เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : “ลักษณะองค์กรและผู้คนในยุคการทำงานแบบใหม่ที่จะไม่เหมือนเดิม” www.posttoday.com วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563

ลักษณะ​องค์กร​และผู้คนในยุคการทำงานแบบใหม่ที่จะไม่เหมือนเดิม

ในช่วงเวลาที่นับแต่การแพร่ระบาดของไวรัส​ COVID-19​ ที่มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้วต่อเนื่องมาจนถึงเวลานี้ก็นับได้ประมาณ​ 5เดือนแล้ว​ ผู้คนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน​กับผู้เขียนได้เคยนั่งคุยกันแล้วก็มีข้อคิดความเห็นกันได้ประมาณ​นี้สำหรับสิ่งต่างๆที่เกิดในสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจ​และสังคมไทย​
1.วิกฤติ​การณ์​ครั้งนี้หนักหนาสาหัส​จริงๆ​ เกิดกับทุกระดับ​ เกิดกับแทบทุกประเทศ​ ไม่มีใครไม่ได้รับผลกระทบ​ เมื่อเอาไปเทียบกับวิกฤติ​การณ์​ในปี​ 2540​ จะบอกได้เลยว่าครั้งนี้หนักกว่ามาก
2.ความไม่มีวินัยของผู้คนที่ผ่านๆมาในหลายเรื่องของผู้คนในสังคมเมื่อต้องมาเจอกับของจริง​ ตายจริง​ ความกลัวตายบวกกับความเข้มข้นในการใช้กฏหมายแบบจับจริง​ ปรับจริง​ อีกทั้งการกระจายอำนาจให้พ่อเมืองต้องรับผิดชอบเมืองและคนในเมืองของตนเอง​ ทำให้เรามายืนหนึ่งในการจัดการต่อสู้กับการแพร่ระบาดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.ในแง่ขององค์กร​ทางธุรกิจ​ เราๆท่านๆจะพบว่า​ องค์กร​ที่สามารถเอาตัวรอดจากพายุการแพร่ระบาดของไวรัสจะมีลักษณะการปรับเปลี่ยนที่ฉับพลันในช่วงข้ามคืนในหลากหลาย​มิติดังนี้
3.1​ รูปแบบโครงสร้างองค์กร​จะไม่ใช่เป็นชั้นๆไหลการสั่งจากข้างบนลงข้างล่างแต่จะเปลี่ยนเป็น​ Network, Working team, Working group เข้ามาแทนที่
3.2​ อำนาจการสั่งการจะไม่ได้มาจากคนเป็นผู้นำสูงสุด​ แต่จะมาจากหัวหน้ากลุ่มงานหรือเครือข่ายนั้นๆ​ เพราะต้องมีการตัดสินใจในหน้างานแล้วค่อยรายงานเป็นสำคัญ
3.3 ระบบข้อมูล​เพื่อการทำงานจะมีการแชร์​กันอย่างกว้างขวาง​ ในบางแห่งจะไม่เกิดปัญหาข้อมูล​ของฝ่ายฉันฝ่ายเธอ​ ไม่มีลักษณะ​เป็นไซโล​ การเข้าถึงบนความปลอดภัยจะยืดหยุ่นมากขึ้น​ การหวงกันข้อมูล​เพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้ผู้บริหารสูงสุดเห็นความสำคัญกับตนเองเทียบกับฝ่ายงานอื่นจะลดน้อยลงไป​ ภาษานักเลงคือ​ เล่นเกมส์​กั๊กกันไม่ได้เลยมีเดียว
3.4 ยึดเอาเป้าหมายที่ต้องไปให้ถึงมากกว่ายึดการปฏิบัติที่ต้องทำให้ครบขั้นตอน​ เพราะการเอาตัวนใรอดนั้นหมายถึงการบรรลุเป้าหมายรายวัน​ รายอาทิตย์​ดังนั้นมันจะเกิดคำถามตลอดว่าทำไมต้องทำขั้นตอนนี้​ ทำไมเลิกขั้นตอนนี้ไม่ได้​ ตัวอย่างเช่นการทำงานจากที่บ้าน​ การประชุมผ่านออนไลน์​ มันไม่เห็นต้องมานั่งในที่เดียวกัน​ ตราบใดที่มีการเห็นหน้า​ ได้ยินเสียง​ เห็นภาพต่างๆ​ มีการหารือกันได้​ ที่ผ่านมาทำไม่ได้เพราะไม่ยอมทำ​ ไม่คิดจะทำ​ เลยอ้างกฏหมาย​ จริงแท้แล้วที่ไม่ทำเพราะไม่กล้าครับ​ กลัวว่าทำไปแล้วตัวเราที่เคยมีเคยได้ก็จะกลายเป็นอะไรที่องค์กร​บอกทิ้งไปก็ได้เท่านั้นเอง

