คอลัมน์เศรษฐกิจคิดง่ายๆ : “มีเสียงโวยเสมอ ถ้าหยุดเติมไวน์ ในงานรื่นเริง” : วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม 2561

คอลัมน์ เศรษฐกิจคิดง่ายๆ

“มีเสียงโวยเสมอ ถ้าหยุดเติมไวน์ ในงานรื่นเริง”

นสพ.โพสต์ทูเดย์ วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม 2561

 

มันจะมีเสียงโวยเสมอ ถ้ามีการหยุดเติมไวน์ ในขณะงานรื่นเริงกำลังสนุกสนาน

1.สุรา ไวน์  ของมึนเมา หากดื่มกินพอประมาณก็อาจกระตุ้นเลือดลมให้คึกคัก ทานอาหารอร่อยขึ้น สนทนาได้สนุกขึ้น แต่ถ้าเกินเลยไปจะเป็นปัญหาต่อสุขภาพ  อันตรายต่อตนเองและผู้อื่นหากขับขี่ยานพาหนะ และในระยะยาวแล้วผู้ที่เสพติดจะต้องมีต้นทุนที่ต้องจ่ายในเรื่องสุขภาพ  ซึ่งกว่าจะรู้สึกก็คงคิดได้ว่า … เรามาถึงตรงนี้ได้อย่างไร… ท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินเรื่องแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง

2.ในเรื่องของการลงทุนก็เช่นกัน ถ้าผู้ลงทุนคิด ใคร่ครวญ และคำนึงถึงความเสี่ยงเทียบกับผลตอบแทนและไม่เอาความกดดันที่ตนเองไม่รู้จะหันไปลงทุนอะไรให้มันพอกับสิ่งที่ต้องการและคาดหวังไว้ เนื่องจากในสภาพความจริงเวลานี้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากมันเตี้ยติดดิน แบงก์ก็ยังกำไรมากมายเกินกว่าแสนล้านในไตรมาส3ของปีนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ขยับได้ยากเพราะจะกระทบคนกู้  เงินฝากที่เป็นฐานของแหล่งเงินกู้ก็ต้องอยู่แบบนี้มานานนับสิบปี ท่านผู้อ่านท่านใดจำได้บ้างว่าเงินฝากออมทรัพย์เราเกิน 2-3% เกิดขึ้นในปี พ.ศ.ใด มันจึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่า ผู้คนที่พอจะเก็บออมได้บ้างจึงค้นหารูปแบบการลงทุนโดยละเลย หรือตั้งใจจะไม่ได้ยินเสียงตะโกนว่ามันเสี่ยงนะเพราะคิดว่าทำดีกว่าไม่ทำ  และปลอบใจตัวเองว่า มันคงไม่เกิดขึ้นกับเรา

3.การมีบ้านเป็นของตนเอง  เป็นภารกิจศักดิ์สิทธิ์ของผู้คนในสังคมเราจำนวนไม่น้อย  การพิสูจน์ตนเองของครอบครัวที่ชายเป็นใหญ่  จึงมุ่งสร้างฐานะในช่วงวัยทำงาน บ้านเป็นสินทรัพย์ชิ้นใหญ่ บ้านหลังแรกจึงเป็นเรื่องที่มุ่งเน้นไปตามความเชื่อว่า ซื้อบ้านผ่านการกู้  วางดาวน์เป็นก้อน เข้าอยู่อาศัยจริง เป็นการลงทุนสร้างฐานะ และถ้าขายไปในอนาคตก็จะได้กำไรกลับมาพอสมควร ความเชื่อ ความจริง ความงามในความมุ่งหมายจึงไม่มีใครจะโต้แย้งว่าบ้านหรือคอนโดหลังแรกจะสร้างปัญหา

