพคล่องให้กับธุรกิจคนค้าขายโดยเฉพาะคนตัวเล็กที่ยอมกลั้นหายใจไม่ทำธุรกิจในเวลานั้นเราได้เห็นกัปตันมาวิ่งส่งของกินเห็นเจ้าของทัวร์มาทำหมูปิ้งขายเราเห็น​ SME ขาดเงินหมุนเวียนเพราะไม่มีรายได้การออกแบบให้เงินหมุนออกไปช่วยจึงถูกกำหนดขึ้นว่าคนปล่อยกู้ไปเอาเงินกู้ละมุนนุ่มจากคลังแสงมาปล่อยต่อโดยให้คิดราคาเงินกู้ให้ถูกแต่พื้นฐานของสมการในการให้กู้มันคือความคาดหวังในผลตอบแทน​ -​ โอกาสที่เงินกู้จะสูญเสียหักลบกันแล้วมันต้องมีค่าสูงกว่าต้นทุนเงินที่กู้มา(ในที่นี้คือต้นทุนเงินกู้ละมุนนุ่ม) + ต้นทุนข้อมูลข่าวสาร+ต้นทุนดำเนินการ

สิ่งที่เกิดขึ้นจริงหลังจากที่คลังแสงได้ยอมให้ดำเนินการเบิกเงินกู้ละมุนนุ่มพบว่าในความเดือดร้อนขัดสนไปทุกหย่อมหญ้าเพลานี้มีเพียง​ SME เมืองสารขัณฑ์จำนวนหนึ่งซึ่งข้อมูลที่แสดงไม่ได้โปร่งใสชัดเจนมีการแสดงเป็นเพียงค่าเฉลี่ยที่ไม่ลงรายละเอียดที่ควรจะมีเช่นมี​ SME ที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยวได้รับไปกี่รายอยู่ในพื้นที่ใดบ้างจำนวนที่ได้คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของยอดคงค้างไม่ต้องแสดงเป็นรายบุคคลแต่ทำเป็นช่วงได้ไหม เช่น ต่ำกว่า​ 5 ล้าน​ 5 ล้านขึ้นไปแต่ไม่เกิน​ 10 ล้านสิบล้านขึ้นไปแต่ไม่เกิน​ 25ล้านจนถึง​ 100 ล้านบาท เป็นต้นเรื่องที่สำคัญมากคือความเสี่ยงของคนที่ปล่อยกู้อัตราผลตอบแทนมันต่ำกว่า​ credit cost หรือไม่และ​ credit cost มันมีแนวโน้มสูงขึ้นสวนทางกับสภาพการณ์ของลูกหนี้เดิมที่จะให้เงินกู้เพิ่มหรือไม่​(กติกาค้าขายโดยทั่วไปนะครับของที่ออกจากโรงงานมีต้นทุนสูงกว่าราคาขายที่ลูกค้าจะซื้อไม่มีคนทำโรงงานคนไหนอยากจะขายเพราะยิ่งขายยิ่งกินทุนตัวเอง)​

