เศรษฐกิจคิดง่ายๆ (ดิจิทัล) : “สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์​ พลังปัญญาเพื่อสังคมไทย” www.posttoday.com วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563

สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์​ พลังปัญญาเพื่อสังคมไทย

สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 โดยปีนี้ได้ดำเนินการมาครบรอบ 5 ปีแล้ว สถาบันแห่งนี้ได้สร้างสรรค์งานวิจัยที่มีคุณภาพและสนับสนุนนโยบายเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไทย อีกทั้งยังเป็นที่รวบรวมนักวิจัยชั้นนำมากมายที่มีเป้าหมายเดียวกันคือ การศึกษาค้นคว้าในเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ

เมื่อหลายปีก่อน​ ผู้เขียนได้พบกับ ดร.ปิติ ดิษยทัต (อดีตผู้อำนวยการสถาบันฯ คนแรก) ซึ่งดูแลสถาบันวิจัยฯ นี้​ในสมัยนั้น พอได้พูดคุยกันและเห็นถึงความมุ่งมั่นเมื่อเวลาที่ต้องแสดงความคิดเห็นบนเวทีสาธารณ​ะ​ ทำให้ภาพจำในระบบคิดสังคมไทยที่มักถูกใครต่อใครกล่าวว่าไว้ถูกทำลายลงไป

… คำกล่าวที่ว่ากลุ่มนักวิชาการ​ เอาแต่ศึกษา​ วิจัย​ ผลัดกันเขียน​ เวียนกันอ่าน​ ผ่านกันชม​ ไม่มีความเข้าใจสังคมที่หลากหลายซับซ้อน​ โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นปัญหาประเทศที่ซ่อนอยู่และได้สร้างความอยุติธรรมในหลายเรื่อง​ ย้ำอีกครั้งนะครับว่าวาทกรรมดังกล่าวได้ถูกความตั้งใจของนักวิจัยไทยกลุ่มนี้ “ทำลายลงไป” ในระดับที่น่าพอใจ

ความมุ่งมั่นในการหาฐานข้อมูล​ดิบเพื่อนำมาวิจัยในประเด็นต่างๆ ทำให้องค์กรที่ดูแลข้อมูล​คนที่เป็นหนี้ในระบบสถาบันการเงินไทยอย่างเครดิตบูโรตัดสินใจดำเนินการจัดเตรียมและส่งมอบข้อมูลจำนวนมากภายใต้กฎระเบียบที่ออกมา​กำกับดูแลการใช้ข้อมูล เช่น ข้อมูลสถิติระดับรายสัญญาเงินกู้​ ในช่วงเวลานับสิบปี​ และที่สำคัญข้อมูลดังกล่าวได้ถูกทำให้ปราศจากตัวตน​ ไม่กระทบสิทธิความเป็นส่วนตัว​ และท้ายที่สุดสามารถทำให้ข้อมูลสถิตินี้เป็นสินค้าสาธารณะ (public good) ที่คนเก่ง​ คนดี​ ได้สามารถเข้าถึง​ เอาไปทำเป็นความรู้​ เอาไปสร้างปัญญาในการแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองผ่านการออกแบบนโยบายที่มาจากฐานความรู้​จริง​ ไม่ใช่มาจากความรู้สึก​ เช่นมาตรการเข้มงวดในการก่อหนี้บัตรเครดิต​ สินเชื่อส่วนบุคคล​ ในบางกลุ่มรายได้ เป็นต้น

กลับมาที่งานของผู้คนในสถาบันวิจัยแห่งนี้อีกครั้งครับ​ จุดที่ผู้เขียนมองเห็นเด่นชัดมากๆ คือ​ นักวิจัยในสถาบันฯ แห่งนี้คือ​

1.ไม่ใช่คนที่เบื้อใบ้อยู่แต่ในเรือน​ ไม่ฟังคนอื่น​ คิดว่าตนเองถูก​ และสูงส่งกว่าใครต่อใคร​ (อาจเป็นเพราะมีอวิชาว่าฉันคือ​Public trust คนจึงต้องเชื่อต้องฟังสิ)