4.แต่บ้านหรือคอนโดสัญญา ที่สองมันมีประเด็นที่อาจมีความเห็นต่าง เช่น

4.1 ถ้าบ้านหลังแรกอยู่ไกล อยู่ชานเมือง  การขนส่งสาธารณะยังไม่เสร็จ  รถไฟฟ้ายังไม่มาหานะเธอ ใครต่อใครก็สงสารลูกสงสารตัวเองที่จะต้องแหกขี้ตาแต่เช้าวิ่งเข้ามาในเมืองให้ทันเวลา  ถ้าเขาและเธอมีความจำเป็นจริงๆ พอมีเงินออมบ้าง  เราจะไปสร้างเงื่อนไขเพิ่มให้เขาเหล่านั้นกู้เงินมาซื้อที่อยู่อาศัยยากลำบากขึ้นอีกหรือ

4.2 แต่ถ้าบ้านหรือคอนโดหลังที่สองที่คนอีกกลุ่มมุ่งหมายจะใช้วิธีหมุนหนี้ หมุนเงิน  เกินฐานะที่จะลงทุน หวังจะกู้มาซื้อแล้วปล่อยเช่าเพื่อเอาค่าเช่ามาจ่ายค่าผ่อน  หรือวางดาวน์ปลอมๆ กู้เงินโดยเป็นสัดส่วนที่สูงของราคาที่เวอร์ เงินกู้ที่ได้ถูกทอนกลับในส่วนของเงินดาวน์ที่ลงไปก็เท่ากับว่าเขาจับเสือมือเปล่าใช่หรือไม่ พฤติกรรมมีจริงหรือไม่ถ้ามีจริงมันมากหรือน้อยมันขยายผลขยายแผลไปขนาดไหนและจะจัดการตรงนี้กันอย่างไร มาตรการฉีดยาฆ่าหญ้าโดยไม่ทำให้มะลิ กุหลาบ แก้วเจ้าจอม หรือต้นไม้หอมอื่นๆ โดนด้วยจะทำกันแบบไหน

5.ก็ไหนคนปล่อยกู้บอกตัวเองมี big data ก็ไหนคนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บอกว่าตัวเองทำธุรกิจ บน big data  ก็ไหนผู้กำกับ กรรมการบอกมีข้อมูลที่มาจาก big data ก็ไหนคนที่ทำวิเคราะห์วิจัยบอกทำมาจาก big data ทำไมจึงไม่เอาผลจาก big data ที่ท่านๆ มีมาชนกันล่ะ เอาความรู้จริงมาถกแถลง อภิปราย กัน อย่าเอาความรู้สึกให้ใช้ความรู้จริง ลึกๆ ผมในฐานะคนทำงานมีคำถามในใจว่า หรือว่าที่บอกว่าฉันมี big data ที่แท้มันคือคำพูดที่ต้องพูด มีไม่มีไม่รู้แต่ต้องพูดให้ดูดีของผู้นำองค์กรที่ตนเองมีสัญญาจ้างสี่ปีค้ำคออยู่

6.ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา มีเริ่มต้นมีกำไรแพร่กระจาย ทำกันทุกตึกทุกแห่งที่อยู่อาศัย ทำกันเพราะแข่งขัน แข่งกันจนหมดมุขดี ก็ต้องใช้มุขปัญญาแบบมาร พิสดารจนหมดทางแล้ว คนที่เฝ้าดูอดรนทนไม่ได้เพราะกลัวว่าเชื้อไฟเล็กๆ จะกลายเป็นไฟป่า เหตุเพราะหมู่บ้านเคยถูกไฟป่าเผาเป็นจุณในปี 2540 ดังนั้นจึงตัดสินใจเลิกเสิร์ฟเครื่องดื่มทุกชนิดในงานเลี้ยงที่กำลังสนุก และประธานยังไม่กล่าวปิดงาน ที่สำคัญแขกทุกคนต่างเจอน้ำสมุนไพรตราพญานาคคะนองนา ที่มีส่วนผสมของยาฆ่าหญ้ากิเลสในใจคนละแก้วครึ่งแก้ว จึงไม่แปลกใจที่จะมีเสียงอื้ออึง เมื่อฝุ่นได้จางลง ผมหวังใจว่าจะได้เห็นปัญญาจาก  big data ที่ท่านๆ บอกว่ามีนะครับ

มันจะมีเสียงโวยเสมอ ถ้ามีการ หยุดเติมไวน์  ในขณะที่งานรื่นเริง กำลังสนุก