ดังนั้น เราจึงเห็นเรื่องแปลกใจในเมืองสารขัณฑ์ที่ลูกหนี้ที่อยากได้เงินกู้ออกมาบอกเจ้าของคลังแสงว่าควรพิจารณาเพิ่มผลประโยชน์หนือสิ่งจูงใจเพื่อให้คนปล่อยกู้ต่อเขามีผลตอบแทนคุ้มกับความเสี่ยงที่เขาจะได้รับแสดงว่าลูกหนี้อยากได้เงินกู้มากดอกเบี้ยจะแพงหน่อยก็ไม่ว่าอะไรดอกเบี้ยถูกดูดีดูอบอุ่นดูเหมือนพระมาโปรดแต่มันเอาออกมาไม่ได้เข้าตำราให้ดูแต่ตามือไม่ต้องของจะเสียเวลาพวกในคลังแสงออกไปบอกชาวบ้านตอนตรวจประเมินเขาก็บอกว่าจะทำการสิ่งใดต้องให้ได้​ output กับ​ outcome แล้วทีนี้ มันมีแต่​ output no outcome and no impact ไหมเรื่องสุดท้ายคือการออกแบบให้มีกลไกชดเชยความเสียหายตอนนายธนาคารเมืองสารขัณฑ์ประชุมหารือก็เพียรพยายามบอกว่าอย่ามายุ่งกับหลักประกันเงินกู้เดิมที่เป็นฐานการคำนวณได้ไหม ทำแบบค้ำประกันเป็น​ portfolio อย่างที่ผู้บริหารคลังแสงได้เคยให้สถาบันการค้ำประกันสินเชื่อในบางประเทศแถวๆนี้ทำ แต่ยกระดับ​ % การค้ำประกันขึ้นมาให้มากพอกับความเสี่ยงดีกว่าไหมการเอาสูตรการชดเชยไปผูกกับสำรองที่เพิ่มกับหลักประกันส่วนขาด(ส่วนเกิน)​แล้วถ่วงน้ำหนักด้วยหนี้เดิมที่เป็นฐานกับหนี้เงินกู้ละมุนนุ่มแม้% ที่สื่อสารออกมาจะดูดีดูอบอุ่นหากแต่ว่าดาบในรอยยิ้มคนเขาก็ดูออกคนที่กำกับดูแลคนอื่นมาตลอดก็มักจะคิดว่าบังคับให้คนเขายอมเข้าใจไปอย่างที่ตัวดิฉันคิด​ (ชีวิตจริงมันไม่ง่ายอย่างการพาลูกไปติวเพราะเชื่อว่าดีกับลูกโดยไม่ฟังเสียงของคู่สมรสว่าลูกนั้นต้องการเวลาทำตามใจตัวเองบ้างตามประสาเด็กอันนี้ผู้เขียนสมมติขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพเท่านั้นนะครับท่านผู้อ่านอย่าคิดมากนะครับ)​ ถ้าคิดว่าสูตรการคำนวณนั้นมันชดเชยความเสียหายในอนาคตข้างหน้าเกิดได้จริงทำไมไม่ตั้งเป็นตุ๊กตาเฉลยในเฟซบุ๊ก เขียนเลยว่ามีหลายกรณี เช่นหลักประกันเงินกู้เก่าพอดีปริ่มๆน้ำไม่มีการเรียกเพิ่มถ้าเป็น​ NPL แล้วชดเชยอย่างไรถ้าเรียกหลักประกันเพิ่มแต่รวมแล้วยังขาดหลักประกันหรือมีหลักประกันเกินถ้าเป็น​ NPL แล้วชดเชยอย่างไรถ้ามันเป็นสูตรที่เหมาะแท้ดูอบอุ่นเป็นมิตรทำแฉออกมาเลยว่าคนที่เอาเงินกู้จากคลังแสงไปปล่อยต่อได้รับชดเชยสูงขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมปล่อยมีกรณีใดที่สามารถชดเชยได้ถึง​ 70% ของความเสียหายบ้างคนขอกู้จะได้มีอาวุธทางปัญญาไปต่อกรกับนายทุนเงินกู้ในเมืองสารขัณฑ์เมืองสมมติที่ผู้เขียนได้เล่ามาจนถึงเวลานี้ผู้เขียนได้แต่บอกว่าการทำ​ Lab แห้งแบบผลัดกันเขียนเวียนกันอ่านผ่านกันชมชนิดที่คนทำเขาบอกเขาพูดให้ฟังแต่ใจที่ไม่ได้ยินมันจึงเป็นได้เพียง​ output ที่ยังไม่เป็น​ outcome แถมมันเป็นความเจ็บปวดที่ต้องมานั่ง​ VDO conference โดยมีท่านเจ้าเมืองเป็นตัวกลางในการส่งผ่านจุดที่ขอให้มีการผ่อนปรนเพื่อให้เขาได้เงินกู้ให้ทันต่อลมหายใจโดยมีข้อเสนอแนะที่น่าสนใจว่าขอให้คลังแสงเพิ่มผลประโยชน์ให้กับผู้ปล่อยกู้ต่อ เพื่อให้ผู้ปล่อยกู้ต่อปล่อยสินเชื่อง่ายขึ้น มีเงื่อนไขน้อยลง

“Lab แห้งคือใช้ความคิดปกติแบบเดิมมาออกแบบแก้ปัญหาที่ไม่ปกติบวกการฟังแต่ไม่ยอมได้ยิน