2. สร้างเครือข่าย​แห่งผู้คนที่ค้นหาความรู้แจ้งเห็นจริง​ ไม่จำกัดคนที่ทำงานด้วยว่าเป็นนักวิชาการ​ เป็นคนทำงานแบบไหน​ ไม่ต้องเรียนเศรษฐ​ศาสตร์​ ไม่ต้องเรียนสถาบันระดับโลก​ แต่เป็นกลุ่มคนที่เข้าถึง-เข้าหาง่าย​ บ้านๆ​ มีอารมณ์​ขันในงานที่เครียด​ อันนี้มาจากสิ่งที่ผู้เขียนสัมผัส

3. มีความเป็นอิสระในการนำเสนอความเห็นและสิ่งที่ค้นพบอย่างตรงไปตรงมา​ เพราะในบางองค์​กร​ เมื่อผลงานผ่านสายการบังคับบัญชาที่ยาว​ โบราณ​ และขลาดกลัวต่อการถูกกระแทกจากพลังภายนอก​ ที่สุดก็มาปรับแต่งความแหลมคมของงานวิจัยให้ไร้พลัง​ ประนีประนอม จึงยากที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ๆ

ท่านผู้อ่านสามารถติดตามการเผยแพร่บทความวิจัยเชิงลึก (PIER Discussion Paper) และบทความวิจัยฉบับย่อ (aBRIDGEd) ผ่านเว็บไซต์ www.pier.or.th รวมถึงได้สนับสนุนนักวิจัยภายนอก กิจกรรมทางวิชาการที่จะเป็นเวทีในการชี้นำความคิดด้านนโยบายสาธารณะ และให้นักวิชาการนำเสนอผลงานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเปิดกว้าง

สิ่งที่ผู้เขียนในฐานะที่เป็นกัลยาณมิตร​กับผู้คนของสถาบันนี้มาในระยะเวลาหนึ่ง​ อยากจะเห็น​ อยากจะเสนอความท้าทายกับก้าวที่กล้าในงานลำดับต่อไปของสถาบันวิจัยอันทรงคุณค่านี้คือ​
อยากเห็นบทบาทและงานวิจัยที่จะส่งผลถึงการวิพากษ์​บทบาท​ หน้าที่​ ความรับผิดรับชอบขององค์กร​การกำกับเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยที่ทันต่อการแข่งขัน​ ทันต่อนายทุน​ ทันต่อปัญหาการกดทับทางชนชั้นของสังคมในกรอบของความมีอิสระในการนำเครื่องมือที่ตนเองคิดว่าดีไปใช้ให้เกิดผลอย่างที่ตนเองกำหนดเป้า​ และพิสูจน์ถึงการมีความรับผิดรับชอบในทางการเมืองกับความไว้วางใจของชาวบ้านตาดำๆ ที่เรียกว่าการเมืองของพลเมือง (คล้ายๆ กับการสอบวิทยานิพนธ์​กับชาวบ้าน)​ ท้ายสุดคือความมีประสิทธิผลในการสื่อสาร​ พูดจา​ พูดคุยในกับคนในชนชั้นรากแก้ว​ รากหญ้า​ คนแบบบ้านๆให้ได้เข้าใจได้ว่า​ ความอยูดีมีสุดของเขาเหล่านั้นบางส่วนไม่มากก็น้อยอยู่ในความรับผิดชอบของใคร​

ท่านอาจารย์ป๋วย​ เคยแสดงความกล้าหาญวิพากษ์​และชี้แนะรัฐบาลที่ตั้งท่านมาดำรงตำแหน่งต่างๆ​ หากแต่ลาภ​ ยศ​ สรรเสริญ​ ผลตอบแทนรายปีรายเดือน​ และอำนาจในการสั่งผู้คน​ที่มากล้น​จากการแต่งตั้ง ไม่อาจทำลายหรือบั่นทอนขีดความสามารถในการแสดงความเป็นอิสระ​ทางวิชาการบริสุทธิ์​ที่เอาบ้านเอาเมืองเป็นที่ตั้งได้​ ในโอกาสนี้ผู้เขียนจึงขอแสดงความชื่นชมสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ และผู้คนภายในองค์กร​ด้วยจิตคารวะ​ยิ่งครับ