กลับมามองที่คนในองค์กร​ระยะต่อไปหลังจากที่องค์กร​ถูกเขย่าจนต้องปรับเปลี่ยน​ คนในองค์กร​ยุคใหม่จะถูกนิยามใหม่ดังนี้นะครับ
1.คำว่าคนเก่ง​ ไม่ได้หมายถึงคนที่เรียนเก่ง​ แต่หมายถึงคนที่สอนได้​ พร้อมจะเรียนรู้​ พร้อมที่จะหาหนทางให้ตนเองได้รู้มากขึ้น​ และไม่หยุดเรียนหากยังไม่รู้
2.คำว่าทำงานหนัก​ ไม่ได้หมายถึงทำงานที่ใช้เวลามากมาย​ ทำหามรุ่งหามค่ำ​ แต่คำว่าทำงานหนักคือ​ ทำจริง​ เอาจริง​ ทำเร็วจบเร็ว​ ได้ผลลัพท์​ที่มีผลกระทบต่อเป้าหมายที่สูง​ เวลาที่ทำเสร็จ​ไม่ใช่ปัจจัยบอก�
3.คำว่ามีความภักดี​ มันจะไม่ได้หมายถึงความภักดีที่คนทำงานจะมีให้กับผู้บริหารสูงสุด​ แต่มันจะเป็นความภักดีต่อคุณค่าที่องค์กร​ได้ตั้งและได้ให้เอาไว้​เช่น​ องค์กร​ที่ตั้งคุณค่าให้กับตัวเองว่า​ ฉันคือโครงสร้างพื้นฐานในระบบสถาบันการเงิน​ มีหน้าที่ประการหนึ่งคือ​ การเป็นสัญญาณ​เตือนภัย(Early warning for financial system) ดังนั้นการออกมาให้ข้อมูล​ข่าวสารในทางที่เป็นผลลบต่อตำแหน่งหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูงเพื่อรักษาไว้ในบทบาทขององค์กร​ที่ควรจะเป็น​ คนที่รับผิดชอบก็ต้องดำเนินการให้ไปตามนั้น​

เมื่อรูปแบบขององค์กรที่จะตอบโจทย์​โลกหลัง​ covid-19.มันเปลี่ยน​ ผู้คนก็ปรับเปลี่ยนทั้งวิธีคิด​ วิธีทำ​บนความหมายและคำนิยามที่แตกต่างกัน​ การวัดและประเมินผล​ การจัดสรรแบะการกระจายทรัพยากรจะให้เป็นแบบเดิมก็คงไม่ได้​ ยิ่งการจัดสรรผลตอบแทนก็ยิ่งเป็นไปแบบเดิมๆก็คงไม่ได้เช่นกัน​

ชีิตต้องเอาให้รอด​ งานก็ต้องทำให้ดี
สังคมที่ต้องจำใจรักษาระยะห่าง
จะคิดจะทำอะไรต้องฟังหมอก่อนสิ
องค์กรที่ต้องเป็นแบบตุ๊กตาล้มลุก
ผู้คนในองค์กร​ทำงานบนคำนิยามใหม่
ความจริงจะมีคนสนใจว่าจริงแบบไหน
ที่ว่าจริงมันจริงหรือไม่
ความจริง​ ความดี​ ความดีที่เป็นจริงจะถูกแยกแยะในความต่างของการมอง
ท้ายสุด​ ความเลวร้ายในรายละเอียดจะปรากฏเช่น​ รายชื่อบรรดาเจ้าหนี้ที่ต้องมาโหวตแผนฟื้นฟู​จะนำไป​สู่​การตั้งคำถาม​ การขุดค้นหาความจริง​ว่า​ หนี้นี้ท่านได้แต่ใดมา… และรากแก้วที่หยั่งลึกของพิษร้ายจะถูกขุด​ ถอนทิ้งในโลกยุคหลัง​ covid-19.หรือไม่​ เราคงได้เห็นกันไม่ช้า