คอลัมน์ เครดิตบูโรคิดเป็นเห็นต่าง : “เมื่อมีประวัติค้างชำระและเคลียร์แล้ว…ควรทำอะไรต่อไป” หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันศุกร์ 3 กรกฎาคม 2563

เมื่อมีประวัติค้างชำระและเคลียร์แล้ว…ควรทำอะไรต่อไป

บทความนี้จะเป็นการให้ข้อมูลกับ ผู้คนที่มีคำถามว่า เมื่อตนเองไม่ชำระหนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด และค้างชำระเรื่อยไปจนเกิน 300 วัน ซึ่งท้ายสุดคือผิดสัญญา จะถูกฟ้องร้องให้เกิดความเครียดไม่เป็นอันทำมาหากินกันเลยทีเดียว…..คำถามคือแล้วจะทำอย่างไรต่อ?

สำหรับแนวทางมีดังนี้

1. ต้องทำให้ตัวเราเองเป็นแค่ “คนเคยค้าง” ให้เร็วที่สุด กล่าวคือรีบชำระหนี้ที่ค้างเสียก่อนโดยด่วน

2. ตั้งสติสำรวจว่าที่เราเป็นหนี้จนมีปัญหาเพราะอะไร เช่น ใช้จ่ายเกินตัว ฟุ่มเฟือย อยากได้อะไรตามเพื่อน แต่เขามีฐานะทางการเงินดีกว่าเรา ตอบให้ตรง ถ้าเป็นไปได้บอกต่อหน้าพระยิ่งดี

3. ที่ห้ามขาดคือ ม้า มวย หวย บอลจะไม่ยุ่งเกี่ยว หากทำให้แช่งกับตัวเองว่าขอให้วิบัติ อย่าได้พบสิ่งดี ๆ อีกต่อไป วิธีการหักดิบแบบนี้ได้ผล มาก ๆ ยิ่งเอาน้ำมนต์มาดื่มประกอบจะยิ่งดี

4. สำรวจรายได้ว่ามาจากไหนได้บ้าง มีจำนวนเท่าไหร่ต่อเดือน และสำรวจรายจ่ายเป็นกลุ่ม ดังนี้ กลุ่มแรกเป็นรายจ่ายพื้นฐานเพื่อการดำรงชีวิตซึ่งไม่น่าจะเกิน 25-30% ของรายได้รายเดือน กลุ่มที่สองรายจ่ายเพื่อการออม เช่น ตัดเงินเดือนเข้าสหกรณ์ออมทรัพย์ เงินฝากประจำเป็นต้น กลุ่มที่สามรายจ่ายที่เกิดจากอารมณ์อยากได้

5. หาเงิน มีการสร้างรายได้ เอาเงินที่ได้มาเป็นเงินฝากเข้าบัญชีสม่ำเสมอ 6-12 เดือนอย่างต่อเนื่อง ต้องอดทน อดออม อดทนที่จะไม่ใช้เพื่อเก็บเงินเอามาใช้ในยามจำเป็น

6. เมื่อต้องการจะสร้างหนี้อีกครั้งให้ถามตัวเองหน้ากระจกว่า จะเอาเงินไปทำอะไร จะวางแผนใช้คืนยังไง ทั้งหนี้เก่าและหนี้ใหม่ หากหาคำตอบได้จึงตามด้วยการตรวจเครดิตบูโรของตนเองอีกครั้งพร้อมคำตอบที่เตรียมไปชี้แจงว่าที่เกิดการค้างชำระเพราะอะไร

7. ท้ายสุดเลิกโทษใครต่อใคร ให้ทบทวนตนเอง ให้รู้จักตัวตนของเรา หาให้เจอเหตุของการผิดนัด เพราะจะเป็นประวัติของตัวเราเอง เราจะได้ไม่ต้องกลับไปเจอเหตุการณ์ แบบก่อนหน้าและหลังปี 2540 ที่ประเทศทั้งประเทศจะล้มละลายด้วยปัญหาของหนี้เสียที่มาจากสาเหตุไม่รู้จักลูกค้าคนที่มาขอสินเชื่ออย่างเพียงพอต่อการตัดสินใจ

“ปัญหาการเงินเริ่มที่ไม่ออมเงิน ไม่ออมก่อนใช้ ไม่ออมก่อนกู้ ที่แย่ที่สุดคือเอาหนี้ให้มาใช้หนี้เก่าซึ่งท้ายสุดก็จบด้วยการจ่ายไม่ได้นั่นเอง”