เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : “ตัวเลข​ ณ​ สิ้นไตรมาส​ 1 ก่อนผลกระทบของ​ COVID​-19 จะเริ่มรุนแรงตัวเลขที่เห็นเป็นอย่างไร” www.posttoday.com วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2563

ตัวเลข​ ณ​ สิ้นไตรมาส​ 1 ก่อนผลกระทบของ​ COVID​-19 จะเริ่มรุนแรงตัวเลขที่เห็นเป็นอย่างไร​  
 
  หลายๆ สถาบันที่มีข้อมูล​ มีความรู้​ มีการศึกษาเรื่องราวความเป็นไปต่างๆในระบบเศรษฐกิจ​ของประเทศไทย​เราในแง่มุม​ต่างๆ​ จะออกมาให้ข้อมูล​ที่น่าสนใจต่อสาธารณะให้ได้รับทราบด้วยมูลเหตุจูงใจ​หลายประการคือ
  1.แสดงผลงานที่ตนได้ศึกษาวิจัยออกมาในวงกว้าง
  2.แสดงข้อมูล​ที่สำคัญเพื่อชักชวนให้คนคิดตาม​ และนำไปวางแผนในการดำเนินงาน​ ดำเนินชีวิต​ อันนี้รวมถึงการให้คำแนะนำ​ และการส่งสัญญาณ​เตือนในทางบวกและลบ
  3.ให้ข้อมูล​พื้นฐานเพื่อให้คนที่สนใจและมีวิชาความรู้นำไปศึกษาเพิ่มเติม​ นำไปผสมผสาน​กับข้อมู​ลที่เขาคนนั้นมี​ แล้วในท้ายที่สุด​ ก็จะนำไปสู่การสร้างทางเลือก​ ทางแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น​ หรือคาดว่ากำลังจะเกิดขึ้น​ เพื่อลดความรุนแรงและผบกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ​ในท้ายที่สุด
 
  บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ในฐานะที่เป็นบริษัทซึ่งมีคำว่า​ “แห่งชาติ​” ต่อท้ายก็มีบทบาทตามข้อ​ 2 และ 3 ข้างต้นเหมือนกัน​ ในยามที่ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์​ใหม่หรือ​ COVID-19​ โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ​ การเงิน​ สถาบันการเงิน​ และคนที่เป็นลูกหนี้​ ดังนั้นเมื่อสิ้นไตรมาส​ 1 ของปี 2563​ เครดิต​บูโร​จึงใคร่ขอเสนอข้อมู​ลบางส่วนที่สำคัญ​มากดังนี้คือว่า​ ณ​ 31​ มีนาคม​ 2563​
 
  1.ที่เครดิต​บูโร​มีสมาชิกที่เป็นสถาบันการเงินจำนวน​ 103แห่ง​ หากแต่ยังไม่รวมถึงสหกรณ์​ออมทรัพย์​หลายร้อยแห่ง และไม่รวม​ 2 บริษัทผู้ให้สินเชื่อรถแลกเงินรายใหญ่ของตลาดสินเชื่อดังกล่าว
  
  2.ที่เครดิตบูโร​ เรามีจำนวนบัญชีสินเชื่อของบุคคลธรรมดา​คือ​ นาย ก.​ นาย ข.​ กว่า​ 108 ล้านบัญชี​ ครอบคลุมคนที่เป็นลูกหนี้ของ​ 103 แห่งของสถาบันการเงินสมาชิกจำนวนประมาณ​ 28 ล้านคน
 
  3.ที่เครดิตบูโร​ เรามีข้อมูล​จำนวนมูลค่าหนี้ที่บุคคลธรรมดา​กู้มาแล้วไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน​ สินเชื่อรถยนต์​รวมเช่าซื้อ​ สินเชื่อบัตรเครดิต​ และสินเชื่อส่วนบุคคลจำนวนรวมกันถึง​ 11.7 ล้านล้านบาทเทียบกับหนี้ครัวเรือนไทยที่มีอยู่​ถึง​ 13.3 ล้านล้านบาท
 
  4.ในช่วง​ 3 เดือนแรกของปี​ 2563​ สถาบันการเงินสมาชิกของเครดิตบูโรได้เข้ามาดูข้อมูล​ลูกค้าคนที่มาขอยื่นกู้ที่เรียกว่า​ Credit​ bureau​ report enquiry for new loan จำนวนเฉลี่ยเดือนละ​ 1.5 ล้านรายการ​ ซึ่งก็จะอนุมานเอาได้ว่ามีคนมายื่นขอกู้สถาบันการเงิน​สมาชิกของเครดิตบูโรคิดเป็นใบสมัครสินเชื่อของนาย ก.​ นาย ข.​ จำนวนเฉลี่ย​ 1.5 ล้านใบสมัครต่อเดือน (ในปีที่ประเทศเรามีโครงการรถยนต์​คันแรก​ ในครั้งนั้นมีการเข้ามาดูข้อมูล​ในเครดิต​บูโร​สูงถึง​ 1.8 ล้านรายการต่อเดือนครับ)
  
  5. ในช่วง​ 3 เดือนแรกของปี​ 2563​ สถาบันการเงินสมาชิกของเครดิตบูโรได้เข้ามาดูข้อมูล​ลูกค้าเก่าที่ได้ให้กู้ไปแล้วในอดีต (Existing customer) ที่เรียกว่า Portfolio credit review enquiry จำนวนเฉลี่ยเดือนละ​ 5 ล้านรายการ​ ซึ่งก็จะอนุมานเอาได้ว่ามีการดูข้อมูลของลูกหนี้เก่าที่ตนเองได้อนุมัติไปแล้วเพื่อการบริหารความเสี่ยง เช่น​
  ดูว่าในเวลาตอนอนุมัติเขามีหนี้ทั้งหมดเท่าไหร่​ มีหนี้ที่ไหนบ้าง​ เป็นหนี้ประเภทไหนบ้าง​ กี่บัญชี​ เทียบกับในปัจจุบันสถานะความเป็นหนี้เขาเป็นอย่างไร​ ดีขึ้น​ แย่ลง​ คงเดิม​ แล้วก็ลองเทียบดูกับรายได้ของลูกหนี้รายนั้นในตอนอนุมัติกับในเวลาปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นของสถานการณ์​การแพร่ระบาดของไวรัส​ COVID​-19​ หรือจะดูว่า​ ทำไมลูกค้ารายนี้ค้างชำระที่บัญชีของสถาบันการเงินเรา​ แต่กับบัญชีเงินกู้ของสถาบันการเงินอื่นนั้นเขายอมไปชำระ​ ไม่เป็นหนี้ค้างชำระเหมือนที่ทำกับสถาบันการเงินเรา
  หรือจะเอาข้อมูล​ไปแยกแยะลูกหนี้ใน​ Portfolio ของสถาบันการเงินเราว่า​
  ดีหนึ่งประเภทหนึ่งเป็นอย่างไร
  ดีหนึ่งประเภทสองเป็นอย่างไร
  หรือจะเอาไปแบ่งเกรดเป็น​ A, B, C, D
  … ทั้งนี้ก็เพื่อไปกำหนดมาตรการป้องกัน​ มาตรการติดตามทวงถาม​ เป็นต้น